... จากชื่อของระบบดาวซึ่งเป็นสมรภูมิในขั้นสุดท้าย ทำให้ผู้คนขนานนามศึกบุกแดนจักรวรรดิของทัพสมาพันธ์ในครั้งนี้ว่า ยุทธภูมิอัมริทเซอร์ และสงครามครั้งนี้ก็จบลงด้วยการแตกพ่ายอย่างยับเยินของกองทัพสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี พวกเขาต้องละทิ้งระบบดาวฤกษ์ในดินแดนไกลโพ้นของจักรวรรดิที่พวกเขายึดครองได้ในช่วงแรกทั้งหมด ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นไปตามแผนการถอนกำลังตามแนวยุทธศาสตร์อันเหนือชั้นของฝ่ายจักรวรรดินั่นเอง สุดท้ายทัพสมาพันธ์ก็ต้องพ่ายศึกอย่างยับเยิน และรวบรวมกำลังกลับไปยังป้อมปราการอิเซลโลนอย่างเต็มกลืน เหลือเพียงป้อมนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในการยึดครองของพวกตน จำนวนนายทหารและพลทหารที่ออกศึกครั้งนี้ทั้งหมดเกินกว่า 30 ล้านคนของทัพสมาพันธ์ เหลือที่เดินทางผ่านป้อมอิเซลโลนเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดเพียงเกือบ 10 ล้านคนเท่านั้น อัตราการสูญเสียไพร่พลสูงถึงเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ นับเป็นสภาพที่น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง และแน่นอนว่า การปราชัยครั้งใหญ่นี้ ย่อมส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม และ การทหารของสมาพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คลังหลวงของสมาพันธ์ลองคำนวณค่าใช้จ่ายที่ได้สูญเสียไปแล้วกับสงครามครั้งนี้ และค่าใช้จ่ายที่จะต้องสูญเสียต่อจากนี้ไป- อันได้แก่ เงินทำขวัญและเงินชดเชยรายปีที่จะต้องจ่ายให้กับบรรดาครอบครัวผู้เสียชีวิต- แล้วก็พากันหน้าซีดเผือดกันถ้วนหน้า จำนวนเงินที่ว่านั้น สูงยิ่งกว่าตอนศึกแอสทาเทอย่างเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว แน่นอนอีกเช่นกันว่า บรรดาญาติผู้เสียชีวิตรวมทั้งพวกต่อต้านสงครามได้พากันประนามสาบแช่งรัฐบาล, นักการเมืองและกองทัพซึ่งตัดสินใจทำสงครามอันบ้าบิ่นนี้อย่างสาดเสียเทเสีย ความโกรธแค้นของผู้ที่ต้องเสียบุตรชายหรือสามี- เพียงเพราะความคิดชั้นต่ำที่ต้องการเอาชนะการเลือกตั้งของนักการเมืองและความมักใหญ่ใฝ่สูงของนายทหารที่เป็นฮิสทีเรียบางคน- พุ่งเข้าใส่รัฐบาลและกองทัพอย่างไม่ปราณีปราศรัย แต่ถึงกระนั้น พวกใฝ่สงครามบางคนก็ยังโต้เถียงข้าง ๆ คู ๆ ว่า ถึงแม้ว่าเราต้องสูญเสียเงินและชีวิตคนในสงครามครั้งนี้มากก็จริง แต่ก็มีสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นที่เราต้องทำ พวกคุณอย่าเพ่อกลายเป็นคนเกลียดสงครามเพราะเรื่องแค่นี้เลย ซึ่งบรรดาผู้เสียหายก็ได้โต้กลับว่า เรื่องเงินน่ะช่างมันเถอะ แต่เรื่องชีวิตคนนี่ คุณจะบอกว่า มีสิ่งที่มีค่าสูงกว่าชีวิตคนถึงยี่สิบล้านคนกระนั้นหรือ? สิ่งนั้นคือ การรักษาตำแหน่งของนักการเมืองบ้า ๆ บางคน กับความมักใหญ่ใฝ่สูงของทหารบางคนอย่างนั้นหรือ? คุณยังกล้าพูดอีกรึ? ว่า เลือดของทหารทั้งยี่สิบล้านคน กับน้ำตาของญาติมิตรจำนวนมากกว่านั้นอีกหลายเท่าที่หลั่งไหลออกมาอยู่ในขณะนี้ ไม่มีความหมาย? เจอเข้าแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องเงียบเสียงไป เว้นแต่ใจของคนผู้นั้นจะต่ำทรามถึงขีดสุดแล้วเท่านั้น คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้แต่คิดอย่างโล่งใจว่า ที่ตนยังรอดชีวิตได้จนบัดนี้ก็นับว่าบุญเหลือหลายแล้ว รัฐบาลของสมาพันธ์- กล่าวคือ สมาชิกของคณะกรรมาธิการสูงสุดทุกคน- ได้ยื่นใบลาออกกันถ้วนหน้า เมื่อเสียงสนับสนุนของฝ่ายสนับสนุนสงครามอ่อนลงไป ฝ่ายต่อต้านสงครามก็เด่นขึ้นมาแทนที่ อดีตประธานกรรมาธิการสามคนที่ลงคะแนนโหวตไม่เห็นด้วยกับแผนออกรบถูกสรรเสริญยกย่องจากประชาชนกันใหญ่โต และตัวนายทริวนิชท์อดีตประธานกรรมาธิการกลาโหมก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าคณะรัฐบาลไปชั่วคราว จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งในปีหน้า นายทริวนิชต์แอบดื่มฉลองให้กับความปราดเปรื่องของตนเองเงียบ ๆ ภายในห้องหนังสือที่บ้านของเขา เขารู้ดีว่า คำว่า รักษาการ จะหลุดไปจากชื่อตำแหน่งของเขาในเวลาไม่นานเกินรอนั่นเอง ทางด้านกองทัพนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจอมพลซิทเลย์และผู้บัญชาการกองยานรบอวกาศจอมพลโรบอสได้ยื่นใบลาออกทั้งคู่ จนเกิดกระแสข่าวว่า โรบอสขัดขาให้คู่แข่งคือซิทเลย์ต้องล้มไปด้วยกัน จากความผิดพลาดของฝ่ายแรก ผู้บัญชาการกองยานรบสองคนซึ่งสู้อย่างห้าวหาญจนตายในสนามรบ ได้แก่ พลโทอุลัมฟ์และพลโทโบโรดีน ได้รับการเลื่อนขั้นย้อนหลังสองขั้นขึ้นเป็นจอมพลทั้งคู่ตามระเบียบ ทั้งนี้ ในฝ่ายสมาพันธ์นั้น ไม่มียศพลเอกพิเศษ ยศที่สูงกว่าพลเอกขึ้นไป ก็คือ ยศจอมพลเลยนั่นเอง พลเอกกรีนฮิลล์ถูกย้ายเข้ากรุ ไปดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ากรมกิจการภายในประจำกระทรวงกลาโหมแทน และถูกปลดออกจากภารกิจรบกับจักรวรรดิ พลตรีแคสเซิร์นก็ถูกย้ายเช่นกัน รายนี้ถูกเตะโด่งไปเป็นผู้อำนวยการกองยุทธปัจจัยภายในประเทศกองที่ 14 อันอยู่ห่างจากเมืองหลวงไฮเนสเซนไปไกลโข ทั้งนี้ก็เพราะ ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการส่งกำลังบำรุงในยุทธภูมิอัมริทเซอร์นั่นเอง แคสเซิร์นทิ้งครอบครัวไว้ในดาวเมืองหลวงแล้วตัวเองก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปอีก 500 ปีแสงเพื่อตรงไปยังพื้นที่รับภารกิจแห่งใหม่ของเขาอันอยู่ที่แถบดาวไกลโพ้น ส่วนภรรยาของเขาก็พาลูกสาวเล็ก ๆ ทั้งสองคนไปพักอาศัยอยู่กับบิดามารดาที่บ้านเดิมของตน พลจัตวาโฟ้กหลังจากเข้ารับการรักษาตัวแล้ว ก็ถูกคำสั่งปลดเป็นกำลังสำรองแทน และดูเหมือนว่าเขาจะถูกปิดกั้นความมักใหญ่ใฝ่สูงไว้เพียงเท่านี้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้เกิดตำแหน่งว่างขึ้นมากมายในคณะผู้บริหารสูงสุดของกองทัพสมาพันธ์ และต้องหาบุคลากรมาอุดช่องว่างเหล่านั้น ผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และได้รับการเลื่อนยศจากพลโทขึ้นมาเป็นพลเอก ได้แก่ พลโทชวูซลีย์ ซึ่งเดิมเป็นผู้บัญชาการกองยานรบที่ 1 เขาไม่ได้เข้าร่วมทั้งศึกแอสทาเทและยุทธภูมิอัมริทเซอร์ จึงไม่มีประวัติเป็นผู้แพ้ศึกในสองศึกนี้มาก่อน ภารกิจหลักของกองยานรบที่ 1 อันสร้างผลงานให้กับชวูซลีย์ได้แก่ การรักษาความสงบและปลอดภัยรอบดาวเมืองหลวง, การปราบโจรสลัดที่ปราบไม่รู้จักจบสิ้นเสียที