นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 6 หลากวิถีหลากดวงดาว
-2-


อยากได้ที่ปรึกษาสักคน! ไรน์ฮาร์ดมีความรู้สึกเช่นนี้แรงขึ้นทุกวันที่ผ่านไป

ที่ปรึกษาที่เขาอยากได้นี้ มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การให้คำปรึกษาในทางยุทธศาสตร์เท่านั้น เพราะหากเป็นด้านนั้นละก็ เพียงแค่ตัวไรน์ฮาร์ดเองและเคียร์ชไอซ์ก็เพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ที่ปรึกษาที่จะให้ความช่วยเหลือเขาในด้านการวางแผนทางการเมือง รวมทั้งการจารกรรมนั่นเอง ทั้งนี้ ไรน์ฮาร์ดตระหนักดีกว่า นับจากนี้ไป การทำจารกรรม รวมทั้งการต่อรองเล่นแง่ทั้งบนดินและใต้ดินกับบรรดาพวกขุนนางฐานันดรซึ่งยึดพื้นที่ ‘ทำรัง’ กันหนาแน่นอยู่ในเขตวังหลวงนี้ คงเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่พ้นเสียแล้ว และในด้านนี้เอง เคียร์ชไอซ์ก็มิใช่บุคคลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เขาได้ ทั้งนี้มิใช่เพราะความสามารถของตัวบุคคลแต่อย่างไร หากแต่เป็นประเด็นของอุปนิสัยและวิธีการคิดต่างหาก

ไรน์ฮาร์ดมองบุรุษที่ฝากบลัสเตอร์ของตนไว้กับทหารยามด้านนอกแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขามือเปล่า เขานึกชื่อของบุคคลเบื้องหน้าออกทันทีหลังจากตรวจเช็คกับสารบบรายชื่อบุคคลที่เก็บไว้ในใจแล้ว รวมทั้งยังนึกออกด้วยว่า ยังไม่มีเหตุผลใด ๆ สำหรับเขาที่จะมีความรู้สึกที่ดีต่อบุคคลผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

“พันเอกโอแบร์สไตน์กระมัง... เจ้ามีธุระอะไรกับเราหรือ?”

“ก่อนอื่น กรุณาให้คนอื่นออกไปก่อนเถิดขอรับ”

อาคันตุกะผู้มิได้รับเชิญ เรียกร้องด้วยน้ำเสียงอันไร้ความเกรงใจ

“ณ ที่นี่ มีคนอยู่เพียงสามคนเท่านั้น”

“ถูกต้องแล้วขอรับ ท่านพลโทเคียร์ชไอซ์ก็อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นข้าฯน้อยจึงได้ขอให้ท่านพลโทออกไปก่อนขอรับ”

เคียร์ชไอซ์มองแขกผู้มาเยือนอย่างสงบ ขณะที่ไรน์ฮาร์ดก็กำลังถลึงสายตาอันคมกริบเข้าใส่เป้าหมายเดียวกัน

“เคียร์ชไอซ์เปรียบเสมือนกับตัวของเราเองนั่นแหละ เจ้าไม่รู้ความจริงเรื่องนี้หรอกรึ?”

“ทราบดีขอรับ”

“แสดงว่ามีเรื่องที่ไม่อยากให้เขาได้ยินละสิ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็จะเล่าให้เขาฟังทีหลังอยู่ดี มันก็มีค่าเท่ากันมิใช่หรือ?”

“นั่นก็ย่อมแล้วแต่ใต้เท้าจะเห็นชอบขอรับ เพียงแต่ว่า ในวิถีทางที่จะก้าวสู่ความเป็นใหญ่นั้น ใต้เท้าย่อมต้องการบุคลากรที่แตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน A (อา) ก็มีงานที่เหมาะสมกับอาให้ทำ ในขณะที่ B (เบ) ก็มีงานอีกลักษณะหนึ่งที่เบถนัด...”

