นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 9 อัมริทเซอร์
-2-


“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

ณ ห้องสะพานเรือของเรือธงบรุนฮิลด์ ไรน์ฮาร์ดกำลังต้อนรับบรรดาผู้การของเขาที่ทยอยกันกลับเข้ามา

เขาไล่จับมือกับรอยเอนธาล, มิตเตอร์ไมเยอร์, เคมป์, เมกริงเกอร์, วาเรน, รูทซ์ตามลำดับ กล่าวคำสรรเสริญความดีความชอบของพวกเขา แล้วสัญญาถึงการเลื่อนยศให้ แต่เมื่อมาถึงเคียร์ชไอซ์แล้ว เขาเพียงแต่ตบบ่าซ้ายของอีกฝ่ายเบา ๆ ทีหนึ่งเท่านั้น หาได้พูดอะไรไม่ สำหรับทั้งสองคนแล้วเท่านี้ก็เพียงพอ

แต่เมื่อโอแบร์สไตน์แจ้งให้ทราบถึงการมาถึงของบิทเทนเฟลต์ แววแห่งความโกรธก็ฉายฉาบลงบนใบหน้าสวยของจอมพลหนุ่มแห่งทัพจักรวรรดิ

ขณะนั้น กองเรือรบของบิทเทนเฟลต์- ซึ่งอยู่ในสภาพที่เรียกว่า กองเรือคงจะไม่ได้แล้วนั้น- เพิ่งจะเดินทางกลับมาถึง ในศึกครั้งนี้ ไม่มีนายทหารของฝ่ายจักรวรรดิคนใดอีกแล้วที่สูญเสียไพร่พลและเรือรบไปมากเท่ากับเขา อีกทั้งบรรดาเพื่อนร่วมทัพอย่างรอยเอนธาลหรือมิตเตอร์ไมเยอร์ล้วนแล้วแต่อยู่ในสงครามอันดุเดือดมาเหมือน ๆ กันทั้งสิ้น ดังนั้น บิทเทนเฟลต์ย่อมไม่สามารถอ้างว่า ความเสียหายอันใหญ่หลวงที่ตนได้รับนั้นเป็นความผิดของผู้อื่นได้เลยแม้แต่น้อย

บรรยากาศแห่งการฉลองชัยสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วบรรยากาศอันน่าอึดอัดใจก็เข้ามาแทนที่ บิทเทนเฟลต์ก้าวเข้ามาตรงหน้าของเจ้านายตนด้วยใบหน้าซีดเซียว ในอาการที่ทำใจได้แล้ว เขาก้มศีรษะต่ำที่สุดขณะแสดงความเคารพ

“ที่จริงข้าพเจ้าก็อยากพูดว่า สงครามครั้งนี้เราเป็นฝ่ายชนะและเจ้าก็ได้สู้อย่างเต็มที่แล้วอยู่หรอก... แต่คงจะหาเป็นเช่นนั้นได้ไม่!”

น้ำเสียงของไรน์ฮาร์ดชวนให้นึกถึงเสียงหวดโบยของแส้ที่ฟาดผ่านอากาศอย่างน่าสะพรึงกลัว บรรดานายทหารหาญที่ยามอยู่ต่อหน้ากองทหารข้าศึกจำนวนมหาศาลยังไม่แม้แต่จะย่นคิ้วสักเพียงน้อย ถึงกับต้องลอบย่นคอกันโดยถ้วนหน้า

“เจ้าคงรู้ตัวดีกระมัง- เจ้านั้น ด้วยความมุ่งหมายจะสร้างผลงานจนเกินเหตุ ถึงกับรุกคืบหน้าอย่างบ้าบิ่นในจังหวะที่ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง หากการณ์พลิกผันไปจากนี้อีกเล็กน้อยเท่านั้นไซร้ ทัพของเราอาจจะสูญเสียสมดุลในแนวรบ ถึงกับพ่ายแพ้ได้ก่อนที่กองทัพแยกของเราจะเดินทางมาสมทบได้ทัน อีกทั้งเจ้ายังทำให้กองเรือรบอันมีค่าขององค์จักรพรรดิต้องมาสูญเสียไปโดยใช่เหตุอีกเป็นจำนวนมาก... ที่ข้าพเจ้ากล่าวมาทั้งหมดนี้ เจ้ามีอะไรจะแย้งหรือไม่?!!!”