และการคุ้มครองเส้นทางการเดินอวกาศภายในประเทศ ที่จริง ชายผู้นี้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรด้วยผลการเรียนดีเยี่ยม และเคยได้รับการคาดหมายว่าจะต้องไต่เต้าขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพเข้าสักวัน แต่เจ้าตัวเองก็คิดไม่ถึงว่า โอกาสนั้นจะมาถึงตนรวดเร็วปานนี้ ผู้ที่เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองยานรบที่ 1 แทนชวูซลีย์ ได้แก่ พลโทปาเอตต้าซึ่งรักษาตัวจากการบาดเจ็บที่ได้รับมาเมื่อครั้งศึกแอสทาเทจนหายดีแล้วนั่นเอง ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองยานรบอวกาศได้แก่ บิวค็อก ซึ่งแน่นอน-ในการนี้- ย่อมได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็นพลเอกด้วยเช่นกัน และเกี่ยวกับการแต่งตั้งครั้งนี้ได้รับเสียงชื่นชมทั้งจากภายในและนอกกองทัพ ด้วยเพราะเป็นการสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นายทหารที่ห้าวหาญสามารถย่อมสมควรต่อตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แนวหน้าเช่นนี้นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า บิวค็อกเองนั้นไม่ได้เป็นนายทหารสัญญาบัตรแต่ต้น เขาไต่เต้าจากพลทหารจนขึ้นมาเป็นระดับนายทหารได้ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์เช่นนี้แล้วละก็ ย่อมไม่มีทางที่นายทหารที่ไม่ได้ผ่านวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรจะได้มาชูคอนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการกองยานรบอวกาศหรอก เรียกได้ว่า นี่เป็นผลดีอันเกิดจากการพ่ายแพ้อย่างยับเยินในครั้งนี้จริงๆ โชคชะตาของคนเรา บางครั้งก็เล่นตลกเช่นนี้เอง แต่การพิจารณาความดีความชอบของหยางกลับไม่ได้รับการตัดสินในทันที เขาพาไพร่พลกองยานรบที่ 13 ของเขารอดชีวิตกลับมาถึงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์อันเป็นตัวเลขอัตราการรอดชีวิตที่สูงที่สุดในสงครามคราวนี้ อีกทั้งยังไม่มีใครสามารถตำหนิได้ด้วยว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขาเอาแต่แอบซ่อนอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ทุกคนรับทราบทั่วกันว่า กองยานรบที่ 13 ต้องรบอย่างดุเดือดตลอดเวลา อีกทั้งตอนท้ายพวกเขายังคงรั้งอยู่ในสมรภูมิจนวินาทีสุดท้ายเพื่อคุ้มครองเพื่อนร่วมทัพอื่น ๆ ได้หนีออกไปก่อน ชวูซลีย์แสดงความต้องการอยากให้หยางมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเสนาธิการสูงสุดประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด ในขณะที่บิวค็อกก็ประกาศว่าได้จัดเตรียมเก้าอี้หัวหน้าเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองยานรบอวกาศของตนไว้ให้แล้ว อีกทางหนึ่ง สำหรับบรรดาพลทหารในสังกัดกองยานรบที่ 13 แล้วนั้น ถึงบัดนี้พวกเขาไม่ต้องการจะได้เจ้านายคนอื่นนอกเหนือจากหยางอีกแล้ว อย่างที่เชนค็อปเคยวิจารณ์ไว้อย่างแสบร้อนว่า ทหารทั้งหลายนั้นล้วนต้องการแม่ทัพที่มีทั้ง ดวง และความสามารถอยู่ในคนเดียวกันเพราะนี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตกลับจากสนามรบนั่นเอง ระหว่างที่ผลพิจารณายังไม่ออกมา