เคียร์ชไอซ์ส่งสายตาไปยังไรน์ฮาร์ด พลางเอ่ยออกตัวว่า

“ท่านจอมพลขอรับ รู้สึกว่าข้าพเจ้าจะขอตัวไปรออยู่ที่ห้องข้าง ๆ ก่อนจะดีกว่านะขอรับ”

“อืม”

ไรน์ฮาร์ดพยักหน้าอนุญาตด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด ทันทีที่เคียร์ชไอซ์ออกไปแล้ว โอแบร์สไตน์จึงเริ่มเข้าสู่หัวเรื่องทันที

“เหตุที่ข้าฯน้อยมาในวันนี้ คือ คิดว่าใต้เท้าคงทราบแล้วกระมังขอรับว่า ขณะนี้ข้าฯน้อยตกอยู่ในฐานะที่ลำบากเพียงใด...”

“ฮึ คนขี้ขลาดที่หนีทัพมาจากศึกอิเซลโลนล่ะสิ เจ้าโดนวิพากย์วิจารณ์เช่นนั้นก็สมควรอยู่แล้วมิใช่หรือ นายของเจ้า- พลเอกเซกต์ได้ยอมพลีชีพไปอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้นแท้ ๆ”

คำตอบของไรน์ฮาร์ดเย็นชาอย่างสุดขีด แต่โอแบร์สไตน์ก็หาได้สะทกสะเทือนไม่

“ใช่ขอรับ สำหรับพวกนายทหาร ‘ธรรมดา ๆ’ พวกนั้นแล้วละก็ ข้าฯน้อยก็เป็นแค่ไอ้ตัวขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ข้าฯน้อยก็มีเหตุผลของข้าฯน้อยเอง และอยากจะชี้แจงให้ใต้เท้าได้ฟังขอรับ”

“เจ้าเข้าใจอะไรผิดกระมัง หากเจ้าต้องการจะชี้แจง ก็หาใช่กับเราไม่ แต่ควรจะเป็นกับศาลทหารมิใช่หรือ?”

ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเรือธงของกองเรือรบประจำอิเซลโลน- พันเอกโอแบร์สไตน์ กล่าวได้ว่าขณะนี้เขากำลังจะถูกลงทัณฑ์สถานหนักอยู่รอมร่อทีเดียว ทั้งนี้นอกจากด้วยข้อหาที่ว่า เขาเป็นถึงเสนาธิการของผู้บัญชาการกองเรือแท้ ๆ แต่กลับไม่ทำหน้าที่ในการทัดทานและเสนอแผนการรบให้สมบูรณ์ อีกทั้งยังมีหน้าหนีเอาตัวรอดคนเดียวอีกด้วย- แล้ว ยังมีเหตุผลลึก ๆ อีกข้อหนึ่ง กล่าวคือ ในการที่ป้อมปราการอิเซลโลนเสียแก่ข้าศึกนั้น จักต้องมี ‘แพะรับบาป’ ซึ่งก็คือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาถูกสังเวยความผิดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นเอง

โอแบร์สไตน์ฟังคำตอบอันเย็นชาของไรน์ฮาร์ดแล้ว จู่ ๆ เขาก็ยกมือขึ้นไปยังตาขวาของตนเอง และเมื่อเขาลดมือของตนลง บนใบหน้าของเขาก็บังเกิดช่องว่างอันผิดปกติขึ้นช่องหนึ่ง ชายผมหงอกกึ่งศีรษะผู้นี้ยื่นมือขวาของเขาออกไป และแสดงให้จอมพลหนุ่มดูวัตถุคล้ายลูกแก้วใสที่อยู่บนมือข้างนั้นของเขา

1062-oberstein.jpg



“กรุณาดูสิ่งนี้สักหน่อยเถิดขอรับ ใต้เท้า”

“...”

“คิดว่าใต้เท้าคงจะได้รับฟังจากพลโทเคียร์ชไอซ์มาก่อนแล้วกระมัง ว่าตาทั้งสองข้างของข้าฯน้อยเป็นตาเทียมขอรับ หากนี่เป็นยุคสมัยของมหาจักรพรรดิลูดอร์ฟแล้วไซร้ ข้าฯน้อยก็คงถูกฆ่าทิ้งเสียตั้งแต่ตอนเป็นทารก ตาม ‘พระราชบัญญัติกำจัดดีเอ็นเอที่บกพร่อง’ ไปแล้วเป็นแม่นมั่น...”