“ข้าฯน้อยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้นขอรับ”

น้ำเสียงตอบนั้นแผ่วต่ำ ไร้ชีวิตชีวา ไรน์ฮาร์ดถอนหายใจคราหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ในกองทัพนั้นย่อมอยู่ได้ด้วยระบบทำดีให้รางวัล ทำผิดต้องรับโทษ เพราะฉะนั้น เจ้าจักต้องถูกพิจารณาโทษทันทีที่เดินทางกลับไปถึงโอดีนแล้ว ในระหว่างนี้ ให้กองเรือของเจ้าโอนไปสังกัดใต้ผู้การเคียร์ชไอซ์ และจำกัดบริเวณเจ้า ให้อยู่กับห้องส่วนตัวเท่านั้น!”

รุนแรงเกินไปแล้ว! ดูเหมือนบรรดาผู้การ ณ ที่นั้นจะพากันรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่เมฆหมอกแห่งความตกตะลึงจะทันเริ่มก่อตัวขึ้น ไรน์ฮาร์ดก็ตัดบทเสียก่อนด้วยคำว่า “แยกย้ายได้” แล้วหันตัวกลับ สาวเท้ายาว ๆ ตรงออกไปยังห้องส่วนตัวของตนทันที

บรรดาเพื่อนร่วมทัพเริ่มเข้าไปห้อมล้อมตัวบิทเทนเฟลต์ผู้เคราะห์ร้ายแล้วเอ่ยคำปลอบใจ เคียร์ชไอซ์ชำเลืองมองพวกเขาแวบหนึ่งแล้วรีบสาวเท้าตามไรน์ฮาร์ดไปทันที ขณะที่โอแบร์สไตน์ยืนนิ่ง หรี่สายตามองตามร่างสูงโปร่งของหนุ่มผมแดงไปติด ๆ เช่นกัน

“เป็นบุรุษผู้มีความสามารถสูงก็จริง...”

หัวหน้าที่ปรึกษาผมขาวคิดในใจ

“แต่ถ้ามัวคิดว่า ตนมีอภิสิทธิ์พิเศษอันเนื่องจากสนิทกับเคานท์ฟอนโรเอนกรัมมาก่อนเช่นนี้ละก็ เห็นทีจะใช้ไม่ได้แหละนะ ผู้อยู่เหนือผู้อื่นนั้น ควรจะไม่มีเรื่องส่วนตัวมาก้าวก่ายในหน้าที่การงานจึงจักถูกต้อง!”

-----------------------

ระหว่างเส้นทางเดินที่ทอดไปสู่ห้องพักส่วนตัวของแม่ทัพใหญ่ เคียร์ชไอซ์เดินมาทันไรน์ฮาร์ดแล้วก็ส่งเสียงเรียกรั้งอีกฝ่ายขึ้น

“ใต้เท้า ได้โปรดพิจารณาใหม่ด้วยขอรับ!”

ไรน์ฮาร์ดหมุนตัวกลับมาอย่างหุนหันทันที ภายในดวงตาสีไอซ์บลูของเขา บัดนี้มีกองเพลิงลุกโหมกระหน่ำอยู่อย่างเห็นได้ชัด อารมณ์โกรธที่เขาพยายามสะกดไว้ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น บัดนี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

“ห้ามทำไม! บิทเทนเฟลต์ปฏิบัติหน้าที่ของตนบกพร่องอย่างเห็น ๆ ชัดเจนออกอย่างนี้ โดนลงโทษก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ใต้เท้ากำลังโมโหอยู่หรือขอรับ?”

“โมโหแล้วผิดเหรอ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ สิ่งที่กระผมอยากถามคือ ใต้เท้ากำลังโมโหอะไรอยู่ขอรับ?”

