นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 10 บทนำบทใหม่แห่งประวัติศาสตร์
-2-


เมื่อไรน์ฮาร์ดซึ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่จากยุทธภูมิอัมริทเซอร์ เดินทางกลับมาถึงดาวเมืองหลวงโอดีน สิ่งที่รอเขาอยู่ คือ บรรดาธงไว้ทุกข์ที่ปักไว้หนาแน่นปกคลุมผิวดาวดวงนี้

จักรพรรดิเสด็จสวรรคตแล้ว!

สาเหตุแห่งการสวรรคตถูกประกาศว่าเป็นพระอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ช่างเป็นการสวรรคตที่ปัจจุบันทันด่วน ประดุจจะฟ้องถึงความเสื่อมถอยอย่างถึงที่สุดของสายเลือดราชวงศ์โกลเดนบาวม์ที่มีอยู่ในตัวของจักรพรรดิผู้มีร่างกายทรุดโทรมผู้นี้นั่นเอง

“จักรพรรดิสวรรรคตแล้วหรือ?”

ไรน์ฮาร์ดถึงกับยืนตาค้าง เหม่อมองบรรดานายทหารใต้สังกัดตนอย่างไร้ความหมาย พึมพำกับตนเองในใจว่า

“หัวใจล้มเหลวหรือ... แก่ตายตามธรรมชาติสินะ... ช่างไม่สมควรกับไอ้คนคนนั้นเลย”

เขาคิดต่อไปว่า หากมันยังมีชีวิตอยู่อีกสักห้าปี- ไม่สิ อีกสักสองปีก็พอ- เขาจะยัดเยียดความตายที่สาสมแก่ความผิดของมันให้ด้วยน้ำมือของเขาเองแท้ ๆ

เมื่อเขาหันสายตาไปยังเคียร์ชไอซ์ ก็พบกับดวงตาคู่นั้นที่ทอประกายความรู้สึกเช่นเดียวกับเขา แม้ว่าจะไม่แฝงความโกรธแค้นที่รุนแรงเท่าเขาก็ตาม แต่ก็แสดงอารมณ์ที่ลึกซึ้งกว่า ผู้ชายที่บังอาจแย่งชิงพี่สาวอันเนโรเซที่สวยงามและใจดีของทั้งคู่ไป ได้ชิงตายหนีไปแล้ว! ในห้วงภวังค์ของทั้งสอง รู้สึกเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีตกำลังฉายแสงแปลบปลาบอยู่รอบ ๆ ตัว...

“ใต้เท้าขอรับ!”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นเกินขนาดได้ดึงให้ไรน์ฮาร์ดกลับมายืนบนชายฝั่งแห่งโลกของความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าไม่มีใครอื่น นอกจากโอแบร์สไตน์นั่นเอง

“จักรพรรดิตายไปโดยไม่ได้ระบุผู้สืบทอดนะขอรับ”

คำพูดที่ไม่ใช้ราชาศัพท์นี้ ถึงกับทำเอาบรรดานายทหารในที่นั้นต้องกลั้นหายใจด้วยความตื่นตระหนก ยกเว้นแต่ไรน์ฮาร์ดกับเคียร์ชไอซ์ซึ่งรู้จักโอแบร์สไตน์ดีอยู่แล้ว

“พวกท่านตกใจอะไรกัน?”

ที่ปรึกษาผมหงอกผู้นี้ ส่งประกายแวววับในดวงตาเทียมของตน พลางกวาดตามองเพื่อนร่วมสังกัด

“ผู้ที่ข้าพเจ้าจงรักภักดีด้วย คือ ท่านจอมพลโรเอนกรัมแห่งจักรวรรดิทางช้างเผือกผู้เดียวเท่านั้น นอกนั้น ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็เถิด หาได้สมควรให้ข้าพเจ้าใช้ถ้อยคำยกย่องด้วยไม่”

