กำลังรบของกองยานรบที่ 10 อ่อนแรงลงทุกขณะ พวกเขาสูญเสียยานรบไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และในบรรดายานรบที่เหลือกว่าครึ่งก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถรบต่อไปได้อีกแล้วด้วย สถานการณ์เลวร้ายสุดขีด
หัวหน้าเสนาธิการของกองยานรบ- พลตรีเชน หันหน้าอันซีดเผือดของเขามาทางผู้บัญชาการกองยานรบ ท่านครับ ถึงตอนนี้เราคงรบต่อไปไม่ไหวแล้วครับผม ต้องเลือกว่าจะยอมแพ้หรือจะหนีแล้วละครับ ฮึ มีแต่ตัวเลือกอันทรงเกียรติทั้งสองตัวเลย หรือคุณว่าไง? พลโทอุลัมฟ์แค่นยิ้ม แล้วตกลงใจว่า การยอมแพ้มันไม่ถูกโฉลกกับผมเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นขอเลือกหนีละกัน ช่วยออกคำสั่งแก่ยานรบทุกลำตามนี้ด้วย! ต่อให้เลือกที่จะหนีก็ตาม ก่อนอื่นก็ต้องเปิดช่องทางที่จะหนีให้ได้เสียก่อน อุลัมฟ์จัดกระบวนทัพของตนใหม่ เป็นขบวนรูปกระสวย แล้วทุ่มเทกำลังทั้งหมดนี้เข้าหามุมหนึ่งของวงล้อมข้าศึกในคราวเดียว ทหารชาญศึกเช่นเขาย่อมรู้ดีว่า ต้องใช้ยุทธวิธีทุ่มกำลังเป็นจุดเดียวเท่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้ และด้วยยุทธวิธีที่เฉียบขาดเช่นนี้เอง อุลัมฟ์ประสบความสำเร็จในการส่งบรรดาทหารในสังกัดจำนวนครึ่งหนึ่งหนีออกจากแดนมรณะ แต่ตัวเขาเองกลับเสียชีวิตในสนามรบ เรือธงของเขาคงรบอยู่ในสนามรบจนวินาทีสุดท้าย และในจังหวะที่เขาจะหนีออกจากวงล้อมนั้นเอง ลำแสงจากเรือข้าศึกก็พุ่งเข้ามาที่ช่องยิงจรวดของยานรบของเขาพอดี ทำให้ยานรบระเบิดออกในทันที ไม่ว่าจะในสนามรบที่ใดก็ตาม กองทัพสมาพันธ์กำลังเลียเหงื่อแห่งความพ่ายแพ้อยู่กันถ้วนหน้า ผู้บัญชาการกองยานรบที่ 12- พลโทโบโรดีนนั้น ถูกกองเรือรบของผู้การรูทซ์โจมตี เขาสู้จนกระทั่งกองยานของตนเหลือเพียงเรือธงและยานมิสซายล์อีก 8 ลำที่อยู่รอบ ๆ เท่านั้น และตกอยู่ในสภาพที่จะรบต่อก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่มีทางได้แล้ว เขาก็ชักปืนบลัสเตอร์ออกมายิงทะลุขมับตัวเองตาย และพลตรีคอเนอรีซึ่งรับช่วงบัญชาการกองยานรบต่อ ก็สั่งหยุดเครื่องเตาปฏิกรณ์ของยานรบทั้งหมด แสดงความยอมจำนนต่อข้าศึก กองยานรบที่ 5 ถูกรอยเอนธาล, กองยานรบที่ 9 ถูกมิตเตอร์ไมเยอร์, กองยานรบที่ 7 ถูกเคียร์ชไอซ์ซึ่งไปทำลายกองเสบียงมาสำเร็จก่อนหน้านี้แล้ว, กองยานรบที่ 3 ถูกวาเลน และสุดท้ายกองยานรบที่ 8 ก็ถูกเมกริงเกอร์เข้าโจมตีอย่างหนักตามลำดับ จนพากันถอยร่นแล้วถอยร่นอีกอย่างไม่เป็นขบวน มีกรณียกเว้นเพียงกรณีเดียวคือ กองยานรบที่ 13 ของหยาง เขาใช้ขบวนทัพรูปจันทร์เสี้ยวต้านรับการโจมตีของเคมป์อย่างเหนือชั้น จากนั้นก็ระดมยิงปีกซ้ายและขวาของเคมป์สลับกันไป จนสร้างความเสียหายแก่อีกฝ่ายพอสมควร เคมป์ซึ่งต้องประหลาดใจกับความเสียหายที่เกินความคาดหมายของฝ่ายตน ตัดสินใจที่จะทำการรักษาอาการบาดเจ็บของตนด้วยการผ่าตัดครั้งใหญ่ แทนที่จะปล่อยให้เลือดออกจนกระทั่งหมดแรงล้มตายไปเสียก่อน กล่าวคือ เขาสั่งถอยทัพออกมาจากสนามรบอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อหมายจะจัดรูปกระบวนทัพใหม่นั่นเอง หยางซึ่งเห็นทัพข้าศึกกำลังถอยร่นไปต่อหน้าต่อตานั้น กลับไม่คิดที่จะตามตีอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาทราบดีว่า ต่อให้เขาไล่บี้เอาชนะเคมป์ได้ในสนามรบนี้ แต่สุดท้าย ก็จะต้องเผชิญหน้ากับข้าศึกกองอื่นซึ่งมีกำลังเหนือกว่าตนอย่างเทียบกันไม่ติดเข้าจนได้ และคราวนี้ฝ่ายตนก็คงจะโดนไล่ทุบจนเละบ้างเป็นแน่ เพราะฉะนั้น ในโอกาสที่ข้าศึกถอนตัวออกไปเองเช่นนี้ ก็ควรจะรีบหนีไปให้ไกล ๆ เสียก่อนเป็นดีที่สุด เอาล่ะ ยานรบทั้งหมด เผ่น! หยางแหกปากตะโกนสั่งอย่างไม่แคร์สายตาใคร แล้วกองยานรบที่ 13 ก็ชักขบวนหนี... อย่างหน้าตาเฉย แทนที่กองยานรบของข้าศึกซึ่งกำลังได้เปรียบพวกตนจะไล่ตีพวกตนมา แต่กลับเปลี่ยนทิศทางถอนตัวไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำเอาเคมป์เก็บความประหลาดใจไว้ไม่อยู่ เขาอุตส่าห์เตรียมใจจะรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายตนในกรณีที่ข้าศึกจะไล่ตามมาตีอยู่แล้วแท้ ๆ เชียว เรียกว่า เกร็งเก้อไปเลย ทำไมพวกมันรบชนะพวกเราแล้ว ไม่ฮึกเหิมไล่ตามมาเล่า? เคมป์ถามตัวเอง แล้วก็หันไปถามความเห็นของบรรดาเสนาธิการด้วย คำตอบของลูกน้องแบ่งเป็นสองฝ่าย- ฝ่ายแรกบอกว่า คงกำลังวิ่งไปช่วยกู้สถานการณ์ให้กับกองยานรบอื่นของสมาพันธ์ที่กำลังตกอยู่ในภาวะคับขันกระมังขอรับ กับอีกฝ่ายบอกว่า พวกนั้นคงแกล้งถอยให้เราเห็น เพื่อยั่วยุให้พวกเราเปลี่ยนใจไล่ตามตี แล้วจะได้หันกลับมาบดขยี้พวกเราให้ตายคามือในคราวเดียวนั่นเอง ร้อยเอกเทโอดอร์ ฟอน ริวเก้ นายทหารหนุ่มน้อยผู้เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนยุวชนทหารเองก็เอ่ยปากแสดงความเห็นของตนบ้างอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า เอ่อ ข้าพเจ้า เอ๊ย ผู้น้อยเห็นว่า ข้าศึกเอาแต่หนีอยู่ถ่ายเดียวโดยไม่มีความคิดจะสู้ใด ๆ เลยขอรับ แน่นอนว่า ความเห็นนี้ถูกมองข้ามในทันที ทำเอาริวเก้หน้าแดงด้วยความกระดากอยู่คนเดียว แล้วก้าวถอยหลังกลับที่ของตนอย่างเคอะเขิน ที่จริงแล้ว คำตอบของเขาต่างหากที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด แต่ในตอนนั้น ทั้งตัวเขาเองและทุกคนในที่นั้นไม่มีใครสักคนเดียวที่จะหยั่งรู้ได้ เคมป์เองก็เป็นผู้แม่นยำด้านยุทธวิธีคนหนึ่ง หลังจากเขาคิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่ง ก็สรุปว่า การถอยของข้าศึกเป็นกลลวง เขาพับความคิดที่จะไล่ตามข้าศึกในตอนนี้ไปทันที แล้วหันไปเร่งมือจัดกระบวนทัพใหม่อย่างขะมักเขม้น ในระหว่างนั้น หยางและกองยานรบของตนก็วิ่งเตลิดหนีไปจนถึงบริเวณที่พวกทัพจักรวรรดิตั้งชื่อพิกัดว่า พิกัดเซ (C) ณ ที่นี้เอง พวกเขาก็ถูกข้าศึกตรวจจับได้ และการรบครั้งใหม่ก็เปิดฉากขึ้น อีกทางหนึ่ง กองยานรบที่ 9 ภายใต้การนำของผู้การอัลซาเรม ก็ถูกกองเรือรบฝ่ายจักรวรรดิภายใต้การนำของมิตเตอร์ไมเยอร์โจมตีอย่างหนัก จนต้องถอยร่นไม่เป็นขบวน ผู้การซาเรมต้องทุ่มเทความพยายามควบคุมกองยานของตนไว้มิให้แตกตื่นจนสูญเสียสายการบังคับบัญชาไปได้อย่างเต็มกลืน ในครั้งนี้ การไล่ตามของกองเรือรบมิตเตอร์ไมเยอร์นั้นมีความเร็วสูงสุดขีด ขนาดที่ว่า กองหน้าของฝ่ายไล่กับกองหลังของฝ่ายหนีวิ่งทันกันจนผสมกันมั่ว เกิดปรากฏการณ์ที่ยานรบของทั้งสองฝ่าย วิ่งเคียงคู่ผสมปนเปกันไปพร้อม ๆ กัน ทหารจำนวนมากมองออกไปทางกระจกหน้าต่างของยานรบตนเอง แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นเรือรบที่มีเครื่องหมายธงฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย ตาเปล่า ของตน นอกจากนี้ ด้วยเหตุที่ระบบขับเคลื่อนยานอวกาศ ตรวจจับได้ว่ามีวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงอยู่ใกล้ ๆ ยานของตนในพื้นที่ห้วงอวกาศแคบ ๆ นี้ ส่งผลให้ระบบหลบหลีกอัตโนมัติของยานรบแต่ละลำทำงานขึ้นอย่างเต็มความสามารถของมัน แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ยานรบอวกาศบางลำถึงกับลอยเคว้งคว้างหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่อย่างนั้น เพราะจะหันไปทางไหนก็พบแต่ยานอวกาศด้วยกันเต็มไปหมด ทั้งฝ่ายมิตรและฝ่ายศัตรู ในสภาพเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองฝ่ายมิได้สาดอาวุธเข้าใส่กัน หากทำเช่นนั้นแล้วไซร้ มีแต่จะล้มตายด้วยกันทั้งคู่ เพราะพายุไซโคลนของพลังงานมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยจากการสาดอาวุธเข้าหากันในที่แคบ ๆ เช่นนี้ย่อมเป็นพลังงานไร้ทิศทางที่ไม่สามารถควบคุมได้เลยแม้แต่น้อย แต่ ถึงจะไม่มีความสูญเสียจากอาวุธ ก็มีความเสียหายจากการเฉี่ยวและการชนกันอย่างจังของยานอวกาศด้วยกันอยู่ดี เพราะมียานรบบางลำที่เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนยานมาใช้เป็นแบบแมนนวล (บังคับด้วยคน) เพื่อหลีกเลี่ยงการ แฮงค์ ของโปรแกรมระบบควบคุมยานซึ่งกำลัง งง ขนานหนักกับการคำนวณหาทิศทางที่จะหลบเลี่ยงวัตถุขนาดยักษ์รอบตัวให้ได้แต่ก็หาคำตอบไม่พบสักที บรรดาต้นหนของยานรบเหล่านี้ ต่างพากันเหงื่อไหลไคลย้อยโดยไม่เกี่ยวกับอุณหภูมิของชุดพร้อมรบที่พวกตนสวมใส่อยู่แม้แต่น้อย พวกเขานั่งตัวเกร็งอยู่หน้าแผงบังคับของตน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะบังคับยานไปในที่ ๆ ไม่มีสิ่งกีดขวาง แล้วก็พบว่าเบื้องหน้าก็เต็มไปด้วยยานรบลำอื่นที่ต่างก็กำลังพยายามทำสิ่งเดียวกันตนทั้งสิ้น สภาพอลหม่านนี้สงบลงในที่สุด เมื่อมิตเตอร์ไมเยอร์สั่งให้กองเรือรบของตนลดความเร็วลง จนกระทั่งทอดระยะห่างระหว่างกองเรือทั้งสองฝ่ายออกมาได้ระดับหนึ่ง แต่นี่ย่อมหมายถึง ความหายนะที่มาเยือนทัพสมาพันธ์อีกครั้ง