นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 9 อัมริทเซอร์
-1- (ครึ่งหลัง)


ในขณะเดียวกัน เคียร์ชไอซ์ซึ่งคุมกองเรือรบถึงสามส่วนในสิบส่วนของกองเรือรบทั้งหมดในสังกัดของไรน์ฮาร์ด ก็กำลังพากองเรือรบกองใหญ่ของตนนี้วิ่งอ้อมดวงอาทิตย์อัมริทเซอร์ไปเป็นระยะทางไกลโขทีเดียว เพื่อเข้าตีด้านหลังของทัพสมาพันธ์

“เร่งมือเข้าพวกเรา ตอนนี้เราล่าช้าจากกำหนดการไปพอควรแล้ว!”

เพื่อที่จะหลบเลี่ยงการตรวจการณ์ของฝ่ายสมาพันธ์ เคียร์ชไอซ์จำเป็นต้องพากองเรือของตนวิ่งเลียบผิวดาวฤกษ์นี้ให้ใกล้ที่สุด แต่สนามแม่เหล็กและสนามแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงกว่าความคาดหมาย ทำให้ระบบนำร่องของเรืออวกาศถูกรบกวนจนใช้การไม่ได้ บรรดาเจ้าหน้าที่เนวิเกเตอร์ต้องพากันคำนวณบนกระดาษด้วยวิธีดั้งเดิมแต่โบราณเพื่อที่จะกำหนดทิศทางการเดินเรืออวกาศของตน ด้วยเหตุนี้ กองเรือรบของเคียร์ชไอซ์จึงเดินทัพได้ช้ากว่าที่คาดไว้ แต่ในที่สุด พวกเขาก็บรรลุถึงอาณาบริเวณห้วงอวกาศเป้าหมายจนได้

ณ ห้วงอวกาศทางด้านหลังของทัพสมาพันธ์- ณ บริเวณนั้น ถูกขวางไว้ด้วยทุ่นระเบิดจำนวนมหาศาล ก่อเป็นสนามทุ่นระเบิดที่ทั้งกว้างและลึกเอาการ

ต่อให้ทัพจักรวรรดิแบ่งกำลังมาอ้อมเข้าตีด้านหลังของทัพสมาพันธ์ได้ก็ตาม พวกเขาจักต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่คือ บรรดาทุ่นระเบิดนิวเคลียร์จำนวน 40 ล้านทุ่นนี้ บรรดาผู้ใหญ่ในกองทัพสมาพันธ์ล้วนเชื่อมั่นกันเช่นนั้น หยางเองแม้เขาจะไม่วางใจอย่างเต็มที่นัก แต่ก็คิดไปเสียว่า ต่อให้ข้าศึกมีกลยุทธที่จะสามารถบุกทะลวงฝ่าด่านทุ่นระเบิดนี้เข้ามาได้ก็ตาม ก็คงจะไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ในเวลาสั้น ๆ เป็นแน่ ซึ่งระหว่างนั้น เขาก็ยังมีเวลาพอที่จะเตรียมตัวรับมือสถานการณ์ได้บ้าง

แต่...

กลยุทธที่ทัพจักรวรรดิกำลังจะใช้ต่อไปนี้ กลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนรวมทั้งหยางด้วย

“ปล่อยอนุภาคเซฟเฟิลชนิดมีทิศทางได้!”

คำสั่งของเคียร์ชไอซ์ถูกถ่ายทอดออกไป

จักรวรรดิทางช้างเผือกนั้นประสบความสำเร็จในการพัฒนาอนุภาคเซฟเฟิลชนิดที่สามารถคุมทิศทางการระเบิดได้ก่อนทางด้านสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี และนี่ จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขานำเอาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดนี้มาใช้ในสงครามจริง

อุปกรณ์ปล่อยอนุภาคเซฟเฟิลซึ่งมีรูปร่างเป็นแท่งทรงกระบอกยาวจำนวนสามแท่ง ถูกลากจูงด้วยเรือทหารช่างเข้าไปใกล้สนามทุ่นระเบิด

“ถ้าไม่รีบเข้าละก็ เดี๋ยวอาจจะไม่มีข้าศึกเหลือให้พวกเราจัดการก็ได้นะขอรับนี่”