เขาชี้แจงห้วน ๆ เช่นนั้น แล้วก็เบือนหน้ากลับไปทางไรน์ฮาร์ดอีกครั้งหนึ่ง

“ใต้เท้าขอรับ จักรพรรดิตายไปโดยไม่ได้ระบุผู้สืบทอดบัลลังค์เช่นนี้ ย่อมหมายความว่า จะต้องเกิดการแย่งอ้างอิงสิทธิในการสืบบัลลังค์กันในหมู่หลานสามคนที่เหลืออยู่ของเขาอย่างแน่นอนขอรับ และไม่ว่าผลการสืบครองบัลลังค์จะออกมาเป็นอย่างไร ความสงบก็คงเกิดเพียงชั่วขณะ แล้วในไม่ช้าก็เร็ว จะต้องเกิดสงครามหลั่งเลือดครั้งใหญ่แน่ขอรับ”

“... เจ้าพูดได้ถูกต้อง”

จอมพลหนุ่มแห่งทัพจักรวรรดิพยักหน้ารับด้วยสีหน้าครุ่นคิด โดยไม่ปิดบังแววตาเจ้าเล่ห์ของตนเอง

“และการจะเลือกเข้าสนับสนุนฝ่ายใดในสามฝ่ายที่ว่ามา ก็จะเป็นการตัดสินโชคชะตาของข้าพเจ้าด้วยเช่นกันสินะ... ว่าแต่ ผู้ที่จะยื่นมือมาขอความร่วมมือจากข้าพเจ้า น่าจะเป็นใครกันล่ะ ระหว่างผู้ชายสามคนที่อยู่เบื้องหลังหลานของจักรพรรดิทั้งสามคนนั้น”

“คงไม่พ้นมาร์ควิส ฟอน ลิชเทนลาเดขอรับ เพราะอีกสองฝ่ายนั้น ล้วนแต่มีกองกำลังทหารของตนเองอยู่แล้ว แต่ลิชเทนลาเดนั้นไม่มี ย่อมต้องการพึ่งพากำลังทหารของใต้เท้าเป็นแน่ขอรับ”

“อ้อ”

ไรน์ฮาร์ดยิ้มอย่างสะใจ เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างกับรอยยิ้มที่เขามีให้เคียร์ชไอซ์

“ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็จะโก่งราคาให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน!”

--------------------

... ทันทีที่จักรพรรดิเสด็จสวรรคต ฐานะของท่านเคานท์ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมย่อมต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย- นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปคาดคิดกัน

แต่ผลที่เกิดขึ้นจริงกลับตรงกันข้าม เพราะพระราชนัดดาเอลวิน โจเซฟ ผู้ซึ่งเพิ่งมีพระชนมายุได้เพียง 5 พรรษา ได้ถูกอัญเชิญขึ้นครองราชย์แทน โดยการจัดการของท่านมาร์ควิส ฟอน ลิชเทนลาเด

ซึ่งที่จริง พระราชนัดดาองค์นี้ เป็นสายเลือดทางตรงของจักรพรรดิองค์ก่อน การที่จะขึ้นสืบราชบัลลังค์ย่อมหาใช่เรื่องแปลกแต่ประการใดไม่ เพียงแต่ว่า เขายังมีอายุน้อยเกินไป อีกทั้งยังไม่มีขุนนางชั้นสูงที่มีอำนาจและกำลังทหารพร้อมในมือคนใดอยู่เบื้องหลังอีกด้วย เดิมจึงคาดการณ์กันว่า น่าจะไม่มีหวังในบัลลังค์มากนัก

ในกรณีแบบนี้ ถ้าไม่เป็นอลิซาเบธวัยสิบหก, บุตรีของดยุคฟอนเบราสไวก์ ก็ควรจะเป็นซาบิเนวัยสิบสี่, บุตรีของมาร์ควิส ฟอน ลิตเทนไฮม์ซึ่งจะได้ขึ้นครองราชย์ โดยอาศัยกำลังทหารและอิทธิพลของบิดาหนุนหลัง และแน่นอนว่า บิดาของจักรพรรดินีองค์ใหม่ก็คงจะเข้ารวบอำนาจการบริหารบ้านเมืองแทนบุตรีของตนที่ยังเยาว์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นดยุคฟอนเบราสไวก์ก็ดี มาร์ควิสฟอนลิตเทนไฮม์ก็ดี ล้วนมีทั้งความเชื่อมั่น อีกทั้งความใฝ่สูงที่จะดำเนินการให้เป็นเช่นนั้นด้วย เขาทั้งสองต่างก็ได้ดำเนินการทางการเมืองอย่างลับ ๆ ในวังหลวง เพื่อเสาะแสวงแนวร่วมอย่างขะมักขเม้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายในการหาพันธมิตรของเขาทั้งสอง ได้แก่บรรดาตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีบุตรหลานหนุ่มที่ยังโสดอยู่ โดยอาศัยคำพูดที่ว่า หากพวกท่านสนับสนุนให้บุตรีข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์แล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะพิจารณารับบุตรชายของท่านเป็นพระสวามีของจักรพรรดินีองค์ใหม่...

