อยากได้ที่ปรึกษาสักคน! ไรน์ฮาร์ดมีความรู้สึกเช่นนี้แรงขึ้นทุกวันที่ผ่านไป ที่ปรึกษาที่เขาอยากได้นี้ มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การให้คำปรึกษาในทางยุทธศาสตร์เท่านั้น เพราะหากเป็นด้านนั้นละก็ เพียงแค่ตัวไรน์ฮาร์ดเองและเคียร์ชไอซ์ก็เพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ที่ปรึกษาที่จะให้ความช่วยเหลือเขาในด้านการวางแผนทางการเมือง รวมทั้งการจารกรรมนั่นเอง ทั้งนี้ ไรน์ฮาร์ดตระหนักดีกว่า นับจากนี้ไป การทำจารกรรม รวมทั้งการต่อรองเล่นแง่ทั้งบนดินและใต้ดินกับบรรดาพวกขุนนางฐานันดรซึ่งยึดพื้นที่ ทำรัง กันหนาแน่นอยู่ในเขตวังหลวงนี้ คงเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่พ้นเสียแล้ว และในด้านนี้เอง เคียร์ชไอซ์ก็มิใช่บุคคลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เขาได้ ทั้งนี้มิใช่เพราะความสามารถของตัวบุคคลแต่อย่างไร หากแต่เป็นประเด็นของอุปนิสัยและวิธีการคิดต่างหาก ไรน์ฮาร์ดมองบุรุษที่ฝากบลัสเตอร์ของตนไว้กับทหารยามด้านนอกแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขามือเปล่า เขานึกชื่อของบุคคลเบื้องหน้าออกทันทีหลังจากตรวจเช็คกับสารบบรายชื่อบุคคลที่เก็บไว้ในใจแล้ว รวมทั้งยังนึกออกด้วยว่า ยังไม่มีเหตุผลใด ๆ สำหรับเขาที่จะมีความรู้สึกที่ดีต่อบุคคลผู้นี้เลยแม้แต่น้อย พันเอกโอแบร์สไตน์กระมัง... เจ้ามีธุระอะไรกับเราหรือ? ก่อนอื่น กรุณาให้คนอื่นออกไปก่อนเถิดขอรับ อาคันตุกะผู้มิได้รับเชิญ เรียกร้องด้วยน้ำเสียงอันไร้ความเกรงใจ ณ ที่นี่ มีคนอยู่เพียงสามคนเท่านั้น ถูกต้องแล้วขอรับ ท่านพลโทเคียร์ชไอซ์ก็อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นข้าฯน้อยจึงได้ขอให้ท่านพลโทออกไปก่อนขอรับ เคียร์ชไอซ์มองแขกผู้มาเยือนอย่างสงบ ขณะที่ไรน์ฮาร์ดก็กำลังถลึงสายตาอันคมกริบเข้าใส่เป้าหมายเดียวกัน เคียร์ชไอซ์เปรียบเสมือนกับตัวของเราเองนั่นแหละ เจ้าไม่รู้ความจริงเรื่องนี้หรอกรึ? ทราบดีขอรับ แสดงว่ามีเรื่องที่ไม่อยากให้เขาได้ยินละสิ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็จะเล่าให้เขาฟังทีหลังอยู่ดี มันก็มีค่าเท่ากันมิใช่หรือ? นั่นก็ย่อมแล้วแต่ใต้เท้าจะเห็นชอบขอรับ เพียงแต่ว่า ในวิถีทางที่จะก้าวสู่ความเป็นใหญ่นั้น ใต้เท้าย่อมต้องการบุคลากรที่แตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน A (อา) ก็มีงานที่เหมาะสมกับอาให้ทำ ในขณะที่ B (เบ) ก็มีงานอีกลักษณะหนึ่งที่เบถนัด... เคียร์ชไอซ์ส่งสายตาไปยังไรน์ฮาร์ด พลางเอ่ยออกตัวว่า ท่านจอมพลขอรับ รู้สึกว่าข้าพเจ้าจะขอตัวไปรออยู่ที่ห้องข้าง