ไรน์ฮาร์ดจ้องหน้าสหายผมแดงของตนทันทีด้วยยังตามไม่ทันว่า อีกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายใดในการถามเช่นนี้ ขณะที่เคียร์ชไอซ์จ้องตอบมาอย่างไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น

“ใต้เท้า...”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกใต้เท้า... เอ้า ว่ามาเคียร์ชไอซ์นายอยากพูดอะไรก็ว่ามา!”

“ได้ขอรับ คุณไรน์ฮาร์ด ที่กระผมอยากถามคุณก็คือว่า คุณไรน์ฮาร์ดกำลังโกรธในความผิดพลาดของบิทเทนเฟลต์อย่างนั้นหรือขอรับ?”

“เห็น ๆ อยู่แล้วยังมาถามอีก”

“แต่กระผมไม่คิดอย่างนั้นนะขอรับ ที่จริงแล้ว คุณไรน์ฮาร์ดกำลังโกรธตัวเองต่างหาก โกรธที่ตัวเองถูกผู้การหยางลูบคมเอาอีกแล้วนั่นเอง ส่วนบิทเทนเฟลต์นั้น เพียงแต่ถูกตีวัวกระทบคราดเท่านั้น จริงหรือไม่ขอรับ”

ไรน์ฮาร์ดทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรแต่แล้วกลับหุบปากนิ่ง เขากำหมัดแน่นจนมือสั่นระริกน้อย ๆ เคียร์ชไอซ์ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักเต็มไปด้วยความอ่อนโยนดุจกำลังพูดกับเด็ก ๆ ว่า

“โดนผู้การหยางทำเข้าแค่นี้ ต้องเจ็บใจมากนักหรือขอรับ”

“เจ็บใจสิ แหงอยู่แล้ว!”

ไรน์ฮาร์ดตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นตะคอก พลางทุบกำปั้นเข้าหากันเสียงดัง

“คราวที่แอสทาเทนั่นยังพอทน แต่เจอเข้าสองทีติดกันนี่ มันเกินไปล่ะ! ทำไม เจ้าหมอนั่นถึงต้องมาปรากฏตัวในจังหวะที่ฉันกำลังจะชนะศึกอย่างเด็ดขาดแล้วก็คอยขัดขวางฉันอยู่เรื่อยด้วยเล่า!”

“ผู้การหยางเอง ก็คงมีความไม่พอใจของตัวเองเหมือนกันขอรับ เขาคงน้อยใจในโชคชะตาของเขาเหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงไม่สามารถต่อกรกับคุณไรน์ฮาร์ดตั้งแต่ต้นกระดานได้ในเงื่อนไขที่เขาจะสู้ได้อย่างเต็มที่...”

“...”

“คุณไรน์ฮาร์ดขอรับ หนทางสู่ความสำเร็จนั้นหาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่ โปรดตระหนักให้จงหนักด้วยขอรับ การที่จะมีอุปสรรคขัดขวางระหว่างที่กำลังมุ่งไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือขอรับ และอุปสรรคนั้น ก็หาได้มีแต่ผู้การหยางเพียงคนเดียวไม่ คุณไรน์ฮาร์ดกำลังจะคิดว่าตัวเองสามารถกำจัดอุปสรรคเหล่านั้นได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือขอรับ?”

“...”

“ถ้าเพียงเพราะลูกน้องพลาดไปครั้งหนึ่ง ถึงกับลืมความดีความชอบอื่น ๆ ของเขาเสียหมดแล้วไซร้ คุณไรน์ฮาร์ดจะครองใจคนได้อย่างไรเล่าขอรับ? คุณไรน์ฮาร์ดตอนนี้มีศัตรูที่ร้ายกาจขนาบอยู่ทั้งสองด้านแล้วนะขอรับ เบื้องหน้าคือผู้การหยาง ส่วนเบื้องหลังนั้นเล่า พวกขุนนางชั้นสูงก็จ้องจะลอบแทงคุณไรน์ฮาร์ดอยู่ทุกขณะ แล้วยังจะมาสร้างศัตรูถึงในหมู่ลูกน้องของตนเองอีกหรือขอรับ?”