หากคำสัญญาปากเปล่าเป็นสิ่งที่จักต้องรักษาไว้อย่างแม่นมั่นแล้วไซร้ หลานสาวของจักรพรรดิทั้งสององค์ คงจะต้องมีสามีพร้อมกันถึงสิบกว่าคนอย่างแน่นอน อีกทั้งหากสตรีทั้งสองมีคนรักอยู่แล้ว ก็ย่อมต้องถูกบังคับฝืนใจให้แต่งงานกับคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย

แต่ มาร์ควิสฟอนลิชเทนลาเดซึ่งเป็นผู้กุมตราแผ่นดินอีกทั้งอำนาจตามขนบประเพณีที่จะอัญเชิญจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์นั้น กลับไม่มีความคิดแม้แต่น้อยที่จะยอมปล่อยให้บรรดาญาติวงนอก (ญาติทางสามีของพระราชธิดา-พระราชบุตรเขยนั่นเอง) ของจักรพรรดิเหล่านี้ มาเกาะกุมยึดอำนาจแล้วเอาจักรวรรดิทางช้างเผือกไปปู้ยี่ปู้ยำตามใจชอบ

เขาจงรักภักดีต่อราชวงศ์โกลเกนบาวม์เป็นอย่างสูง และที่ยิ่งกว่านั้นคือ เขายังคงรักในอำนาจและตำแหน่งของตนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนั่นเอง ดังนั้น จึงได้ข้อสรุปว่าตนเองจักต้องสนับสนุนให้หลานปู่ของจักรพรรดิฟรีดลิชที่สี่ผู้ล่วงลับได้ขึ้นครองราชย์สืบแทนให้ได้ แต่ในการนี้ เขาย่อมต้องเสริมกำลังของตนเองให้พอจะต่อรองกับฝ่ายที่คัดค้านเสียก่อน “หมาเฝ้าบ้าน” ยิ่งดุก็ยิ่งดี แต่ก็ต้องเชื่องต่อเจ้าของด้วย

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว มาร์ควิสลิชเทนลาเดก็นึกถึงบุคคลผู้หนึ่งขึ้นมา บุคคลผู้นี้ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่ว่านอนสอนง่าย หนำซ้ำยังออกจะอันตรายอีกด้วยก็ตาม แต่ในด้านของกำลังรบแล้ว นับได้ว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขุมกำลังขุมใดเลย...

ด้วยเหตุฉะนี้เอง เคานท์ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมจึงได้รับแต่งตั้งจากลิชเทนลาเดซึ่งได้เลื่อนฐานันดรของตนเป็นดยุคไปก่อนหน้านี้แล้ว ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือรบอวกาศแห่งทัพจักรวรรดิ อีกทั้งยังได้รับเลื่อนฐานันดรขึ้นเป็นมาร์ควิสฟอนโรเอนกรัมอีกด้วย

พลันที่การขึ้นครองราชย์ของเอลวิน โจเซฟถูกประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ บรรดาขุนนางฐานันดรชั้นสูง อันมีดยุคฟอนเบราสไวก์เป็นอาทิ ล้วนแต่พากันตกตะลึง... ผิดหวัง... และท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นไปตาม ๆ กัน

แต่ ขั้วอำนาจใหม่อันเกิดจากความร่วมมือเพื่อประสานผลประโยชน์ของ ‘ดยุค’ ฟอนลิชเทนลาเด และ ‘มาร์ควิส’ ฟอนโรเอนกรัมนี้ มีความมั่นคงและผูกพันแนบสนิทยิ่งกว่าที่ใครคาดคิดนัก ฝ่ายแรกนั้นต้องการกำลังทหารและคะแนนนิยมในระดับราษฎรชนชั้นล่างของฝ่ายหลัง ขณะที่ฝ่ายหลังก็ต้องการใช้อำนาจทางการเมืองและทางการปกครองของฝ่ายแรก อีกทั้งทั้งสองฝ่ายต่างก็จำเป็นต้องอาศัยบารมีของจักรพรรดิองค์ใหม่อย่างเต็มที่เพื่อสร้างฐานกำลังและความมั่นคงให้กับฐานะของตนเองอย่างสูงสุด

ในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิเอลวิน โจเซฟที่ 2 นั้น ตัวแทนของข้าราชบริพารสองคนก็ได้คุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิองค์น้อยซึ่งนั่งอยู่บนตักของแม่นม และกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณแก่จักรพรรดิองค์ใหม่ ตัวแทนสองคนนั้นได้แก่ ผู้แทนของข้าราชบริพารฝ่ายพลเรือน ดยุคฟอนลิชเทนลาเดซึ่งบัดนี้ได้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินด้วย ส่วนตัวแทนฝ่ายทหารได้แก่ ไรน์ฮาร์ดนั่นเอง บรรดาขุนนางฐานันดร, ข้าราชการ รวมทั้งนายทหารทั้งหลายที่เข้าร่วมพิธีจำต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า บัดนี้ทั้งสองคน คือ ศูนย์กลางอำนาจใหม่แห่งจักรวรรดิทางช้างเผือกอย่างแท้จริง... แม้จะไม่มีใครเต็มใจก็ตาม

บรรดาขุนนางฐานันดรที่ถูกกีดกันออกจากขั้วอำนาจใหม่นี้ พากันกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความเจ็บแค้น ดยุคฟอนเบราสไวก์และมาร์ควิสฟอนลิตเทนไฮม์ก็ได้หันมาจับมือกัน อันเนื่องจากความแค้นร่วมกันนี้เอง

อันลิชเทนลาเดนั้น ก็เป็นเพียงชายชราหวงอำนาจคนหนึ่ง ที่ควรจะลามือจากอำนาจบริหารราชการแผ่นดินได้แล้วทันทีที่จักรพรรดิฟรีดลิชที่ 4 สิ้นพระชนม์ลง ส่วนมาร์ควิสโรเอนกรัมนั้นเล่าเป็นใครมาจากไหนกัน? ถึงแม้นว่าเขาเป็นเจ้าของวีรกรรมทางการทหารมากมายนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่ก็แค่บุตรของขุนนางฐานันดรชั้นต่ำที่สักแต่มีฐานันดรแต่เพียงชื่อ หาได้มีศักดิ์ศรีและฐานะมั่งคั่งมาแต่ก่อนแต่อย่างใดไม่ หากมิใช่เพราะบารมีของพี่สาวซึ่งเป็นพระสนมคนโปรดของจักรพรรดิองค์ก่อนแล้วไซร้ ไหนเลยเด็กหนุ่มที่มีแต่ตัวเช่นมันจะสามารถไต่เต้าได้ดิบได้ดีถึงปานนี้เล่า? เราจะปล่อยให้บุคคลเหล่านี้กุมบังเหียนของจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์ไปเช่นนี้หรือ? บรรดาขุนนางฐานันดรทั้งหลายต่างพากันปลุกระดมเปลี่ยนความแค้นส่วนตัวเป็นความแค้นร่วมกันในฐานะ “ข้าแผ่นดินผู้ภักดีของจักรพรรดิ” และต่างมุ่งหวังที่จะโค่นล้มขั้วอำนาจใหม่นี้อย่างกระเหี้ยนกระหือ

แต่ภายใต้ศัตรูร่วมกันที่น่ากลัวและมีกำลังมหาศาลนี้เอง ที่ทำให้ขั้วอำนาจลิชเทนลาเด-โรเอนกรัมมีความแข็งแกร่งประดุจผาหินกำแพงเหล็ก ยากที่จะสั่นคลอนได้ง่ายๆ ตราบใดที่พวกเขายังต้องร่วมมือกันต่อไปอยู่ เพื่อผลประโยชน์และสวัสดิภาพของตนเอง