เสนาธิการคนหนึ่ง- พันเอกจินเซอร์- เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงดังพอควร ในขณะที่เคียร์ชไอซ์ได้แต่ยิ้มรับ

กลุ่มอนุภาคเซฟเฟิลซึ่งเกาะกลุ่มกันเป็นรูปแท่งทรงกระบอกยาวจำนวนสามแท่ง ค่อย ๆ ไหลแทรกตัวเข้าไปในสนามทุ่นระเบิดช้า ๆ มองดูเหมือนเป็นกลุ่มหมอกรูปเสาที่ไหลอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ในห้วงอวกาศ ทั้งนี้ เครื่องตรวจจับความร้อนและมวลสารที่ติดตั้งไว้กับทุ่นระเบิดนิวเคลียร์เหล่านั้นไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองกับกลุ่มอนุภาคเหล่านี้แต่อย่างไร

“อนุภาคเซฟเฟิลไหลไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของสนามทุ่นระเบิดแล้วขอรับ!”

เสียงรายงานจากเรือที่อยู่แนวหน้าสุดถูกถ่ายทอดเข้ามา

“ดีมาก จุดระเบิดได้!”

เคียร์ชไอซ์สั่งการเสียงดังลั่น แล้วเรือลำเดิมก็เปิดป้อมปืนของตนออก ปืนใหญ่ประจำเรือทั้งสามกระบอกหันปลายกระบอกปืนไปยังทิศทางต่างๆ กัน แล้วก็ยิงลำแสงออกไปอย่างประณีตบรรจง

พริบตาถัดมา เปลวเพลิงรูปเสาขนาดยักษ์จำนวนสามสายก็วิ่งผ่าเข้าไปในสนามทุ่นระเบิด หลังจากที่แสงสว่างสีขาวจ้าเหล่านั้นหายวับไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นแทนคือ ช่องว่างขนาดใหญ่จำนวนสามช่องที่เจาะทะลุเข้าไปในสนามทุ่นระเบิด บรรดาทุ่นระเบิดที่เดิมอยู่บริเวณช่องว่างเหล่านั้นล้วนอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น

อุโมงค์ยักษ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 200 กิโลเมตร ยาวเท่ากับความลึกของสนามทุ่นระเบิดคือ 3 แสนกิโลเมตร จำนวน 3 ช่องก็เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ ทัพจักรวรรดิประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างเส้นทางปลอดภัยที่จะวิ่งผ่านสนามทุ่นระเบิดได้ในเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น!

“เรือรบทุกลำวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด... ประจันบาญ!”

เสียงสั่งการของผู้การหนุ่มผมแดงถูกถ่ายทอดไปยังเรือรบในสังกัด ณ บัดนั้น กองเรือรบจำนวน 3 หมื่นลำของเขา แยกย้ายกันวิ่งลอดอุโมงค์อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าโจมตีใส่ด้านหลังของทัพสมาพันธ์ที่เปิดโล่งไร้การระมัดระวังป้องกันใด ๆ อย่างกระหายเลือด

“ข้าศึกจำนวนมากปรากฏตัวที่ด้านหลังครับผม!”

ตอนที่โอเปอเรเตอร์ของทัพสมาพันธ์สังเกตเห็นและรายงานถึงจุดแสงสว่างจำนวนมหาศาลบนจอภาพอันมากจนไม่สามารถประมาณจำนวนได้นั้น ทัพหน้าของเคียร์ชไอซ์ก็ได้ลงมือสาดอาวุธเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสร้างช่องโหว่ขึ้นในขบวนยานรบของทัพสมาพันธ์ช่องแล้วช่องเล่าตามใจชอบ

บรรดาผู้บัญชาการกองยานรบของทัพสมาพันธ์พากันตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูกไปตาม ๆ กัน และความตื่นตระหนกของพวกเขาก็ถูกขยายเป็นหลายสิบเท่าส่งต่อไปให้กับบรรดาทหารระดับล่างลงไป

ณ วินาทีนั้นเอง กระบวนทัพของกองยานรบของสมาพันธ์ก็ล่มสลายอย่างสุดจะกู้คืนมาใหม่ได้

กองเรือรบของจักรวรรดิเลือกยิง, ทำลายยานรบของสมาพันธ์ซึ่งเสียรูปขบวนและขาดการต่อสู้เป็นระบบอย่างดุเดือด

ผลแพ้ชนะถูกกำหนดแน่นอน ณ บัดนั้นเอง!!!