ไรน์ฮาร์ดอึ้งไปพักใหญ่ แล้วในที่สุดก็ถอนหายใจยาว พลางผ่อนคลายท่าทีของตนลง

“เข้าใจแล้ว ฉันผิดเอง... ตกลงว่าจะไม่เอาผิดบิทเทนเฟลต์ล่ะ”

เคียร์ชไอซ์ก้มศีรษะขอบคุณ เขาไม่ได้รู้สึกดีใจกับเรื่องของบิทเทนเฟลต์อย่างเดียว หากแต่ยังดีใจเป็นที่สุดด้วย เมื่อตระหนักว่า ไรน์ฮาร์ดยังคงใจกว้างพอที่จะรับฟังคำทักท้วงของเขาได้อยู่นั่นเอง

“นายช่วยไปบอกยกเลิกคำสั่งลงโทษทีได้ไหม?”

“ไม่ได้ขอรับ”

เคียร์ชไอซ์ปฏิเสธทันที ไรน์ฮาร์ดคิดนิดหนึ่งแล้วก็ตระหนักได้ในทันใด เขาพยักหน้าน้อย ๆ คราหนึ่งก่อนรำพึงว่า

“จริงสินะ ถ้าฉันไม่ไปบอกด้วยตัวเองละก็ ทั้งหมดนี่ก็ไม่มีความหมายใด ๆ สิ”

หากให้เคียร์ชไอซ์ไปบอกว่าไรน์ฮาร์ดยกโทษให้แล้ว บิทเทนเฟลต์ซึ่งเพิ่งโดนตำหนิกล่าวโทษต่อหน้าคนอื่นอย่างหนักมา รังแต่จะนึกขอบคุณเคียร์ชไอซ์ แต่กลับยังคงคิดแค้นไรน์ฮาร์ดอยู่ต่อไป สุดท้าย ที่เคียร์ชไอซ์มาขอยกโทษให้นั้น ก็จะกลับไร้ความหมายไป จิตใจมนุษย์มันซับซ้อนเยี่ยงนี้เอง และนี่คือเหตุผลที่หนุ่มผมแดงปฏิเสธ

ไรน์ฮาร์ดหันกายจะเดินกลับไปทางเดิม แต่แล้วก็กลับหันมาประจันหน้ากับสหายรักอีกครั้ง

“เคียร์ชไอซ์”

“ขอรับ คุณไรน์ฮาร์ด”

“... นายคิดว่า ฉันจะรวบห้วงอวกาศไว้ในกำมือฉันได้สำเร็จรึเปล่า?”

ซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์จ้องมองไปในดวงตาสีไอซ์บลูของสหายรักตรง ๆ แล้วตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

“หากแม้แต่คุณไรน์ฮาร์ดยังทำไม่สำเร็จละก็ คงไม่มีใครทำได้อีกแล้วขอรับ”

---------------

ทางด้านกองทัพสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีก็กำลังอยู่ในระหว่างยกขบวนกลับไปยังอิเซลโลนอย่างเงื่องหงอย

จำนวนผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญประมาณ 20 ล้านคน ตัวเลขซึ่งคอมพิวเตอร์ประเมินออกมาให้นี้ ทำเอาผู้ที่รอดชีวิตทุกคนต้องหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ

มีเพียงกองยานรบที่ 13 เท่านั้น ที่แม้จะอยู่ในสมรภูมิอันดุเดือดตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็ยังสามารถรักษาชีวิตไพร่พลไว้ได้เกินกว่าครึ่ง

กล่าวคือ พ่อมดหยาง (หยาง เดอะ เมจิกเชียน) สร้างปาฏิหารย์ขึ้นสำเร็จได้อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง สายตาที่บรรดาลูกน้องในสังกัดมองไปที่ผู้การผมดำของตนนั้น ล้วนฉายแววแห่งความศรัทธา-ความเทิดทูนบูชาอย่างเต็มเปี่ยมกันถ้วนหน้า

ส่วนเจ้าตัวเป้าหมายของการบูชานั้นเล่า บัดนี้อยู่ในห้องสะพานเรือของเรือธงฮิวเบริออนของตน เขานั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ ยกเท้าทั้งสองขึ้นพาดไว้บนโต๊ะบัญชาการอย่างเสียมารยาท แล้วเอามือทั้งสองประสานไว้บนท้องของตน ขณะที่ตาทั้งสองหลับพริ้มลง กลิ่นอายแห่งความเหนื่อยล้าแทบจะหมดแรงหายใจแผ่ออกมาจากร่างผู้การหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านคะ...”

