นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 6 หลากวิถีหลากดวงดาว
-6-


ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสูงสุดของสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีนั้น ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 11 คน ได้แก่ ประธานคณะกรรมาธิการสูงสุด, รองประธานซึ่งควบตำแหน่งประธานกรรมาธิการการปกครอง, เลขาธิการ, ประธานกรรมาธิการกลาโหม, ประธานกรรมาธิการการคลัง, ประธานกรรมาธิการยุติธรรม, ประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ, ประธานกรรมาธิการทรัพยากรมนุษย์, ประธานกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ, ประธานกรรมาธิการพัฒนาสังคมมนุษย์ และประธานกรรมาธิการสื่อสารและคมนาคม พวกเขากำลังมารวมกันอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง ในตึกที่ผนังภายนอกทาสีไข่มุกสวยตระการตา

ห้องประชุม (ดิสิชันรูม) นั้นเป็นห้องปิดที่ไม่มีหน้าต่าง และถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหนาทั้งสี่ด้านและห้องอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ ซึ่งได้แก่ ห้องติดต่อสื่อสารภายนอก (แอนตี้รูม), ห้องจัดทำเอกสาร (ชาร์ตรูม), ห้องประมวลผลข้อมูล (อินเทลลิเจนท์รูม) และห้องควบคุมระบบเครื่องมืออุปกรณ์ (โอเปอเรชันรูม) เป็นต้น และในรอบนอกอีกชั้นหนึ่ง ก็ถูกห้อมล้อมด้วยห้องพักของบรรดาทหารรักษาความปลอดภัย

-- นี่จะเรียกได้ว่า เป็นทำเนียบรัฐบาลทีี่เปิดกว้างได้หรือนี่? --

ประธานกรรมาธิการการคลัง นายโจอัน ริเบอโรทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งริมโต๊ะประชุมซึ่งเป็นโต๊ะกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตรนั้น แล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้ หากแต่ทุกคราวที่เดินผ่านทางเดินซึ่งเต็มไปด้วยลำแสงอินฟราเรดเพื่อเข้าสู่ห้องประชุมนี้ เขาเป็นต้องคิดเช่นนี้ทุกคราไป

การประชุมในวันนั้น ซึ่งเป็นวันที่ 6 เดือนสิงหาคม ปีสากลอวกาศที่ 796 มีหัวข้อหนึ่งที่สำคัญคือ การตัดสินว่าจะอนุมัติแผนส่งทหารออกรบซึ่งเสนอขึ้นมาโดยกองทัพหรือไม่ ทั้งนี้ นายทหารระดับสูงซึ่งยังหนุ่มฉกรรจ์จำนวนหนึ่งของกองทัพ ได้จัดทำแผนการที่จะใช้ป้อมปราการอิเซลโลนซึ่งเพิ่งยึดได้จากจักรวรรดิ เป็นฐานแนวหน้าสำหรับส่งทหารเข้าโจมตีในดินแดนของจักรวรรดิต่อไป และพวกเขาได้นำแผนนี้ขึ้นมาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการสูงสุดนี้โดยตรง ซึ่งสำหรับนายริเบอโรแล้ว ได้แต่สังเวชใจว่าเป็นการกระทำที่อหังการเกินขอบเขตเหลือเกิน

1065-cabinet.jpg

ทันทีที่เริ่มประชุมในหัวข้อนี้ ริเบอโรก็เริ่มสร้างฐานต่อต้านการขยายสงครามทันที

“อาจจะฟังดูแปลก ๆ สักหน่อย แต่นี่คือความจริงที่ว่า ขณะนี้ทั้งสมาพันธ์ของเราและจักรวรรดิเองก็ตาม ต่างก็ได้ทำสงครามกันมาต่อเนื่อง ภายใต้ขีดจำกัดเท่าที่ท้องพระคลังของแต่ละฝ่ายเอื้ออำนวยให้อย่างเต็มกลืนเต็มที แต่ว่า...”