หยางได้แต่นิ่งมองภาพที่ทัพของฝ่ายตนแตกขบวนอย่างสิ้นเชิงอยู่เช่นนั้น เขาจำต้องยอมรับอย่างเจ็บปวดอีกครั้งหนึ่งว่า มนุษย์เราไม่มีใครที่จะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าให้ครอบคลุมความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งหมด

“ทำยังไงดีครับ? ท่านผบ.”

ปาทริเชฟกลืนน้ำลายดังเอื๊อกใหญ่แล้วถามขึ้น

“นั่นสิ... จะหนีตอนนี้เลยก็ยังเร็วไปมั้งเนอะ”

คำตอบของอีกฝ่าย กลับเนือย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องของตนกระนั้น

-------------------

อีกด้านหนึ่ง ในห้องสะพานเรือของเรือธงสูงสุดของทัพจักรวรรดิ- เรือรบบรุนฮิลด์นั้น ก็กำลังเต็มไปด้วยบรรยากาศของชัยชนะ

“หึ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นศึกบดขยี้กันด้วยกองเรือรบระดับเรือนแสนนี่แหละ”

น้ำเสียงของไรน์ฮาร์ดส่อแววตื่นเต้นประดุจเด็ก ๆ ส่วนหัวหน้าเสนาธิการผมขาวกลับถามด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายว่า

“จะให้เลื่อนเรือธงขึ้นไปข้างหน้าอีกสักเล็กน้อยหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่ต้อง ขืนเราขึ้นไปตอนนี้ เป็นได้โดนนินทาว่า จะไปแย่งฉวยความดีความชอบของลูกน้องนะสิ”

แน่นอน คำพูดข้างต้นเป็นคำพูดเล่นเสียมากกว่า แต่นี่ก็แสดงถึงความสบายใจของไรน์ฮาร์ดในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี

---------------

ตัวศึกเองนั้นกำลังงวดเข้าสู่ฉากสุดท้ายทุกขณะ แต่การฆ่าฟันและการทำลายหาได้ลดความดุเดือดลงแม้แต่น้อยไม่ การโจมตีอย่างดุดันกับการสู้ตอบโต้อย่างจนตรอกยังคงดำเนินต่อไปทุกอณูของสมรภูมิ ในสมรภูมิย่อยบางบริเวณที่ทัพจักรวรรดิกำลังเสียเปรียบอยู่ก็มีปรากฏให้เห็นบ้างอย่างประปรายด้วยซ้ำ

มาถึงขั้นนี้แล้ว การที่จะมีชัยชนะในศึกตรงหน้านั้นย่อมไม่มีความหมายใด ๆ อีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ผู้ที่กำลังจะชนะก็มุ่งหวังที่จะชนะให้เด็ดขาดยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่กำลังจะแพ้ ก็มุ่งจะกู้ชื่อของตนโดยการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกไปตามกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แต่การตอบโต้ที่ยังความเสียหายให้กับทัพจักรวรรดิยิ่งกว่าการสู้อย่างจนตรอกในแต่ละสมรภูมิย่อยดังกล่าว ได้แก่ การโจมตีอย่างเป็นระบบของกองยานรบของหยางนั่นเอง พวกเขายังคงรั้งอยู่ในสมรภูมิ เพื่อช่วยเปิดทางให้เพื่อนร่วมทัพสามารถหนีไปยังบริเวณที่ปลอดภัยได้

กลยุทธที่หยางใช้ก็คือ การทุ่มเทอาวุธไปยังจุดหนึ่งจุดเดียวอย่างเฉียบขาด เพื่อตัดขบวนกองเรือรบของฝ่ายจักรวรรดิออกเป็นริ้ว ๆ รบกวนให้การสื่อสารบังคับบัญชาขาดตอน แล้วก็ทำลายกลุ่มย่อยเหล่านั้นทีละกลุ่ม

