นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 7 ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้าง ฤทธี
-1-


บุคคลที่เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งมวลของจักรวรรดิทางช้างเผือกในแดนของเฟซานลันท์ คือ ข้าหลวงใหญ่จักรวรรดิประจำเฟซาน ได้แก่ ท่านเคานท์ โจเฟน ฟอน เลมไชด์

บุรุษเชื้อชาติขุนนางฐานันดรผู้นี้ มีผมสีขาวและดวงตาที่ใสประดุจจะโปร่งแสง เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงใหญ่และถูกส่งตัวจากโอดีนมาประจำที่เฟซานนี้พร้อม ๆ กับที่ลูวินสกี้เข้ามารับตำแหน่งเป็นลันเดสเฮล มีผู้เรียกเขาลับหลังว่า “จิ้งจอกเผือก” ซึ่ง แน่นอนว่าเป็นการล้อเลียนให้เข้าคู่กันกับฉายา “จิ้งจอกดำแห่งเฟซาน” ของลูวินสกี้นั่นเอง

ในคืนนี้ เขาได้รับเชิญจากลูวินสกี้ให้ร่วมรับประทานอาหารค่ำอย่างไม่เป็นทางการ หากแต่สถานที่ที่เป็นที่พบปะนั้น หาใช่สำนักงานของลันเดสเฮลไม่ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักประจำตำแหน่งลันเดสเฮล และไม่แม้แต่จะเป็นที่บ้านส่วนตัวของลูวินสกี้

ณ สถานที่ซึ่งเดิมเมื่อสองร้อยปีก่อนเป็นเพียงที่ราบสูงในซอกเขาเล็ก ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศของไอเกลือ และปัจจุบันได้กลายเป็นทะเลสาบเทียมนั้น ข้าง ๆ ทะเลสาบ เป็นบ้านตากอากาศหลังหนึ่ง ซึ่งในทางนิตินัยแล้วหาได้มีความเกี่ยวพันใด ๆ กับลูวินสกี้แม้แต่น้อยไม่ แต่ทราบกันโดยนัยว่า เจ้าของบ้านหลังนี้ คือ หนึ่งในบรรดานางบำเรอของลูวินสกี้

“ท่านลันเดสเฮล มีนางบำเรอกี่นางกันแน่?”

ครั้งหนึ่ง ลูวินสกี้เคยถูกถามด้วยคำถามข้างต้น เขานิ่งคิดไปพักใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วสุดท้ายก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงแจ่มใสออกจากลำคออวบหนาของเขา ก่อนตอบว่า

“เอ... ดูท่า ถ้าไม่นับเป็นหน่วยโหลนี่ จะนับไม่ไหวนา”

ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นคำพูดโอ้อวด หากแต่ทุกคนก็ยอมรับว่า เขาเป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยพลังทางเพศทั้งกายและใจ สอดคล้องกับบุคลิกที่เห็นจากภายนอก ไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

ลูวินสกี้เป็นคนที่รู้จักการแสวงหาความสุขให้กับชีวิตตน ไม่ว่าจะเป็นสุราเลิศล้ำด้วยรสและกลิ่น, อาหารโอชากลมกล่อมประดุจจะละลายไปบนลิ้น, ดนตรีไพเราะประดุจสังคีตจากสรวงสวรรค์ และนางงามโสภาที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เหล่านี้ล้วนเป็นของโปรดปรานของเขาทั้งสิ้น

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมา ก็หาได้เป็นเกินไปกว่าของโปรดระดับรองของเขาไม่ สิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก นั่นคือ เกมชิงไหวชิงพริบทางการเมืองและยุทธศาสตร์นั่นเอง มันเป็นเกมที่ต้องใช้ชิปเล่นเป็นชีวิตคนจำนวนมหาศาลและโชคชะตาของบ้านเมืองทั้งเขาเราก็จริง แต่ความตื่นเต้นและสุนทรียภาพที่ได้จากเกมนี้ ช่างเป็นที่สุดอันหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว

ลูวินสกี้เชื่อว่า ต่อให้เป็นกลอุบายสกปรกปานใดก็ตาม หากใช้ให้ถูกที่เหมาะสมแล้ว ก็นับเป็นศิลปะที่งดงามได้ แต่ไม่ต้องกล่าวถึงการใช้กำลังอาวุธเข้าห้ำหั่นกันเลย นั่นเป็นเรื่องที่ต่ำชั้นเสียยิ่งกว่าต่ำเสียอีก และด้วยมุมมองเช่นนี้ สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายจักรวรรดิหรือฝ่ายสมาพันธ์ก็ดีเพียงแต่แขวนป้ายห้อยคอต่างกันเท่านั้นหาได้แตกต่างกันไม่ ลูวินสกี้เคยคิดอย่างเหยียดหยามด้วยว่า ทั้งสองประเทศนี้ก็แค่ เด็กโง่เง่าเอาแต่ใจสองคนอันเป็นทายาทที่ลูดอร์ฟทิ้งไว้ และเอาแต่ทะเลาะกันไม่รู้จบ... ก็เท่านั้นเอง

“ว่าแต่... ท่านลันเดสเฮลเชิญข้าพเจ้ามาพบในคืนนี้ คาดว่า คงมีธุระที่ต้องการคุยกับข้าพเจ้ากระมัง?”

เลมไชด์วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะหินอ่อนเนื้อดี แล้วถามขึ้นด้วยประโยคดังกล่าว ลูวินสกี้แอบนึกสนุกกับอาการระแวดระวังของอีกฝ่ายอยู่ในใจ พลางกล่าวตอบว่า

“ถูกต้องแล้ว เรื่องที่ข้าพเจ้าจะบอกนี้ น่าจะเป็นเรื่องสำคัญทีเดียวเชียวล่ะ บัดนี้ ทางกองทัพสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีกำลังวางแผนจะบุกโจมตีทางการทหารครั้งใหญ่ต่อดินแดนจักรวรรดิ!”

กว่าที่ขุนนางฐานันดรจากจักรวรรดิจะทำความเข้าใจกับความหมายของประโยคนั้นได้ ก็กินเวลาไปอีกหลายวินาทีทีเดียว

“พวกสมาพันธ์...”

พึมพำไปอย่างนั้น แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ รีบพูดแก้ใหม่ว่า

“อ้า... พวกทัพกบฏนะรึ กำลังวางแผนคิดไม่ซื่อต่อดินแดนแห่งจักรวรรดิของเรา? ท่านว่าเช่นนั้นใช่ไหม?”

“อืม ดูท่าพวกทัพสมาพันธ์ที่เพิ่งจะตีฐานที่มั่นสำคัญของจักรวรรดิคืออิเซลโลนแตกไป กำลังจะฮึกเหิมกันยกใหญ่นะสิท่าน”

ท่านเคานท์หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนกล่าวแย้งว่า

“ก็จริงอยู่ ที่พวกทัพกบฏมันยึดป้อมปราการอิเซลโลนไปได้ ทำให้พวกมันได้ฐานที่มั่นสำคัญที่จะใช้เป็นฐานเข้าตีดินแดนของจักรวรรดิต่อไป ความจริงประการนี้ทางพวกข้าพเจ้าก็ยอมรับเช่นกัน แต่... พวกมันไม่น่าจะรวมกำลังพลออกปฏิบัติการเข้าตีจริง ๆ ได้เร็วถึงเพียงนี้นะท่าน...”

“ข้าพเจ้าก็เคยคิดเช่นนั้น แต่ ความจริงก็คือ พวกเขากำลังเตรียมการรุกทางทหารครั้งใหญ่อยู่อย่างแน่นอน”

“การรุกทางทหารครั้งใหญ่... หรือท่าน?”

“กำลังพลที่เข้าร่วมปฏิบัติการประมาณยี่สิบล้านคน... ไม่สิ อาจจะถึงสามสิบล้านก็ได้”

“สามสิบล้าน!”