ๆ ก่อนจะดีกว่านะขอรับ อืม ไรน์ฮาร์ดพยักหน้าอนุญาตด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด ทันทีที่เคียร์ชไอซ์ออกไปแล้ว โอแบร์สไตน์จึงเริ่มเข้าสู่หัวเรื่องทันที เหตุที่ข้าฯน้อยมาในวันนี้ คือ คิดว่าใต้เท้าคงทราบแล้วกระมังขอรับว่า ขณะนี้ข้าฯน้อยตกอยู่ในฐานะที่ลำบากเพียงใด... ฮึ คนขี้ขลาดที่หนีทัพมาจากศึกอิเซลโลนล่ะสิ เจ้าโดนวิพากย์วิจารณ์เช่นนั้นก็สมควรอยู่แล้วมิใช่หรือ นายของเจ้า- พลเอกเซกต์ได้ยอมพลีชีพไปอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้นแท้ ๆ คำตอบของไรน์ฮาร์ดเย็นชาอย่างสุดขีด แต่โอแบร์สไตน์ก็หาได้สะทกสะเทือนไม่ ใช่ขอรับ สำหรับพวกนายทหาร ธรรมดา ๆ พวกนั้นแล้วละก็ ข้าฯน้อยก็เป็นแค่ไอ้ตัวขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ข้าฯน้อยก็มีเหตุผลของข้าฯน้อยเอง และอยากจะชี้แจงให้ใต้เท้าได้ฟังขอรับ เจ้าเข้าใจอะไรผิดกระมัง หากเจ้าต้องการจะชี้แจง ก็หาใช่กับเราไม่ แต่ควรจะเป็นกับศาลทหารมิใช่หรือ? ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเรือธงของกองเรือรบประจำอิเซลโลน- พันเอกโอแบร์สไตน์ กล่าวได้ว่าขณะนี้เขากำลังจะถูกลงทัณฑ์สถานหนักอยู่รอมร่อทีเดียว ทั้งนี้นอกจากด้วยข้อหาที่ว่า เขาเป็นถึงเสนาธิการของผู้บัญชาการกองเรือแท้ ๆ แต่กลับไม่ทำหน้าที่ในการทัดทานและเสนอแผนการรบให้สมบูรณ์ อีกทั้งยังมีหน้าหนีเอาตัวรอดคนเดียวอีกด้วย- แล้ว ยังมีเหตุผลลึก ๆ อีกข้อหนึ่ง กล่าวคือ ในการที่ป้อมปราการอิเซลโลนเสียแก่ข้าศึกนั้น จักต้องมี แพะรับบาป ซึ่งก็คือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาถูกสังเวยความผิดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นเอง โอแบร์สไตน์ฟังคำตอบอันเย็นชาของไรน์ฮาร์ดแล้ว จู่ ๆ เขาก็ยกมือขึ้นไปยังตาขวาของตนเอง และเมื่อเขาลดมือของตนลง บนใบหน้าของเขาก็บังเกิดช่องว่างอันผิดปกติขึ้นช่องหนึ่ง ชายผมหงอกกึ่งศีรษะผู้นี้ยื่นมือขวาของเขาออกไป และแสดงให้จอมพลหนุ่มดูวัตถุคล้ายลูกแก้วใสที่อยู่บนมือข้างนั้นของเขา
หมายเหตุทำไมโอแบร์สไตน์ถึงเกลียดลูดอร์ฟ จนพาลมาเกลียดจักรวรรดิและราชวงศ์โกลเดนบาวม์???เป็นประเด็นที่น่าคิด แต่ในเรื่องทั้งเรื่องมีอธิบายไว้เพียงเท่านี้เองครับ เป็นไปได้ไหม (ความเห็นคนแปล ที่เรียบเรียงมาจากความเห็นหลาย ๆ คน) เขาคงเกิดมาพร้อมความพิการที่ถูกดูถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง และอาจจะโดนพูดกรอกหูอยู่บ่อย ๆ ว่า นี่ถ้าแกเกิดในยุคของมหาจักรพรรดิลูดอร์ฟแล้วละก็ แกก็คงโดนฆ่าตั้งแต่คลอดแล้ว พอโดนมาก ๆ เลยฝังใจเกลียดลูดอร์ฟไปเลย... รึเปล่า? |