แต่แน่นอนว่า หยางไม่ใช่คนที่คิดจะสู้จนตัวตายอย่างองอาจ หรือพลีชีพอย่างมีเกียรติสง่างามแต่อย่างไร เขาสู้เพื่อคุ้มกันเพื่อนร่วมทัพให้ทยอยหนีไปได้ แต่ในขณะเดียวกันก็คอยประเมินสถานการณ์และกะเก็งจังหวะที่ตนจะหนีออกจากสมรภูมิเลือดนี้บ้างอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังหมายตาทิศทางและตำแหน่งที่ตนจะฝ่าวงล้อมไว้แล้วด้วย

---------------------

นายทหารที่ปรึกษา-โอแบร์สไตน์ซึ่งจ้องมองจอภาพหลักกับจอภาพของคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์การรบสลับไปมาอยู่พักใหญ่ เอ่ยปากเตือนขึ้นในที่สุดว่า

“กรุณาให้ผู้การเคียร์ชไอซ์หรือใครก็ได้เข้าไปช่วยเสริมทัพของบิทเทนเฟลต์เถิดขอรับ ดูท่าแม่ทัพข้าศึกกำลังเล็งจะตีฝ่าวงล้อมออกไปตรงจุดที่วงล้อมของเราเบาบางที่สุดนะขอรับ ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่นี้แล้ว เรามีกำลังเหลือเฟือ ควรจะรีบเสริมกำลังให้เขานะขอรับ”

ไรน์ฮาร์ดยกมือขึ้นเสยผมสีทองของเขาคราหนึ่ง แล้วกวาดสายตาของตนอย่างรวดเร็ว จากจอภาพหลัก ไปยังจอภาพของแผงควบคุมอีกสองสามจอ แล้วสุดท้ายก็ไปหยุดที่ใบหน้าของที่ปรึกษาของตน

“ถูกของเจ้า ตกลงตามนั้นก็แล้วกัน เพราะไอ้เจ้าบิทเทนเฟลต์มันพลาดไปแท้ ๆ เชียว ต้องคอยตามแก้ให้มันไม่รู้จบ!”

คำสั่งของไรน์ฮาร์ดถูกส่งออกไปทางช่องการสื่อสารเหนือแสง ( FTL) ในบัดดล แล้วเคียร์ชไอซ์ซึ่งรับคำสั่งนั้น ก็ได้สั่งให้ขยายขบวนทัพของตนออกไปทันที เพื่อตีวงล้อมไว้ด้านหลังกองเรือของบิทเทนเฟลต์อีกชั้นหนึ่ง

หยางซึ่งเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อหาโอกาสตีฝ่าวงล้อมบ้าง สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ของทัพจักรวรรดิในเวลาไล่เลี่ยกัน เขาถึงกับใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจพาลจะหยุดเต้น

-- หนทางหนีกำลังจะถูกปิดเสียแล้ว เสร็จกัน! พลาดไปแล้วรึ? น่าจะหนีให้เร็วกว่านี้...--

แต่... ในจังหวะนั้นเอง เทพีแห่งโชคก็เข้าข้างหยางอีกครั้งหนึ่ง

ยานรบของสมาพันธ์จำนวนหลายลำซึ่งอยู่ในทิศทางที่เคียร์ชไอซ์กำลังจะขยายแนวรบออกไปนั้น พากันตื่นตระหนกจนขาดสติ แล้วทำการวาร์ปไปตาม ๆ กัน ทั้ง ๆ ที่มีมวลขนาดใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่สนใจ

ที่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก มีบางครั้งที่เมื่อพบว่าตนหมดทางสู้และไม่มีทางหนีแล้ว แทนที่จะยืนรอความตาย ยานรบหลายลำกลับเลือกที่จะหนีไปยังโลกที่เขาไม่รู้จักมากกว่า นั่นคือ การวาร์ปหนีเข้าไปในสับสเปซ (มิติอื่น) ทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถคำนวณตำแหน่งพิกัดที่จะออกจากมิติอื่นนั้นได้เลย จริงอยู่ที่หากหนีไม่พ้น และไม่อยากถูกฆ่า ก็ยังเหลือทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ การยอมจำนน- ทั้งนี้การส่งสัญญาณไฟเพื่อขอแสดงการยอมจำนนนั้นก็ได้มีการกำหนดเป็นมาตรฐานสากลไว้แล้ว- แต่... ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเกินเหตุล้วนลืมเรื่องเหล่านี้ไปจนหมดสิ้น ส่วนที่ว่า ผู้ที่หนีเข้าไปในสับสเปซแล้วกลับออกมาไม่ได้จะมีชะตากรรมเป็นเช่นใดนั้น หามีใครทราบไม่ เป็นเรื่องลึกลับพอ ๆ กับโลกหลังความตายนั่นเอง

