นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 8 สมรภูมิเดือด
-4-


ไรน์ฮาร์ดอ่านรายงานจากหน่วยลาดตระเวณจบลง เขาพยักหน้าคราหนึ่ง จากนั้นเรียกหาพลโทซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์มาเบื้องหน้าตน เพื่อมอบหมายภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งให้

“กองส่งกำลังบำรุงกำลังออกเดินทางจากป้อมปราการอิเซลโลนไปยังแนวหน้า นี่คือ เส้นเลือดใหญ่ของพวกข้าศึกล่ะ เคียร์ชไอซ์ นายจงนำกำลังทั้งหมดที่มอบหมายให้นายไว้ ออกไปตีกองส่งกำลังบำรุง ณ บัดนี้ รายละเอียดทางยุทธวิธีในสนามรบนั้น มอบให้นายเป็นผู้ตัดสินใจทั้งหมด”

“ขอรับ”

“ข้อมูล, หน่วยงาน แล้วก็ยุทธภัณฑ์ ต้องการเท่าไรใช้ได้เต็มที่!”

ขณะที่เคียร์ชไอซ์รับคำแล้วหันกายหมายจะเดินจากไปเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้ ไรน์ฮาร์ดก็เรียกสหายของตนไว้กระทันหัน แล้วจอมพลหนุ่มก็กล่าวกับอีกฝ่ายซึ่งหันหน้ามามองอย่างสงสัยว่า

“เคียร์ชไอซ์ ทั้งหมดก็เพื่อชัยชนะของเรานะ”

เขาทราบแก่ใจดีว่า เคียร์ชไอซ์ไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่น้อย กับแผนการปล่อยให้ราษฎรในแนวหน้าที่จะถูกกองกำลังสมาพันธ์ยึดครองนั้นต้องประสบกับความอดอยาก เพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธในการบ่อนทำลายกองทัพข้าศึก แต่ถึงแม้ว่าสหายของตนผู้นี้นอกจากจะไม่ปริปากติแล้วก็ตาม ยังไม่แม้แต่จะแสดงออกด้วยสีหน้าหรืออาการ แต่กระนั้น ไรน์ฮาร์ดก็ทราบดีว่า อีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรอยู่ เขารู้จักคนที่ชื่อ ซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์นี้ดีที่สุด

เมื่อเคียร์ชไอซ์ทำความเคารพอีกครั้งหนึ่ง แล้วเดินจากไป ไรน์ฮาร์ดจึงหันมาสั่งการแก่บรรดาผู้การที่เหลืออยู่ว่า

“ในขณะที่ผู้การเคียร์ชไอซ์ไปโจมตีทำลายกองส่งกำลังบำรุงของทัพกบฏอยู่นี้ ทัพของเราจะเตรียมการตีโต้ข้าศึกอย่างเต็มรูปแบบ ในการนี้ให้พวกเจ้าปล่อยข่าวลวงออกไป ว่า กองเสบียงของพวกทัพกบฏถูกโจมตีก็จริง แต่ยังคงปลอดภัยดีอยู่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันพวกทัพกบฏทราบสถานการณ์ของตนว่า เส้นชีวิตสุดท้ายของพวกมันถูกตัดขาดแล้วและหันมาสู้กับพวกเราอย่างสุนัขจนตรอก และพร้อมกันนั้นก็เพื่อมิให้พวกมันรู้ตัวถึงการโจมตีเต็มพิกัดของเรา ... แน่นอนว่า จะช้าเร็วพวกมันก็ต้องทราบความจริงทั้งหมดอยู่ดี แต่ยิ่งทราบช้าเท่าไรยิ่งดี!”

เขาชำเลืองมองไปทางบุรุษผู้นั่งอยู่ข้าง ๆ ตนแวบหนึ่ง หากเป็นสมัยก่อน ที่นั่งนี้ย่อมเป็นของผู้การหนุ่มผมแดงร่างสูงโปร่งผู้นั้นอย่างแน่นอน แต่บัดนี้ มันกลับกลายเป็นที่นั่งของชายผมหงอกนามโอแบร์สไตน์ไปเสียแล้ว แม้นว่านี่เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจด้วยตัวเองก็ตาม แต่ก็ยังอดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้

“อนึ่ง กองเสบียงของเรา จะทำการแจกจ่ายอาหารให้กับราษฎรในพื้นที่ในทันทีที่เรายึดดินแดนเหล่านั้นกลับคืนมาได้ ถึงแม้นว่า นี่เป็นกลยุทธเพื่อต่อต้านการบุกรุกของพวกทัพกบฏก็ตาม แต่การที่ปล่อยให้ข้าแผ่นดินขององค์จักรพรรดิต้องประสบกับภาวะอดอยากไปชั่วขณะหนึ่ง ย่อมหาใช่ความต้องการของกองทัพเราไม่ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่จักสำแดงให้บรรดาข้าแผ่นดินในดินแดนไกลโพ้นเหล่านี้ได้สำนึกว่า จักรวรรดิทางช้างเผือกเท่านั้น ที่พร้อมด้วยความสามารถและความรับผิดชอบที่จะปกครองดูแลพวกเขาเหล่านั้นได้”