นัยน์ตาที่ค่อนข้างใสของขุนนางฐานันดรผู้นี้สะท้อนกับแสงไฟเป็นประกายสีขาวออกมา

ต่อให้เป็นจักรวรรดิทางช้างเผือกที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม ยังไม่ปรากฏว่า เคยระดมพลครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย ประเด็นมันไม่ใช่เพียงจำนวนตัวเลขอันมหาศาลนี้ หากแต่ยังต้องการระบบการจัดการองค์กรที่ดี, โครงสร้างที่มีประสิทธิภาพและการควบคุมที่รัดกุมด้วย ทางทัพสมาพันธ์จะมีความสามารถสูงถึงปานนั้นเชียวหรือ?... แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นข่าวสำคัญยิ่งนัก เขาไม่สามารถจะฟังผ่านหูไปเฉย ๆ ได้แน่นอน เพียงแต่...

“ว่าแต่ ท่านลันเดสเฮล เหตุใดท่านจึงแจ้งข่าวนี้ให้แก่ข้าพเจ้าเล่าขอรับ? มีจุดประสงค์แอบแฝงอันใดหรือ?”

“ได้ยินท่านข้าหลวงใหญ่กล่าวเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าออกจะเสียใจอยู่นะท่าน ขอถามสักคำเถิด ทางเฟซานเคยทำเรื่องที่เป็นภัยหรือเสียผลประโยชน์ให้กับจักรวรรดิหรือไม่?”

“อ้า... ไม่เคยขอรับ และก็แน่นอนว่า ทางจักรวรรดิของเราเอง ก็ให้ความเชื่อใจอย่างเต็มที่ต่อความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ของเฟซานด้วยเช่นกัน”

ตอนท้ายการสนทนา ทั้งสองฝ่ายได้แต่กล่าวถ้อยคำถ้อยทีถ้อยอาศัยไปแกน ๆ อย่างนั้นเอง

ในที่สุด เคานท์เลมไชด์ก็ลากลับไป ลูวินสกี้จ้องมองภาพของรถยนต์ (แลนด์คาร์) ที่เคานท์โดยสารอยู่วิ่งออกไปอย่างลุกลี้ลุกลนผ่านทางจอทีวีในห้อง แล้วเขาก็แค่นยิ้มออกมา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าข้าหลวงใหญ่นั่น คงจะตาลีตาเหลือกกลับไปสำนักงานของตน แล้วรีบแจ้งข่าวไปทางโอดีนอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียแล้ว

ทัพจักรวรรดิที่เพิ่งสูญเสียป้อมปราการอิเซลโลนให้ศัตรูไปคงจะต้องรีบจัดทัพออกมาตั้งรับกันอย่างจ้าละหวั่นทีเดียว คนที่จะออกมาก็คงไม่พ้นเป็นเคานท์ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมคนนั้นนั่นเอง คราวนี้ หวังว่าทัพจักรวรรดิจะเป็นฝ่ายชนะแบบพอท้วม ๆ บ้างนะ

ไม่เช่นนั้น... พูดตรง ๆ ว่า คนที่ลำบากคือ เฟซานเอง

ตอนที่ได้ข่าวในทางลับมาว่า พลตรีหยางจะนำกองยานรบครึ่งกองไปตีป้อมอิเซลโลนนั้น ลูวินสกี้ไม่ได้แจ้งให้ทางจักรวรรดิทราบแต่อย่างไร เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จ อีกทั้ง ในส่วนลึกของจิตใจแล้ว เขาก็อยากจะดูฝีมือและมันสมองของหยางผู้นั้นอยู่เหมือนกัน

ผลลัพธ์ก็คือ แม้แต่ลูวินสกี้เองก็ยังต้องประหลาดใจและตกตะลึง ใครเลยจะคิดได้ว่า มีกลยุทธเช่นนั้นอยู่ด้วยเล่า!

แต่จะมัวแต่ตกตะลึงก็ไม่ได้ เขาจะต้องวางแผนให้สมดุลทางกำลังทหารที่กำลังจะเริ่มเอนเอียงไปทางสมาพันธ์ ให้เอียงกลับไปทางจักรวรรดิบ้าง

เพราะพวกเขาทั้งสองฝ่าย ยังจะต้องทำสงครามกันต่อไปอีกนานทีเดียว จนกว่าจะต่างเจ็บตัวให้หนักกว่านี้... เพื่อเฟซาน

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1