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเขาก็เลือกที่จะกำหนดชะตากรรมของตนเองด้วยน้ำมือของตัวเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีสิทธิทำได้ หากแต่สำหรับคนรอบข้างนั้นเล่า? ต้องมาพลอยรับกรรมที่ตนไม่ได้ก่อไปด้วย โอเปอเรเตอร์ของเรือรบจักรวรรดิที่อยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่จู่ ๆ ยานรบของข้าศึกก็หายวับไปกับตานั้น พากันแผดเสียงตะโกนรายงานอย่างตื่นตระหนก ถึงกระแสคลื่นวาร์ปที่หลงเหลืออยู่ใกล้ ๆ กับเรือของพวกเขา แล้วเสียงสั่งการก็ดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันให้หักหัวเรือหลบบริเวณอันตรายเหล่านั้นโดยด่วน ครึ่งหน้าของกองยานรบส่วนที่ขยายแนวรบออกไปของเคียร์ชไอซ์ ต้องเผชิญกับความอลหม่านเหล่านี้ และชนกันเองจนได้รับความเสียหายไปหลายลำ

ด้วยเหตุนี้เอง เคียร์ชไอซ์ต้องเสียเวลาจัดรูปขบวนทัพของตนใหม่ และทำให้หยางได้รับเวลาอันมีค่ายิ่งขึ้นมา

--------------------

บิทเทนเฟลต์กำลังพาบรรดาลูกน้องในสังกัดจำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ไล่ล่าข้าศึกอย่างเมามันเพื่อลบล้างความผิดพลาดครั้งก่อนของตน หากแต่ พฤติกรรมของเขานั้นเป็นเพียงการจัดการกับข้าศึกที่ปรากฏตัวขึ้นเฉพาะหน้าเท่านั้น หาได้เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับสถานการณ์โดยรวมของสมรภูมิไม่

หากเขาจักได้สำเหนียกถึงการเคลื่อนไหวของกองเรือรบของเคียร์ชไอซ์เพียงสักเล็กน้อยแล้วไซร้ ต่อให้เขาขาดการติดต่อกับไรน์ฮาร์ดไปก็ตาม เขาก็คงจะหยั่งรู้ถึงเจตนาของหยางที่จะฝ่าวงล้อมมาทางตนได้ และคงจะได้เตรียมการประสานงานกับเพื่อนร่วมทัพใกล้ ๆ เพื่อปิดวงล้อมให้รัดกุมได้บ้าง

แต่ เขาก็ขาดการประสานงานกับเพื่อนร่วมทัพ และนั่นหมายความว่า กองเรือรบของเขาในตอนนี้ เป็นเพียงกองเรือเล็ก ๆ เท่านั้น หามีกำลังในระดับสำคัญอันใดไม่

และหยางก็ทุ่มเทกำลังรบทั้งหมดของตนพุ่งเข้าใส่กองเรือรบของบิทเทนเฟลต์ที่เหลืออยู่ในคราวเดียวนี้เอง

อันที่จริง บิทเทนเฟลต์นั้นมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำความดีความชอบเพื่อลบล้างความผิดเมื่อครู่ของตน และเขาก็มีความสามารถที่จะทำได้ด้วย หากแต่... ในตอนนี้เขาขาดกำลังรบเพื่อการนั้นอย่างเห็นได้ชัด เรือรบของเขาเหลือน้อยเกินไป! และรวมถึงความลนลานที่ทำให้เขามองไม่เห็นภาพรวมของสนามรบด้วย

เพียงพริบตาเดียว กองเรือรบของบิทเทนเฟลต์ก็ถูกทำลายลงเหลือเพียงเรือธงกับอีกไม่กี่ลำ หากมิใช่เพราะพันเอกออยเกนและบรรดาเสนาธิการคนอื่น ๆ ช่วยกันห้ามไม่ให้บิทเทนเฟลต์สู้ต่อแล้วไซร้ พวกเขาก็คงจะต้องสิ้นสลายทั้งกองไม่เหลือแม้แต่ลำเดียวเป็นแน่