หยางก็ได้ยื่นคำร้องขอลาพักยาว แล้วเดินทางไปพักผ่อนที่ดาวเคราะห์มิตรา ทั้งนี้ ขืนเขายังอยู่ที่บ้านพักนายทหารของตนอีกต่อไป มีหวังไม่เป็นอันหลับอันนอนแน่ เนื่องจากทั้งประชาชนทั่วไปและบรรดานักข่าวต่างก็พากันบุกมาหาถึงบ้านด้วยความหวังอยากจะพบหน้าวีรบุรุษผู้ไม่เคยพ่ายสงครามผู้นี้สักหน่อย อีกทั้งวิสิโฟน (โทรศัพท์ภาพ) ก็ยังดังลั่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เครื่องรับเมล์ของเขา พิมพ์จดหมายที่เขียนมาถึงออกมาทุก ๆ วินาทีเลยทีเดียว ในบรรดาจดหมายเหล่านั้น จดหมายจากสำนักงานใหญ่กองอัศวินรักชาติที่ขึ้นหัวจดหมายด้วยคำว่า แด่ท่านนายทหารผู้รักชาติยิ่ง ทำเอาหยางหัวเราะขำกลิ้งด้วยความเอือมระอา แต่แล้ว จดหมายอีกฉบับหนึ่งซึ่งส่งมาจากมารดาของทหารผู้เสียชีวิตในสงครามนี้และเป็นทหารในกองยานรบของหยางก็ทำให้หยางซึมเศร้าไปถนัดใจ ด้วยเนื้อความว่า คุณมันก็แค่ผู้ร้ายฆ่าคนตายเหมือนกันนะแหละ ไม่ได้ดีต่างจากคนอื่นเขาหรอก ซึ่งที่จริง มันก็เป็นความจริงอันปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะชื่อเสียงก็ดี ผลงานก็ดี หากเป็นของนายทหารระดับแม่ทัพแล้ว ล้วนแต่ต้องสร้างมาบนชีวิตเลือดเนื้อของผู้อื่น- รวมทั้งของลูกน้องตนเอง- ทั้งสิ้น... สุดท้าย จูเลียนก็ต้องเสนอว่าให้ลาไปพักร้อนที่อื่น ทั้งนี้ เด็กชายคงทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นหยางนั่งกลุ้มแล้วก็กินเหล้าหนักขึ้น ๆ ทุกวันนั่นเอง ถึงแม้ว่าหยางไม่ใช่คนประเภทที่เมาแล้วอาละวาดหรือเอะอะโวยวายก็ตาม แต่เหล้าที่กินด้วยความกลุ้มใจย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพแต่อย่างไร (เหล้าที่กินด้วยความสุข ก็ใช่ว่าจะเกิดผลดีหรอก) หยางเองเมื่อได้ยินข้อเสนอของจูเลียนก็รับคำแต่โดยดี ท่าทางคงจะรู้ตัวเหมือนกันว่าทำให้เด็กน้อยต้องลำบากใจไปด้วย เขาใช้ชีวิตสบาย ๆ เป็นเวลาสามสัปดาห์ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว และไล่แอลกอฮอล์ออกจากเลือดของตนจนหมด เมื่อกลับถึงเมืองหลวง คำสั่งแต่งตั้งก็มารอเขาอยู่แล้ว ผู้บัญชาการป้อมปราการอิเซลโลน ควบ ผู้บัญชาการกองยานรบประจำป้อมปิเซลโลน ควบ สมาชิกกิตติมศักดิ์ของคณะเสนาธิการสูงสุดทัพสมาพันธ์ นั่นคือ ตำแหน่งใหม่ของหยางนั่นเอง อีกทั้งยศของเขาก็ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพลเอกด้วย ถึงแม้ว่าพลเอกที่อายุอยู่ในหลักยี่สิบนั้นจะเคยมีให้เห็นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่การเลื่อนยศในระดับนายพลถึงสามขั้นในปีเดียวนี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ สำหรับกองยานรบประจำป้อมอิเซลโลนนั้นมาจากการรวมกองยานรบที่ 10 และที่ 13 เดิมเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังยอมรับให้เรียกชื่อกองยานรบนี้ว่า กองยานรบหยาง ได้อย่างเป็นทางการ เรียกได้ว่า กองทัพได้แสดงความจริงใจในการตอบแทนแก่วีรบุรุษหนุ่มแห่งชาติผู้นี้อย่างสูงสุดทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์ของหยางโดยสิ้นเชิง เพราะถึงอย่างไร เขาก็อยากลาออกมากกว่าเลื่อนตำแหน่ง และอยากได้ความสงบสุขของชีวิตพลเรือนธรรมดา ๆ คนหนึ่งมากกว่าชื่อเสียงในฐานะยอดนายทหาร แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หยางก็ต้องเดินทางไปรับตำแหน่งที่ป้อมปราการอิเซลโลนนี้ อีกทั้งรับผิดชอบอย่างเต็มพิกัดในการป้องกันประเทศในแนวหน้าสุดด้วย แน่นอนว่า ชีวิตที่ไฮเนสเซนของเขาได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ แต่ปัญหาคือ จะทำอย่างไรกับเด็กชายจูเลียนต่อไป นี่จึงเป็นสิ่งที่หยางต้องคิดหนัก เขาเคยคิดจะฝากจูเลียนไว้ที่บ้านเดิมของภรรยาของแคสเซิร์น แต่เด็กน้อยดูเหมือนว่าจะไม่มีความคิดที่จะห่างจากข้างกายหยางเลยแม้แต่น้อย หยางเฝ้ามองเด็กชายที่จัดเก็บข้าวของและตระเตรียมตัวที่จะเดินทางไปด้วยกันกับเขาตั้งแต่แรก แล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมพาเด็กชายไปด้วยแม้จะยังลังเลอยู่บ้างก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ไหน ๆ ก็จะต้องมีพลทหารรับใช้ตามฐานะของเขาแล้ว ก็สู้ให้จูเลียนทำหน้าที่นั้นจะดีกว่า สะดวกใจกว่าด้วย ทั้งที่หยางคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่อยากให้จูเลียนเจริญรอยตามตนแต่ท้ายที่สุด เขาก็ตัดใจผลักไสเด็กน้อยออกไปจากชีวิตของตนไม่ได้อยู่ดี และด้วยการนี้ จูเลียนจึงได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากกองทัพให้เป็นว่าที่สิบตรี อีกทั้งยังได้รับเงินเดือนตามตำแหน่งยศอีกด้วย แน่นอน ผู้ที่จะติดตามหยางไป ไม่ได้มีเพียงจูเลียนเพียงคนเดียว ตำแหน่งนายทหารผู้ช่วยได้แก่ เฟรดเดอริกา กรีนฮิลล์ รองผู้บัญชาการกองยานรบประจำป้อม ได้แก่ ฟิชเชอร์ และ ผู้บังคับการป้องกันป้อมได้แก่ เชนค็อป คณะเสนาธิการ ได้แก่ มุระอิ, พาทริเชฟ และเหลาซึ่งเคยทำหน้าที่ผู้ช่วยของหยางมาแล้วเมื่อคราวศึกแอสทาเท อีกทั้งยังได้ปอปแลนมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยฝูงบินประจัญบานประจำป้อมฝูงที่หนึ่งอีกด้วย รวมทั้งยังมีนายทหารเสนาธิการที่มาจากกองยานรบที่ 10 เดิมอีกหลายคน เรียกได้ว่า กำลังพลของกองยานรบหยางนั้นเริ่มเข้ารูปเข้ารอยขึ้นมาทุกที และสุดท้าย หากได้แคสเซิร์นมาช่วยรับผิดชอบงานด้านธุรการละก็ จะวิเศษไปเลย หยางคิดเช่นนั้นในใจแล้วก็ตั้งใจว่า จะรีบทำเรื่องขอตัวแคสเซิร์นโอนมาอยู่กับเขาให้เร็วที่สุด และเรื่องที่หยางเป็นห่วงมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ได้แก่ ความเคลื่อนไหวของฝ่ายจักรวรรดิทางช้างเผือกนั่นเอง บรรดานายทหารระดับผู้การที่เป็นพวกขุนนางชั้นสูงทั้งหลายนั้น คงจะพากันอิจฉาตาร้อนกับความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงในการขับไล่ทัพสมาพันธ์ออกไปจากแดนจักรวรรดิในครั้งนี้ของท่านเคานท์ไรน์ฮาร์ด ฟอนโรเอนกรัมผู้นั้น แล้วพากันยกพลมาบุกสมาพันธ์ในจังหวะที่ทางฝ่ายนี้ก็กำลังอ่อนแออยู่เป็นแน่ ... หากแต่... สุดท้ายแล้ว ความวิตกของหยางก็ไม่เป็นความจริง เพราะในทางจักรวรรดิเองก็ได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่หลวงขึ้นจนไม่สามารถยื่นมือมายุ่งกับเรื่องนอกประเทศของตนเองได้ไปอีกระยะหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าว คือ การเสด็จสวรรคตอย่างกระทันหันขององค์จักรพรรดิฟรีดลิชที่ 4! |