เมื่อการโจมตีอย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นใหม่ พลังงานอันเข้มข้นที่สาดออกไปในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี ตรงเข้าสอยยานรบของสมาพันธ์ร่วงลงไปลำแล้วลำเล่า พร้อมชีวิตคนในจำนวนที่สัมพันธ์กัน เรือธงพารามิดิวส์ก็เช่นกัน ได้รับความเสียหายถึง 7 แห่ง ผู้บัญชาการกองยานรบ- พลโทอัล ซาเรมเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการระเบิดภายในยานจนกระทั่งกระดูกซี่โครงหัก รองผู้บัญชาการกองยาน- พลตรีมอร์ตันได้รับช่วงบัญชาการต่อ และพาบรรดาลูกน้องในสังกัดเร่งหนีไปบนเส้นทางการหนีอันยาวไกลอย่างทุลักทุเลเต็มที สภาพแตกพ่ายเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เกิดกับพวกเขาเพียงกองเดียว กองยานรบแต่ละกองของทัพสมาพันธ์ล้วนประสบชะตากรรมเดียวกันถ้วนหน้า จนบัดนี้ แม้แต่กองยานรบที่ 13 ของหยางเหวินหลี่ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแล้ว ในตอนนั้น กองยานรบของหยางได้ถอนตัวจากตำแหน่งสนามรบแรกของตน มายังพิกัดที่ห่างจากเดิมเป็นระยะทาง 6 ชั่วโมงแสง (ราว 6 แสน 5 หมื่นล้านกิโลเมตร) พวกเขาตกอยู่ในสภาพต้องทำศึกกับกองเรือรบข้าศึกที่มีกำลังเหนือกว่าถึง 4 เท่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น แม่ทัพของกองเรือรบแห่งทัพจักรวรรดิ ณ ตำแหน่งพิกัดรบเซ (C) นี้ ซึ่งได้แก่พลโทเคียร์ชไอซ์นั้นเพิ่งจะตีกองยานรบที่ 7 ของสมาพันธ์แตกพ่ายไปหมาด ๆ ก็จริง แต่ได้จัดการส่งกำลังบำรุงทั้งด้านกำลังพลเสริมและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ เข้าสู่แนวหน้าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะทำศึกเพื่อตัดกำลังทัพสมาพันธ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลาพัก ยุทธวิธีรบเช่นนี้ ย่อมหาได้เป็นผลจากความบังเอิญแต่อย่างไรไม่ หากแต่มาจากการบังคับบัญชาและการจัดการอย่างเป็นระบบเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสูงสุด หยางถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน บ่นว่า ไม่มีทั้งช่องโหว่ที่จะตีกลับ หรือช่องว่างที่จะหนีเลย แถมด้วยคำชื่นชมว่า เคานท์โรเอนกรัมมีแต่ลูกน้องเก่ง ๆ ทั้งนั้นเลยหรือนี่ แต่ละคนช่างเดินทัพได้เฉียบขาด เปี่ยมประสิทธิภาพจริง ๆ... แต่แน่นอน นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมามัวชื่นชมความสามารถของข้าศึก ถ้าขืนเข้าประทะด้วยตรง ๆ ละก็ ฝ่ายเขาซึ่งเป็นรองในด้านกำลังทหาร ย่อมต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากคิดหนัก หยางก็ตัดสินใจเลือกวิธีที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด เริ่มจากละทิ้งอาณาบริเวณห้วงอวกาศที่พวกตนครอบครองอยู่ให้กับข้าศึก พร้อมถอยร่นอย่างเป็นระเบียบ จัดทัพเป็นรูปตัวยู (U) ล่อให้ข้าศึกถลำตามเข้ามา