หยางหรี่ตาขึ้นมองก็พบว่าผู้ช่วยของตน ร้อยโทกรีนฮิลล์ เฟรดเดอริกากำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าลังเล

หยางยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะหมวดเบเลต์ทหารสีดำของตน

“โทษที ขอเสียมารยาทต่อหน้าสุภาพสตรีหน่อยนะ”

“ตามสบายเถอะค่ะ ดิฉันเพียงแต่อยากจะถามว่า ต้องการกาแฟสักถ้วยไหมคะ?”

“อยากได้น้ำชามากกว่านา”

“ได้คะ”

“ถ้าเป็นไปได้ ช่วยผสมบรั่นดีมาเยอะ ๆ ด้วย”

“ค่ะ”

ขณะที่เฟรดเดอริกากำลังจะเดินจากไปนั้นเอง จู่ ๆ หยางก็เรียกให้หยุด

“คุณร้อยโท... ผมน่ะเคยศึกษาประวัติศาสตร์มาพอควรนะ ทำให้มีโอกาสรับรู้ว่า ในสังคมมนุษย์นั้นมีกระแสความคิดอยู่สองกระแสที่ไม่เคยเหือดแห้งไป นั่นคือ กระแสที่ว่า มีบางสิ่งที่สูงค่ากว่าชีวิตคน กับอีกกระแสนึงว่า ไม่มีอะไรที่มีค่าสูงส่งกว่าชีวิตคนอีกแล้ว เวลาที่คนเราอยากจะเริ่มทำสงครามก็จะอ้างกระแสความคิดแรก แต่พออยากจะหยุดทำสงคราม ก็จะอ้างกระแสความคิดที่สอง เป็นอย่างนี้มา หลายร้อย หลายพันปีแล้ว”

“...”

“และอีกหลายพันปีต่อจากนี้ ก็คงจะเป็นไปอีกเรื่อย ๆ กระมัง”

“... ท่านคะ”

“เฮ้อ เรื่องของมวลมนุษยชาติโดยรวมนะช่างมันเถอะ ว่าแต่ผมเนี่ย จะทำอะไรให้มันคุ้มกับเลือดที่ต้องหลั่งออกมาในสงครามแต่ละครั้งได้ไหมน้อ?”

เฟรดเดอริกาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น หยางสังเกตเห็นท่าทีของอีกฝ่าย แล้วจึงกลับเป็นฝ่ายลำบากใจเสียเอง

“อะ... โทษที ผมพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้เนี่ย ลืมมันไปเสียเถอะนะครับ”

“... ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวดิฉันจะยกน้ำชามาให้นะคะ เติมบรั่นดีนิดหน่อยนะคะ?”

“เติมเยอะ ๆ”

“ค่ะ ๆ เติมเยอะ ๆ”

หยางอดคิดในใจไม่ได้ว่า ที่เธอยอมให้เขาดื่มบรั่นดีนี่ เป็นรางวัลรึเปล่าหนอ? แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้มองตามด้านหลังของหญิงสาวไปจนตลอด เพราะเปลือกตาของเขาปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พลางก็พูดพึมพำกับตัวเองว่า

“... เคานท์ออฟโรเอนกรัมอยากจะเป็นลูดอร์ฟที่สองรึเปล่าหนอ?...”

แน่นอน ไม่มีใครตอบคำถามนี้

ตอนที่เฟรดเดอริกายกถาดใส่ถ้วยน้ำชามาถึง หยางก็หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้วในท่านั้นเอง โดยหมวกเบเลต์เลื่อนต่ำลงมาปิดอยู่บนใบหน้า

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1