นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 6 หลากวิถีหลากดวงดาว
-8-


“อยากจะลาออก... อย่างนั้นหรือ?”

ปฏิกิริยาของจอมพลซิทเลย์ตอนที่หยางยื่นใบลาออกให้นั้นไม่สู้ดีเท่าไรนัก แต่หยางเองก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะใจดียอมรับใบลาออกของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างก็ยื่นการ์ดสำหรับเบิกเงินเกษียณและเบี้ยรายปีให้เขา ดังนั้น ชายหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้าด้วยท่าทีคึกคักที่สุดเท่าที่ทำได้

“แต่คุณเพิ่งจะสามสิบเองไม่ใช่รึ?”

“ยี่สิบเก้าครับ”

หยางเน้นตรงคำว่า ยี่สิบ เป็นพิเศษ

“นั่นแหละ คุณยังมาไม่ทันถึงหนึ่งในสามของอายุเฉลี่ยของมนุษย์เลยนี่ จะรีบถอนตัวไปถึงไหน ไม่คิดว่ามันจะเร็วไปรึ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ท่านผบ. สูงสุด”

ผู้การหนุ่มแย้ง นี่ไม่ใช่การถอนตัว แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ถูกต้องต่างหาก เพราะที่ผ่าน ๆ เป็นชีวิตที่เขาถูกบังคับให้เลือกมาโดยตลอดทั้งที่ไม่เต็มใจ เดิมที เขาไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์เองเลย หากแต่พอใจที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์และบันทึกเหตุการณ์อยู่รอบนอกเสียมากกว่า

จอมพลซิทเลย์ประสานมือไว้บนโต๊ะ แล้ววางคางที่ดูแข็งแกร่งของตนไว้บนนั้น

“แต่สิ่งที่ทางกองทัพของเราต้องการ ไม่ใช่ความสามารถในด้านการค้นคว้าวิจัยประวัติศาสตร์ของคุณนะ เราต้องการความสามารถและมันสมองของคุณในการเดินทหารต่างหาก แล้วก็ไม่ใช่แค่น้อย ๆ ด้วย”

ก็ผมยอมเป็นเครื่องมือให้ไปทีนึงแล้วไม่ใช่หรือ?- หยางแอบคิดแย้งในใจ เกี่ยวกับหนี้สินที่เขาติดทางกองทัพอยู่นั้น ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาทำงานใช้คืนให้เกินหนี้แล้วด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

“แค่ผลงานตีป้อมปราการอิเซลโลนอย่างเดียว ก็น่าจะเหลือเงินทอนกลับมาด้วยซ้ำ”

หยางคิดในใจเช่นนั้น แต่การโจมตีของจอมพลซิทเลย์ไม่ใช่รูปแบบที่ง่ายต่อการรับมือนัก

“แล้วจะให้ทำยังไงกับกองยานรบที่ 13 ล่ะ?”

น้ำเสียงที่เหมือนกับถามไปเรื่อยเปื่อยของจอมพลได้ผลอย่างยิ่ง ทำเอาหยางอ้าปากหวออย่างไม่ทันควบคุมตัวเอง

“กองยานรบที่เพิ่งจะจัดตั้งขึ้นมาของคุณนั่นแหละ จะให้พวกเขาทำยังไงต่อ?”

“ก็...”

ให้ตายเถอะ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย หยางจำต้องยอมรับความล้มเหลวของแผนการของตนทันที ลงถ้ายอมให้กลุ่มด้ายมันพันตัวจนยุ่งเหยิงแล้วครั้งหนึ่งนี่ ดูเหมือนจะแกะออกมาไม่ได้ง่าย ๆ

สุดท้าย หยางก็ได้แต่ทิ้งใบลาออกไว้กับจอมพลซิทเลย์ แล้วลากลับออกมา แน่นอนว่า ใบลาออกของเขาคงไม่ได้รับการอนุมัติอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอึ้งมาตลอดทางที่เดินไปโดยสารลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง

ณ ห้องโถงชั้นล่างของตึกกองบัญชาการทหารสูงสุด เด็กชายจูเลียน มินซ์กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพลางส่งสายตามองอย่างไร้จุดหมาย ไปยังกลุ่มคนในเครื่องแบบที่เดินกันขวักไขว่ เมื่อเขาเห็นร่างของหยางโผล่มาแต่ไกลก็สปริงตัวลุกขึ้นทันที หยางเป็นคนบอกเด็กในปกครองของเขาไว้เองว่า วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้วให้แวะมาหาตนที่นี่ โดยบอกเพียงแต่ว่า นาน ๆ ไปกินข้าวเย็นนอกบ้านกันบ้างก็ดีเหมือนกัน มีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกจูเลียนด้วย ซึ่งที่จริง หยางกะจะทำเซอร์ไพรส์เด็กน้อยนั่นเอง ว่า เนี่ย เพิ่งลาออกจากทหารมาเดี๋ยวนี้เอง ต่อไปนี้จะได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ ด้วยเบี้ยเลี้ยงรายปีล่ะ

แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามคิด ความฝันอันแสนหวานของตนถูกลมหายใจขม ๆ แห่งความเป็นจริงเป่าพรวดเดียวหายวับไปกับตา เอาล่ะสิ คราวนี้จะบอกจูเลียนว่าอะไรดีล่ะ ไอ้เรื่องที่แกล้งอุบไว้น่ะ... หยางมัวแต่คิดเช่นนั้น ทำให้เดินช้าลงโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงทักมาจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็พบว่า

พันเอก วอลเตอร์ ฟอน เชนค็อปกำลังทำวันทยาหัตถ์ให้เขาอยู่ บุคคลผู้นี้ทางเบื้องบนได้อนุมัติในหลักการไปแล้วให้เลื่อนยศขึ้นเป็นพลจัตวาอันเนื่องจากความดีความชอบในศึกอิเซลโลนที่ผ่านมา

“สวัสดีครับท่าน เอ... อย่าบอกนะครับว่า มายื่นใบลาออก”

“ใช่แล้วล่ะ แต่คงจะไม่ได้รับอนุมัติหรอก เห็น ๆ กันอยู่”

“ก็แหงล่ะครับท่าน กองทัพไม่ยอมปล่อยท่านหลุดมือไปง่าย ๆ หรอกครับผม”

พันเอกอดีตชาวจักรวรรดิ ยิ้มอย่างพึงพอใจพลางจ้องมองหยาง

“พูดจริง ๆ นะครับ กระผมเองก็อยากให้คนอย่างท่านผู้การยังอยู่กับกองทัพเราไปนาน ๆ เหมือนกัน ท่านตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์ได้ถูกต้องเด็ดขาดมาก แถมดวงก็ยังแข็งอีกด้วย ถ้าได้อยู่ใต้สังกัดของท่านล่ะก็ ต่อให้สร้างความดีความชอบไม่สำเร็จก็เถิด อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตจากสนามรบได้สูงมากล่ะครับ”

เชนค็อปพูดเจื้อย ๆ วิจารณ์ตีค่าผู้บังคับบัญชาของตนได้หน้าตาเฉย ต่อหน้าเจ้าตัวแท้ ๆ

“ตัวกระผมเองนั้นวางแผนบั้นปลายของชีวิตไว้แล้วครับ ว่ากระผมจะขอตายด้วยโรคชรา โดยอยู่ดูโลกสักถึงอายุ 150 ปี ซึ่งแน่นอนว่าปีท้าย ๆ ก็คงล้มหมอนนอนเสื่อเป็นหลักล่ะครับ วันสุดท้ายของชีวิต ผมก็นอนฟังบรรดาหลาน ๆ เหลน ๆ พากันร่ำไห้ด้วยความดีใจว่า ปู่หรือทวดบ้า ตายได้สักทีดีใจเหลือเกิน อะไรทำนองนั้นน่ะครับ แล้วกระผมถึงจะจากโลกนี้ไปได้อย่างมีความสุข แต่ไอ้แบบที่ว่า ตายในหน้าที่อย่างสมเกียรตินั่น ไม่อยู่ในความคิดกระผมแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้น ขอความกรุณาท่านช่วยทำให้กระผมรอดชีวิตไปถึงวันนั้นด้วยนะครับผม”