เพียงแค่จำนวนเงินที่จะต้องจ่ายเป็นค่าชดเชยรายปีให้กับบรรดาครอบครัวนายทหารใหญ่น้อยที่เสียชีวิตไปในศึกแอสทาเทที่ผ่านมา ก็ปาเข้าไปปีละหนึ่งหมื่นล้านดินาร์แล้ว หากเรายังคงขยายสงครามให้กว้างมากขึ้นกว่านี้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นสภาพล้มละลายของคลังหลวงและระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นแน่ อย่าว่าแต่จะให้เป็นเช่นนั้นเลย แม้กระทั่งทุกวันนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ติดลบอยู่ทุกปีแล้ว

น่าขำที่หยางเองก็มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองด้วยเช่นกัน เพราะเขาได้จับเชลยศึกจากอิเซลโลนถึงห้าแสนคน การที่จะเลี้ยงดูเชลยศึกเหล่านี้ ก็เป็นภาระหนักของรัฐบาลด้วยเช่นกัน

“มาตรการแก้ไขที่จะทำได้ก็คือ ออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่ม หรือไม่ก็เพิ่มภาษี มีเพียงวิธีที่มีมาแต่โบราณสองวิธีนี้เท่านั้น เลือกเอาสักวิธีหนึ่ง ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว”

“แล้วพิมพ์ธนบัตรเพิ่มมากขึ้นไม่ได้หรือครับ?”

รองประธานที่ประชุมเลียบเคียงถามขึ้น

“โดยที่ไม่มีฐานการเงินใด ๆ มารองรับนี่นะครับ? ประเดี๋ยวเถิด ไม่กี่ปีข้างหน้า เราได้ซื้อขายสินค้ากันโดยชั่งน้ำหนักธนบัตรเป็นปึก ๆ กันแน่ ไม่ต้องมานั่งดูตัวเลขมูลค่าธนบัตรกันแล้ว ขอทีเถอะนะ ผมยังไม่อยากทิ้งชื่อให้ลูกหลานประนามว่า เป็นนักเศรษฐศาสตร์ตัวการที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออภิมหาเฟ้อขึ้นน่ะ”

“แต่ ถ้าเราไม่ทำศึกให้ชนะละก็ อย่าว่าแต่ไม่กี่ปีข้างหน้าเลยนะครับ พรุ่งนี้เราจะมีรึเปล่าก็ไม่รู้เลย”

“ถ้างั้น ก็เลิกทำสงครามเสียสิครับ หมดเรื่องกันไป!”

ริเบอโรกล่าวเสียงหนัก ๆ เช่นนั้น แล้วภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบกริบ

“พวกเรายึดป้อมปราการอิเซลโลนได้แล้ว ด้วยสติปัญญาอันเลิศเลอของผู้การที่ชื่อว่าหยางผู้นั้น นี่ไม่ใช่โอกาสอันดีที่จะเจรจาสันติภาพกับจักรวรรดิหรือครับ? ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่สามารถยกทัพมาตีพวกเราได้อีกต่อไปแล้ว”

“แต่นี่เป็นสงครามแห่งความถูกต้องเพื่อล้มล้างระบอบทรราชย์นะครับ พวกเราจะไม่ยอมอยู่ร่วมจักรวาลกับพวกนั้นเด็ดขาด กะอีแค่เศรษฐกิจฝืดเคืองเข้าหน่อยแค่นี้ จะมาบอกให้หยุดทำสงครามมันจะถูกหรือครับ?”

หลายคนบ่นพึมพำออกมาทำนองเดียวกัน

สงครามแห่งความถูกต้องหรือ... นายโจอัน ริเบอโรประธานกรรมาธิการการคลังแห่งรัฐบาลสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี ได้แต่กอดอกนิ่งอยู่เช่นนั้น

การหลั่งเลือดครั้งใหญ่, การล้มละลายของระบบประเทศ และความยากจนถึงขนาดของราษฎร หากการที่จะทำให้ความถูกต้องบังเกิดขึ้น ต้องสังเวยด้วยสิ่งสามสิ่งข้างต้นแล้วละก็ ความถูกต้องที่ว่า ก็ดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้าที่กระหายเลือดเสียเหลือเกิน ช่างเรียกร้องเอาเหยื่อสังเวยโดยไม่รู้จักจบสิ้น!

“พักกันสักหน่อยดีไหมครับ?”

เสียงอันไร้วิญญาณของประธานที่ประชุมดังมาพอได้ยิน
(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1