และด้วยเส้นทางหนีที่สร้างขึ้นได้สำเร็จนี้เอง บรรดายานรบในสังกัดของหยางก็ทยอยกันไหลลื่นออกจากวงล้อมของทัพจักรวรรดิไปอย่างรีบเร่ง

บิทเทนเฟลต์กับไรน์ฮาร์ดได้แต่ยืนมองภาพของกลุ่มจุดแสงสว่างที่เคลื่อนตัวอย่างเป็นระเบียบห่างออกไปทุกครา ฝ่ายแรกเป็นการยืนซึมมองจากตำแหน่งใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุ ส่วนฝ่ายหลังเป็นการยืนจ้องด้วยความเจ็บใจและผิดหวังจากตำแหน่งที่ไกลห่างออกไป

และ ณ ตำแหน่งระหว่างสองคนนี้ ผู้การหนุ่มอีกสามคน ได้แก่ รอยเอนธาล, มิตเตอร์ไมเยอร์ รวมทั้งเคียร์ชไอซ์ซึ่งขยายแถวไปปิดล้อมไม่ทันกำลังเปิดช่องการสื่อสารเพื่อสนทนากัน

“ดูท่า ทางทัพกบฏก็มีคนเก่งอยู่เหมือนกันนา”

มิตเตอร์ไมเยอร์เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ แล้วรอยเอนธาลก็เสริมว่า

“อืม พบกันครั้งหน้าสนุกแน่”

รอยเอนธาลผู้นี้เป็นชายหนุ่มรูปงาม เจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำ หากแต่ใครก็ตามที่พบเห็นบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นครั้งแรก จะต้องประหลาดใจกันทุกคน เนื่องเพราะนัยน์ตาของเขาซ้ายขวามีสีไม่เหมือนกันนั่นเอง

กล่าวคือ ตาขวาสีดำ ตาซ้ายสีฟ้า อันเป็นอาการผิดปกติที่เรียกว่า “เฮเทอโรโครเมีย”

ทั้งสามคนไม่มีใครเอ่ยปากถึงคำว่า ไล่ตีทัพข้าศึกเลย

พวกเขาล้วนตระหนักดีว่า โอกาสในการไล่ตีข้าศึกนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว อีกทั้งพวกเขายังสำนึกดีถึงความไม่สมควรที่จะไล่ตามไปจนเกินขอบเขตของตน คนที่รบด้วยสัญชาตญาณดิบเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่สามารถจะรักษาชีวิตของตน อีกทั้งชีวิตของลูกน้องให้รอดพ้นจากสนามรบได้

“แต่อย่างไรก็ตาม สรุปว่า ทัพกบฏได้ถูกขับไล่ออกจากแดนจักรวรรดิเราอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกมันคงจะหนีไปเข้าทางช่องแคบอิเซลโลนนั่นเอง และคงจะเข็ดขยาดไม่กล้าคิดมาบุกเราไปอีกนานทีเดียวล่ะ หรือคิด... ก็ไม่มีกำลังรบที่จะทำเช่นนั้นได้อยู่ดี”

รอยเอนธาลกล่าวสรุป แล้วคราวนี้มิตเตอร์ไมเยอร์เป็นฝ่ายพยักหน้ารับบ้าง

เคียร์ชไอซ์มองภาพของจุดสว่างที่กำลังเลือนหายไปอย่างเงียบ ๆ พลางคิดว่า คุณไรน์ฮาร์ดจะกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่หนอ? เมื่อคราวแอสทาเทก็ทีหนึ่งแล้ว กำลังจะชนะอย่างเด็ดขาดก็ต้องมาพลาดในขั้นตอนสุดท้าย และคราวนี้ก็เช่นกัน คราวก่อนเขายังทำใจกว้างยอมรับผลที่เกิดขึ้นได้ แต่คราวนี้เล่า?

“มีคำสั่งจากกองบัญชาการรบสูงสุดขอรับ ให้กวาดล้างข้าศึกที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณให้สิ้น แล้วถอนกำลังกลับได้ขอรับ!”

เสียงของเจ้าหน้าที่สื่อสารรายงานขึ้น พาให้ผู้การหนุ่มทั้งสามตัดการสนทนาลงแต่เพียงเท่านั้น

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1