พันเอกพูดเท่าที่ตัวเองอยากพูด แล้วก็ทำวันทยาหัตถ์ให้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหยางทำวันทยาหัตถ์ตอบด้วยท่าทีเก๊กซิม เขาก็ยิ้มให้แล้วบอกว่า

“ขอโทษที่ทำให้ท่านเสียเวลา เอ้า... เจ้าหนูนั่นรออยู่แล้วครับผม”

ไม่ว่าจะเป็นแคสเซิร์นก็ดี หรือเชนค็อปก็ดี ดูเหมือนว่าคนที่มีลิ้นเป็นใบมีดโกนอาบยาพิษทั้งคู่นี้ จะมีอะไรถูกชะตากับเจ้าหนูจูเลียนเป็นพิเศษเหมือนกัน

ขณะที่เดินเคียงคู่ไปกับจูเลียนนั้น หยางอดลอบชำเลืองมองอีกฝ่ายเป็นระยะ ๆ พลางอดรู้สึกขำตัวเองในใจไม่ได้ แปลกจริง ๆ ยังไม่ได้แต่งงานแท้ ๆ แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนเป็นพ่อคนขึ้นมาได้... เที่ยวห่วงโน่นห่วงนี่แทนเด็กชายไปหมด

ภัตตาคาร “มาร์ชแร็บบิท” (กระต่ายเดือนมีนาคม) นั้น เป็นภัตตาคารที่มีบรรยากาศสงบเงียบต่างกับชื่อร้าน อาหารล้วนแต่ใช้วิธีปรุงแบบต้นตำรับดั้งเดิม ภายในร้านนั้น โต๊ะอาหารถูกปูด้วยผ้าโคลสเซ็ทที่ถักด้วยมือ และมีเทียนไขประดับทุกโต๊ะ ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ถูกใจหยางเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่ขี้เกียจแม้กระทั่งจะโทรศัพท์ (วิสิโฟน) มาสั่งจอง ทำให้คืนนั้น เขาอดได้รับโอกาสเข้าไปสัมผัสกับเทพีแห่งความสุขนั้น

“ขออภัยด้วยครับ ตอนนี้ที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”

พนักงานเสริฟสูงอายุ ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าประดับด้วยหนวดงาม เอ่ยกับหยางด้วยเสียงเกรงใจ มองไปรอบ ๆ ร้านซึ่งไม่ใหญ่โตนักก็ทราบได้ทันทีว่า นี่เป็นความจริง ไม่ใช่คำที่แกล้งพูดเพื่อเรียกร้องทิปแต่อย่างไร โต๊ะทุกโต๊ะล้วนมีเทียนไขที่ถูกจุดเพื่อให้แสงสว่าง มองดูภายในบรรยากาศสลัวของร้าน เหมือนเปลวไฟกำลังเต้นระบำอยู่ทุกโต๊ะเลยทีเดียว และที่สำคัญ ก็คือโต๊ะที่มีลูกค้านั่งอยู่เท่านั้นเขาจึงจะจุดเทียน

“ช่วยไม่ได้... ลองไปหาที่อื่นละกัน”

หยางเกาหัวแก้เก้อ ตอนนั้นเอง ตรงโต๊ะที่ริมผนังก็มีร่างร่างหนึ่งลุกขึ้นยืนด้วยกริยาที่สวยสง่าหมดจด- เป็นร่างสุภาพสตรีนางหนึ่ง ชุดราตรีสีไข่มุกของเจ้าหล่อน ส่องสะท้อนภายใต้แสงจากเปลวเทียนแล้วดูช่างงดงามราวกับล่องลอยออกมาจากความฝัน

“ผู้การคะ...”

หยางซึ่งถูกทัก ถึงกับยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นทันที อีกฝ่าย- นายทหารผู้ช่วยของเขาร้อยโท เฟรดเดอริกา กรีนฮิลล์ยิ้มตอบมาอย่างนุ่มนวล

“แหม ดิฉันก็มีชุดราตรีเหมือนผู้หญิงอื่นแหละค่ะ... คุณพ่อให้มาเรียนว่า ถ้าไม่รังเกียจขอเชิญร่วมโต๊ะเดียวกันก็ได้ค่ะ”