โอแบร์สไตน์ยัดตาเทียมข้างนั้นกลับเข้าเบ้าตาของตนเอง เสร็จแล้วคราวนี้เขาก็จ้องมองเข้ามาในสายตาของไรน์ฮาร์ดตรง ๆ ด้วยสายตาอันแข็งกระด้าง

“เข้าใจไหมขอรับ ข้าฯน้อยแค้นเหลือเกิน... แค้นทั้งตัวมหาจักรพรรดิลูดอร์ฟ และบรรดาลูกหลานที่สืบเชื้อสายของเขา และทุกสิ่งที่ถือกำเนิดจากเขา โดยเฉพาะไอ้จักรวรรดิทางช้างเผือกของราชวงศ์โกลเดนบาวม์แห่งนี้ด้วย!”

“ปากกล้าจริง ๆ เจ้า...”

ไรน์ฮาร์ดอดรู้สึกอึดอัดเหมือนกับคนเป็นโรคกลัวที่แคบแล้วถูกกักขังในห้องปิดตายไม่ได้ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกเช่นนั้น พาลอดคิดไม่ได้ว่า ราวกับดวงตาเทียมของเจ้าหมอนี่มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถทำให้คนอื่นตกอยู่ในความตื่นตระหนกได้ด้วยกระนั้นแหละ?

ภายในห้องซึ่งติดตั้งระบบเก็บเสียงอย่างมิดชิดนั้น เสียงของโอแบร์สไตน์ยังคงพูดต่อไปเบา ๆ หากแต่เนื้อหารุนแรงประดุจฟ้าที่ผ่าลงกลางฤดูใบไม้ผลิ

“จักรวรรดิทางช้างเผือก... มิใช่สิ ราชวงศ์โกลเดนบาวม์สมควรสิ้นสลายไปได้แล้วขอรับ หากเป็นไปได้ ข้าฯน้อยก็อยากจะทำลายมันด้วยน้ำมือของข้าฯน้อยเอง แต่น่าเสียดายที่ข้าฯน้อยไม่มีบารมีถึงขนาดนั้น สิ่งที่ข้าฯน้อยจะทำได้ก็คือ ช่วยเหลือส่งเสริมให้เกิดเจ้าแผ่นดินรายใหม่เท่านั้นเองขอรับ ซึ่งนั่นก็คือ ใต้เท้านั่นเอง ท่านจอมพล เคานท์ ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัม!!!”

ไรน์ฮาร์ดรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแตกเปรี๊ยะของอากาศที่สะสมประจุไฟฟ้าไว้จนอิ่มตัวแล้วกระนั้น

“เคียร์ชไอซ์!”

ไรน์ฮาร์ดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของเขา พลางตะโกนเรียกสหายคู่ใจทันที ผนังด้านหนึ่งของห้องเปิดเป็นช่องออกโดยไร้เสียง ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผมแดงปรากฏตัวขึ้น นิ้วชี้ของไรน์ฮาร์ดถูกชี้ไปยังร่างของโอแบร์สไตน์

“เคียร์ชไอซ์ จับกุมตัวพันเอกโอแบร์สไตน์ไว้ มันผู้นี้บังอาจกล่าวถ้อยคำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจักรวรรดิทางช้างเผือก ในฐานะของทหารแห่งจักรวรรดิ ย่อมมิสามารถจะปล่อยมันไปได้!”

ดวงตาเทียมของโอแบร์สไตน์ดูจะทอประกายแข็งกล้าขึ้นไปอีก ขณะที่นายทหารหนุ่มผมแดงชักปืนบลัสเตอร์ออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วยกเล็งไปที่ทรวงอกของฝ่ายแรก นับแต่สมัยที่เรียนอยู่ในโรงเรียนยุวชนทหารแล้ว ในด้านฝีมือการยิงปืน มีน้อยคนเต็มทีที่จะทำได้ดีกว่าเคียร์ชไอซ์ และต่อให้โอแบร์สไตน์ที่อยู่เบื้องหน้านี้แอบพกอาวุธเข้ามาและจะลองขัดขืนดูก็เถิด รับรองว่าไม่มีทางเร็วไปกว่าเขาแน่

“ในที่สุด ท่านก็เป็นคนระดับนี้เองหรือ...”