ที่จริงแล้ว ใจจริงของไรน์ฮาร์ด มุ่งหมายให้บรรดาประชาชนจงรักภักดีต่อตนต่างหาก หาใช่ “จักรวรรดิ” ไม่ แต่ในที่นี้ ยังไม่ถึงเวลาและไม่ใช่โอกาสที่จะกล่าวเช่นนั้น... กับบรรดานายทหารใต้สังกัดของตนเหล่านี้


ขบวนยานลำเลียงยุทธปัจจัยที่มีผู้การเกรดวิน สก็อต เป็นผู้ควบคุมกองยานนั้น ประกอบด้วยยานลำเลียงขนาดระวาง 1 แสนตัน จำนวน 100 ลำ และยานรบที่ทำหน้าที่คุ้มกันจำนวน 26 ลำ ซึ่งเกี่ยวกับจำนวนของยานรบคุ้มกันนี้ หัวหน้าเสนาธิการฝ่ายสนับสนุนการรบ พลตรีแคสเซิร์นได้ท้วงว่า “น้อยเกินไป อย่างน้อยควรมีสัก 100 ลำ” แต่ข้อทักท้วงของเขาถูกปฏิเสธอย่างไม่แยแส

เป็นไปไม่ได้ที่พวกจักรวรรดิจะส่งกองกำลังจำนวนมากเพียงเพื่อจะมาโจมตีกองเสบียงธรรมดา ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ หากส่งยานรบออกไปคุ้มกันมากเกินไปแล้ว จะทำให้กองกำลังที่อยู่ป้องกันป้อมอิเซลโลนเหลือน้อยลง เหล่านี้คือ เหตุผลที่เบื้องบนอ้างในการปฏิเสธข้อเสนอของแคสเซิร์น ทำเอาฝ่ายหลังได้แต่ฮึดฮัดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวกตนอยู่ในแนวหลังซึ่งห่างจากแนวหน้ามากมายนักแท้ ๆ แถมยังอยู่ในป้อมปราการ “ที่ไม่มีวันแตก” อย่างอิเซลโลนอีก... ยังมีหน้ามาอ้างเช่นนี้ได้อีกหรือ?

แต่ผู้การสก็อตกลับมองโลกในแง่ดีกว่าแคสเซิร์นมากนัก ทั้ง ๆ ที่พลตรีแคสเซิร์นย้ำแล้วเตือนอีกว่า ให้ระวังข้าศึกให้ดี แต่ปรากฏว่าเขากลับไม่อยู่ในห้องสะพานเรือ (ห้องบัญชาการ) เลย พอออกเดินทางมาได้ ก็หมกตัวอยู่ในห้องส่วนตัว แล้วเล่นหมากรุกสามมิติกับลูกน้องคนหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน

ตอนที่พันโทนิโคลสกี้ นายทหารเสนาธิการคนหนึ่งของเขาวิ่งหน้าตื่นมาหาถึงห้องนั้น ผู้การกำลังจะขยับหมาก “รุก” อยู่แท้ ๆ ทีเดียว ทำเอาฝ่ายหลังต้องถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“เกิดอะไรที่แนวหน้ารึไง หนวกหูจริง ๆ”

“แนวหน้าหรือ?”

พันโทนิโคลสกี้ทำหน้าปลงสังเวชขณะที่ย้อนถามกลับอย่างนั้น

“ที่นี่แหละครับ คือ แนวหน้า ท่านมองไม่เห็นไอ้พวกนั้นรึไงครับผม?!!!”

ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่แผงควบคุม ซึ่งเชื่อมโยงกับจอภาพหลักในห้องสะพานเรือ ภาพบนแผงนั้นแสดงให้เห็นถึงกลุ่มแสงที่กำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ

ผู้การสก็อตถึงกับตกตะลึง เสียงหายไปในลำคออยู่ขณะหนึ่ง ต่อให้คนโง่ยังไงก็ยังรู้ว่า กลุ่มแสงที่เห็นไม่ใช่พวกเดียวกันอย่างแน่นอน ขณะนี้เขากำลังตกอยู่ในวงล้อมของกองทัพขนาดใหญ่ของข้าศึกเสียแล้ว!

“ไม่น่าเชื่อ... เรื่องอย่างนี้...”

สิ่งที่เขาเค้นผ่านลำคอออกมาได้ในที่สุดมีเพียงแค่นี้

หลังจากนั้น ขณะที่นั่งไปกับรถพลังไฮโดรเจนที่ขับโดยพันโทนิโคลสกี้เพื่อวิ่งตรงไปยังห้องบังคับการ ผู้การสก็อตก็ได้แต่พึมพำถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างน่าสมเพชว่า

“ทำไมกัน? กะอีแค่กองเสบียงแค่นี้ พวกข้าศึกถึงกับต้องยกกำลังกันมาใหญ่โตด้วย ทำไม?”

ร่ำ ๆ ที่นิโคลสกี้อยากจะตะคอกกลับว่า คุณไม่ตระหนักถึงความสำคัญของหน้าที่ของตัวเองเลยรึไง? ก็ปรากฏว่า เสียงของโอเปอเรเตอร์ดังลอดออกมาจากลำโพงที่ติดไว้ที่ทางเดินนั้น

“มิสซายล์ข้าศึกจำนวนมาก กำลังพุ่งตรงมายังยานลำนี้ครับผม”

อีกวินาทีเดียว เสียงเดียวกันก็เปลี่ยนเป็นเสียงตะโกนลั่นว่า

“ไม่ไหวแล้ว ป้องกันไม่ได้ มากเกินไปครับ!”


ณ เรือธงสูงสุด ของกองทัพจักรวรรดิ- เรือรบบรุนฮิลด์

เจ้าหน้าที่สื่อสารคนหนึ่งลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตน พลางหันหน้าที่เต็มไปด้วยสีเลือดของความตื่นเต้นมาทางไรน์ฮาร์ด รายงานว่า

“รายงานจากผู้การเคียร์ชไอซ์ขอรับ เป็นข่าวดีขอรับ! กองเรือของผู้การทำลายกองยานลำเลียงของทัพกบฏจนราพนาสูรแล้วขอรับ รวมทั้งยานรบคุ้มกันทั้ง 26 ลำด้วย ความเสียหายฝ่ายเรามีเพียงแค่ เรือรบเสียหายปานกลาง 1 ลำ ยานวัลคิวเรร่วงไป 14 ลำ ขอรับ...”

เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นก้องห้องบัญชาการนั้น นี่นับเป็นความรู้สึกยินดีเป็นครั้งแรกหลังจากที่พวกเขา- กองทัพจักรวรรดิต้องห่างเหินจากชัยชนะมานาน นับจากที่สูญเสียป้อมปราการอิเซลโลนมา อีกทั้งในยุทธการครั้งนี้ พวกเขาก็ได้แต่สละดินแดนแนวหน้า ถอยกำลังร่นเข้าแดนจักรวรรดิมาโดยตลอด แม้การกระทำนี้จะเป็นการทำตามแผนก็ตามเถิด

“มิตเตอร์ไมเยอร์, รอยเอนธาล, บิทเทนเฟลต์, เคมป์, เมกริงเกอร์, วาเลน, รูทซ์ จงออกโจมตีทัพกบฏโดยพร้อมเพียงกัน ตามแผนที่ได้นัดแนะไว้แล้ว ณ บัดนี้!”

ไรน์ฮาร์ดออกคำสั่งแก่บรรดานายทหารทั้งหมดที่กำลังรออยู่

ขอรับ! บรรดาผู้การรับคำอย่างคึกคักห้าวหาญ แล้วพากันทำท่าจะก้าวออกไปเพื่อมุ่งหน้าสู่สนามรบ แต่ไรน์ฮาร์ดกลับเรียกพวกเขาไว้ แล้วสั่งให้ทหารรับใช้ แจกจ่ายไวน์ให้โดยทั่วกัน นี่เป็นการฉลองชัยล่วงหน้านั่นเอง

“ชัยชนะนั้น ได้ถูกกำหนดเป็นของเราแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย จากนี้ไป พวกเจ้าจักต้องทำให้มันเป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์ขึ้นมาให้ได้ จงอย่าปล่อยให้พวกทัพกบฏที่ไม่เจียมกะลาหัวเหล่านี้รอดกลับไปได้เด็ดขาด เงื่อนไขแห่งชัยชนะได้ถูกจัดเตรียมให้พวกเจ้าอย่างพรั่งพร้อมแล้ว ขออำนาจแห่งมหาเทพโอดีนจงสถิตย์แด่พวกเจ้า โปรสิท!”

“โปรสิท!”

บรรดาผู้การทั้งเจ็ดประสานเสียงไชโย แล้วก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด จากนั้นก็ขว้างแก้วไวน์ลงพื้นตามธรรมเนียมปฏิบัติ เศษแก้วที่สะท้อนแสงระยิบระยับ ร่วงกลาดเกลื่อนพื้นทันทีอย่างสวยงาม

เมื่อบรรดาผู้การจากไปแล้ว ไรน์ฮาร์ดก็ได้แต่จ้องมองภาพบนจออยู่นิ่ง ๆ เช่นนั้น สิ่งที่ปรากฏแก่คลองจักษุของเขาก็คือ กลุ่มแสงที่ระยิบระยับพร่างพราว ทอประกายอย่างเย็นชา และสวยงามในคราวเดียวกัน สวยงามยิ่งกว่าแสงจากเศษแก้วบนพื้นนั้นอย่างเทียบกันไม่ได้

ก็เพื่อที่จะไขว่คว้าหาดาวเหล่านั้นมาไว้ในอุ้งมือของตนมิใช่หรือ เขาจึงได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ ในขณะนี้...

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1