แต่ปรากฏว่า ‘คุณพ่อ’ ของหญิงสาวมาปรากฏตัวที่ด้านหลังบุตรีซะแล้ว


1068-fred&dwi.jpg

“ว่าไง พลโทหยาง”

ท่านรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกดไวท์ กรีนฮิลล์ทักมาด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ที่จริง หยางไม่อยากร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่สักเท่าไร แต่โดนแบบนี้เข้าละก็เห็นทีจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว

“พลตรีครับ ท่าน”

หยางแก้คำพูดอีกฝ่าย พลางยกมือทำความเคารพ แต่ฝ่ายนั้นไม่ใส่ใจคำพูดแก้ของเขาแม้แต่น้อย กลับกล่าวตอบว่า

“อย่างช้าที่สุด ภายในอาทิตย์หน้านี้ คุณก็ได้เป็นพลโทแล้วล่ะ หัดทำตัวให้ชินกับยศใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่”

“โห ยอดไปเลยครับ ที่ว่ามีเรื่องบอกผม คือเรื่องนี้เองเหรอครับ?”

จูเลียนทำตาเป็นประกาย

“ผมก็ว่าแล้ว ต้องเป็นเรื่องนี้แน่ แต่พอรู้เข้าจริง ๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ยอดไปเลยครับ!”

“ฮะ ๆ ๆ”

หยางได้แต่เสหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในใจ จากนั้นก็ตั้งสติได้ กล่าวแนะนำเด็กในปกครองให้กับสองพ่อลูกกรีนฮิลล์ได้รู้จัก

“อ้อ เธอนี่เอง เด็กเรียนเก่งจูเลียน ได้ยินว่าเพิ่งจะได้เหรียญทอง จากการครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในการแข่งขันฟลายอิ้งบอลรุ่นจูเนียร์ประจำปีนี้ด้วยใช่ไหม ยอด ๆ เก่งทั้งเรียนทั้งกีฬาอย่างนี้”

ฟลายอิ้งบอล เป็นกีฬาที่แข่งกันภายในโดม (สนามกีฬารูปครึ่งทรงกลม) ที่ควบคุมแรงโน้มถ่วงให้เหลือเพียง 0.15G เป็นกีฬาที่เล่นง่าย ๆ เพียงแค่พยายามโยนลูกบอลให้ลงตะกร้าซึ่งเคลื่อนที่ไปตามผนังโดมอย่างไร้กฎเกณฑ์เท่านั้น แต่การประทะกับคู่แข่งขันเพื่อแย่งบอลกันกลางอากาศก็ดี เทคนิคการควบคุมลูกบอลเพื่อชู้ตลงตะกร้าก็ดี เมื่อผนวกกับลีลาเฉพาะตัวของผู้เล่นแล้ว ทำให้สามารถออกมาในรูปแบบลีลาสวยงามก็ได้ หรือแบบไดนามิก เน้นความรุนแรงห้าวหาญเป็นหลักก็ได้ กีฬานี้เป็นกีฬายอดนิยมของสมาพันธ์

“จริงเหรอ จูเลียน?”

ผู้ปกครองที่ไม่ค่อยจะใส่ใจเด็กเท่าไรนักคนนี้ ก้มลงถามเด็กในปกครอง ฝ่ายหลังแก้มแดงนิด ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“แหม คนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ท่าทางจะมีแต่ผู้การคนเดียวนะคะ ทั้ง ๆ ที่หนูจูเลียนน่ะ ดังเอาการทีเดียวแหละค่ะในเมืองนี้”

เฟรดเดอริกาเหน็บเข้าให้เบา ๆ ทำเอาหยางหน้าแดงบ้าง

จากนั้นก็เป็นการสั่งอาหาร และสั่งไวน์แดงที่ผลิตในปี 760 สามแก้ว กับจินเจอร์เอลอีกหนึ่งที่ แล้วทั้งสี่คนก็ยกแก้วดื่มฉลองกัน- เป็นการฉลองอวยชัยให้กับจูเลียน มินซ์ที่ได้ตำแหน่งดาวซัลโวประจำฤดูกาลนี้ จากนั้นอาหารที่สั่งก็ถูกทยอยยกมาเสริฟ

หลังจากอาหารถูกเสริฟผ่านไปหลายจานแล้ว จู่ ๆ พลเอกกรีนฮิลล์ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ว่าแต่ คุณยังไม่คิดที่จะแต่งงานหรือ หยาง?”