โอแบร์สไตน์กล่าวพึมพำ แววของความผิดหวังและแววดูถูกปรากฏขึ้นลาง ๆ บนสีหน้าซึ่งเดิมก็ซีดเซียวอยู่เป็นนิจของเขา

“ได้ เชิญท่านเดินต่อไปในทางของท่านเถิด พร้อมกับมีพลโทเคียร์ชไอซ์เป็นคนสนิทเพียงคนเดียวเช่นนี้!”

เป็นคำพูดกึ่งเสแสร้งกึ่งจริง เขาเหลือบสายตามองไรน์ฮาร์ดที่ยืนนิ่งอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญกับเคียร์ชไอซ์ตรง ๆ

“พลโทเคียร์ชไอซ์ ท่านกล้ายิงข้าพเจ้าได้หรือไม่? ข้าพเจ้าอยู่ในสภาพมือเปล่าเล่าเปลือยอย่างที่ท่านเห็นอยู่นี่แหละ ท่านจะยังคงยิงข้าพเจ้าได้หรือ?”

เพราะไรน์ฮาร์ดไม่มีคำสั่งอื่นต่อมาอีก เคียร์ชไอซ์จึงได้แต่เล็งปืนอยู่เช่นนั้น แต่ไม่สามารถตัดสินใจให้เด็ดขาดได้ว่าจะลงแรงไปที่นิ้วที่เหนี่ยวไกหรือไม่


“ยิงไม่ลงใช่ไหมเล่า? ท่านก็เป็นบุคคลเช่นนี้เอง เป็นคนที่น่านับถือมาก แต่... ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยในการขึ้นเป็นใหญ่ได้ ต่อให้ในแสงสว่าง ก็ยังมีเงามืดอยู่ภายใน... ดูท่าท่านเคานท์ ฟอน โรเอนกรัมผู้เยาว์วัย ยังคงไม่เข้าใจความหมายนี้สินะ”

ไรน์ฮาร์ดยังคงจับตามองโอแบร์สไตน์ไม่วางตา ขณะที่เขาส่งสัญญาณให้เคียร์ชไอซ์เก็บปืนได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างประหลาด

“พูดเอา ๆ ตามใจตัวเองจริง ๆ นะเจ้า”

“ขออภัยด้วยขอรับ”

“ดูท่าผู้การเซกต์คงจะเกลียดขี้หน้าเจ้าอยู่เอาการเหมือนกันสินะ จริงไหม?”

“ผู้การคนนั้น มิได้เป็นบุคคลที่ลูกน้องพึงทุ่มเทใจภักดีให้อยู่แล้วขอรับ”

โอแบร์สไตน์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เขาทราบดีว่า เขาชนะเดิมพันในครั้งนี้แล้ว

ไรน์ฮาร์ดพยักหน้า แล้วตอบว่า

“ได้ เราจะซื้อตัวเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือขุนนางฐานันดรพวกนั้นเอง”
(อ่านตอนต่อไป)


หมายเหตุ

ทำไมโอแบร์สไตน์ถึงเกลียดลูดอร์ฟ จนพาลมาเกลียดจักรวรรดิและราชวงศ์โกลเดนบาวม์???

เป็นประเด็นที่น่าคิด แต่ในเรื่องทั้งเรื่องมีอธิบายไว้เพียงเท่านี้เองครับ

เป็นไปได้ไหม (ความเห็นคนแปล ที่เรียบเรียงมาจากความเห็นหลาย ๆ คน) เขาคงเกิดมาพร้อมความพิการที่ถูกดูถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง และอาจจะโดนพูดกรอกหูอยู่บ่อย ๆ ว่า “นี่ถ้าแกเกิดในยุคของมหาจักรพรรดิลูดอร์ฟแล้วละก็ แกก็คงโดนฆ่าตั้งแต่คลอดแล้ว” พอโดนมาก ๆ เลยฝังใจเกลียดลูดอร์ฟไปเลย... รึเปล่า?


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1