จนกระทั่งขบวนทัพของตน- พร้อมด้วยระบบลำเลียงยุทโธปกรณ์- ขยายแถวยาวถึงขีดสุดแล้ว ก็เริ่มโจมตีกลับจากสามทิศทางในคราวเดียว ไม่มีวิธีอื่นดีกว่านี้อีกแล้ว... เพียงแต่ว่า ข้าศึกจะหลงกลเรารึเปล่า? เท่านั้นเอง... กลยุทธของหยางนั้น หากเขามีเวลาที่จะพักทหารให้พร้อมกว่านี้ รวมทั้งตัวเขาเองมีอำนาจในการบัญชาการรบอย่างเด็ดขาดและเป็นอิสระแล้วละก็ คงจะส่งผลในระดับหนึ่ง และสามารถต้านทัพจักรวรรดิไม่ให้รุกหน้าต่อได้ แต่... หยางไม่มีทั้งสองอย่างที่กล่าวมา ขณะที่เขากำลังควบคุมกองยานรบของตนอย่างยากลำบาก ให้แปรรูปขบวนเป็นรูปตัว U พลางก็รบต้านรับทัพข้าศึกซึ่งมีกำลังเหนือกว่ากันอย่างทาบไม่ติดไปด้วยนั้น คำสั่งจากอิเซลโลนก็ถูกถ่ายทอดมาถึง ให้กองยานรบทุกกองยุติการรบโดยทันที เพื่อเดินทางไปรวมกำลังกันที่พิกัดอวกาศ A ในระบบดาวฤกษ์อัมริทเซอร์ ภายในวันที่ 14 เดือนนี้ ทันทีที่ฟังคำสั่งนั้นจบ เฟรดเดอริกาสังเกตเห็นแววผิดหวังอันหมองคล้ำที่ฉายฉาบบนใบหน้าของหยางได้อย่างชัดเจน แต่ก็เพียงแวบเดียว ใบหน้าของเขาก็กลับเป็นปกติ หากแต่มีเสียงถอนใจหนัก ๆ ออกมาแทน เฮ้อ สั่งกันง่าย ๆ เลยน้อ... เขาบ่นเพียงเท่านั้น แต่ในสภาพความเป็นจริง ทุกคน- โดยเฉพาะเฟรดเดอริกา- ย่อมตระหนักดีแก่ใจว่า การจะถอนกำลังออกจากข้าศึกที่รบติดพันกันซึ่ง ๆ หน้านี้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากเพียงใด ถ้าเป็นแบบเดียวกับกรณีของเคมป์ที่พวกเขาหนีได้สบาย ๆ ละก็ คงหนีไปตั้งนานแล้วไม่อยู่สู้กันถึงป่านนี้หรอก แต่ก็เพราะหนีไม่ได้ไงเล่า ถึงได้ทู่ซี้สู้อยู่เช่นนี้มิใช่หรือ?
หยางตัดสินใจทำตามคำสั่งที่ได้รับอย่างเคร่งครัด และผลก็คือ กองยานรบของเขาได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่าตัว ในการถอนกำลังออกจากสนามรบอย่างยากลำบากครั้งนี้
ณ ห้องบัญชาการในเรือธงสูงสุดของกองทัพจักรวรรดิ ไรน์ฮาร์ดกำลังฟังรายงานจากโอแบร์สไตน์ พวกข้าศึกกำลังถอยร่นไปก็จริง แต่ยังคงรักษาระเบียบได้ในระดับหนึ่ง และดูเหมือนว่าจะกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังระบบดาวฤกษ์อัมริทเซอร์ขอรับ ตำแหน่งที่ใกล้กับปากช่องแคบอิเซลโลนมากที่สุดสินะ... ท่าทางพวกมันจะหาได้ถอยหนีไปที่นั่นเฉย ๆ ไม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? ข้าฯ น้อยคาดว่าพวกมันคงไปรวมกำลังกันที่นั่นเพื่อหวังจะตีโต้พวกเรากลับให้ได้สักครั้งหนึ่งกระมังขอรับ ท่าทางคงจะเพิ่งรู้ตัวถึงความโง่เขลาของตนเองที่แบ่งกำลังกระจัดกระจายกันขอรับ... แม้ว่าจะสายไปแล้วก็ตามเถิด สายไปเอาการอยู่จริง ๆ นั่นแหละ ไรน์ฮาร์ดตอบเหยียด ๆ พลางยกนิ้วเรียวยาวขึ้นเสยผมที่กำลังจะตกลงมาปรกหน้าผากคราหนึ่ง จะทำอย่างไรต่อขอรับ? แน่นอน ทัพของเราก็จะรวมกำลังกันที่อัมริทเซอร์เช่นกัน ในเมื่อข้าศึกอยากได้อัมริทเซอร์เป็นสุสานฝังศพของตนเองแล้วไซร้ เราก็ช่วยทำให้พวกมันได้สมหวังกันสักหน่อยจะเป็นไรไปเล่า! |