หยางและเฟรดเดอริกาสะดุ้งพร้อมกัน ต่างกระแทกมีดในมือลงบนเนื้อจานเซรามิกส์อย่างดีตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว เสียงที่เกิดขึ้นทำเอาพนักงานเสริฟซึ่งเป็นนักเล่นเครื่องปั้นดินเผาตัวยงต้องขมวดคิ้วฟัง

“นั่นสิครับ เอาไว้ให้สันติภาพเกิดขึ้นก่อน แล้วคงค่อยคิดน่ะครับ”

เฟรดเดอริกาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ได้แต่ก้มหน้าขมักเขม้นใช้มีดกับส้อมของตนหั่นอาหารตรงหน้าอยู่เช่นนั้น ด้วยอาการที่ค่อนข้างเคอะเขิน ขณะที่เด็กชายจูเลียนแหงนหน้าขึ้นมองผู้ปกครองของตนอย่างสนใจ

“ยิ่งเห็นตัวอย่างของเพื่อนที่ตายโดยทิ้งคู่หมั้นไว้เบื้องหลังด้วยแล้ว บอกตรง ๆ ตอนนี้ผมคงไม่...”

เขาหมายถึงพันตรีแร็พที่เสียชีวิตในศึกแอสทาเทนั่นเอง พลเอกกรีนฮิลล์พยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีก

“คุณรู้จักเจสสิก้า เอ็ดเวิร์ดสิท่า หล่อนเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนในการเลือกตั้งซ่อมเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ที่เขตเลือกตั้งหมู่ดาวเทิร์นนูเซนน่ะ”

รู้สึกว่า พลเอกกรีนฮิลล์นี่ก็เหมือนกับจอมพลซิทเลย์เลยแฮะ เก่งในการรุกด้วยยุทธวิธีจู่โจมเร็วจากหลาย ๆ ทิศทางเหลือเกิน

“โอ... เหรอครับ ท่าทางจะได้เสียงสนับสนุนจากพวกใฝ่สันติมากโขอยู่นะครับนี่”

“ใช่ แล้วก็แน่นอนว่าหล่อนตกเป็นเป้าโจมตีของพวกใฝ่สงครามด้วย”

“อย่างเช่น ไอ้พวกคณะอัศวินรักชาติ เป็นต้น?”

“หึ คณะอัศวินรักชาติหรือ เจ้าพวกนั้นก็แค่ตัวตลกคณะนึงเท่านั้นเองคุณ ไม่มีค่าควรแก่การที่เราจะพูดถึงเสียด้วยซ้ำ จริงไหม....... อืม สลัดเยลลี่จานนี้รสเยี่ยมจริง ๆ”

“เห็นด้วยครับ”

หยางตอบ แต่เป็นคำตอบสำหรับเรื่องของสลัดเท่านั้น

เขายอมรับว่า คณะละครสัตว์-เอ๊ย- คณะอัศวินรักชาตินั่นเป็นแค่พวกตัวตลกก็จริง แต่ใครเลยจะกล้าปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงได้ว่า การกระทำสุดขั้วของพวกเขานั้น ไม่ได้เป็นผลมาจากการชักจูงของใครบางคนที่ได้คิดคำนวณไว้อย่างดีมาก่อนแล้ว ดูอย่างสมัยของลูดอร์ฟ ฟอน โกลเดนบาวม์สิ พวกคนหนุ่มสาวที่บ้าคลั่งลูดอร์ฟผู้นั้นตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่เขาปรากฏตัวขึ้น ก็ไม่ได้รับการดูถูกดูแคลนจากบรรดาท่านผู้ใหญ่ในสหพันธ์ทางช้างเผือก (USG) หรอกหรือ?

ขณะที่ผู้ชมกำลังชมตัวตลกบนเวทีอยู่นั้น หลังม่านเวที อาจจะมีใครสักคนหลบอยู่อย่างแนบเนียนจากสายตาของผู้ชม แล้วหัวเราะขำบรรดาผู้ชมข้างล่างอีกทีอย่างสาแก่ใจอยู่ก็เป็นได้
(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1