----------------------

ไรน์ฮาร์ดซึ่งบัดนี้เป็นมาร์ควิส ฟอน โรเอนกรัมแล้ว ได้เลื่อนยศของซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์รวดเดียวให้เป็นพลเอกพิเศษ อีกทั้งยังเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองผู้บัญชาการกองเรือรบอวกาศแห่งทัพจักรวรรดิอีกด้วย

การแต่งตั้งครั้งนี้ ทางดยุคฟอนลิชเทนลาเดเองก็เห็นดีและสนับสนุนเต็มที่ ดูเหมือนว่าชายชราผู้นี้ยังไม่ลืมความคิดที่จะเอาอกเอาใจไรน์ฮาร์ดผ่านทางเคียร์ชไอซ์นั่นเอง

แต่ก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วย นั่นคือ โอแบร์สไตน์ ตัวของเขาเองนั้น บัดนี้ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลโท อีกทั้งได้รับตำแหน่งใหม่เป็นหัวหน้าเสนาธิการแห่งกองบัญชาการเรือรบอวกาศ ควบตำแหน่งหัวหน้าธุรการของจวนจอมพลของไรน์ฮาร์ดอีกด้วย วันหนึ่ง เขาได้ขอพบไรน์ฮาร์ด แล้วอุทธรณ์ว่า

“ใต้เท้าจะมีเพื่อนสมัยเด็กนั้นก็เป็นเรื่องของท่าน หรือจะแต่งตั้งรองผู้บัญชาการที่เก่งกล้าสามารถนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่การที่บุคคลสองคนนี้เป็นคนคนเดียวกันนั้นไม่เป็นการสมควร อีกอย่าง ที่จริงแล้วตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองเรือรบนั้นก็หาเป็นตำแหน่งที่จำเป็นต้องมีไม่ ข้าฯน้อยอยากเสนอให้ท่านปฏิบัติต่อผู้การเคียร์ชไอซ์เฉกเช่นและเท่าเทียมกับผู้การคนอื่น ๆ ด้วยเถิดจักเป็นการดีกว่า มิใช่หรือใต้เท้า”

“เจ้าอย่ามาสอดเรื่องนี้ โอแบร์สไตน์ ข้าพเจ้าตัดสินใจสั่งออกไปแล้ว”

ผู้บัญชาการหนุ่มของกองเรือรบแห่งทัพจักรวรรดิ ปิดปากหัวหน้าเสนาธิการผู้ใช้ดวงตาเทียมด้วยคำพูดหงุดหงิดนี้เพียงประโยคเดียว เขาซื้อความสามารถในเชิงจารกรรมและการเมืองของบุคคลผู้นี้ก็จริง แต่ไม่ได้เปิดใจด้วยเหมือนดั่งเป็นสหายคนหนึ่ง ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่เขาจะไม่พอใจ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากเหมือนจะตำหนิเรื่องของผู้ที่เปรียบประหนึ่งร่างอีกร่างหนึ่งของเขา


หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิองค์ก่อนแล้ว ท่านผู้หญิงเคานท์เตสอันเนโรเซ ฟอน กรุนเนวัลต์ก็ได้ย้ายออกจากวังหลวง แล้วไปพำนักอยู่ ณ ตำหนักชวาร์เซนซึ่งไรน์ฮาร์ดได้จัดเตรียมไว้สำหรับเป็นที่พำนักของตัวเขาเองและพี่สาว ไรน์ฮาร์ดยืนยิ้มรับพี่สาวของตนด้วยสีหน้าแจ่มใสประดุจเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง พลางกล่าวว่า

“ต่อไปนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้พี่ต้องลำบากอีกแล้ว พี่พักอยู่ที่นี่ให้มีความสุขเถิดนะ”

เป็นคำพูดเรียบ ๆ ผิดวิสัยของไรน์ฮาร์ด หากแต่เนื้อความนั้นหนักแน่นเหลือเกิน

แต่ไรน์ฮาร์ดผู้นี้ ก็ยังมีอีกด้านหนึ่งของตน- ด้านที่ตนกำลังคิดการใหญ่- ซึ่งไม่อยากให้พี่สาวได้เห็นหรือรับรู้

ที่จริงแล้ว เขาคาดการณ์ได้อีกทั้งยังสืบทราบว่า ดยุคฟอนเบราสไวก์และมาร์ควิสฟอนลิตเทนไฮม์ได้แอบจับมือเป็นพันธมิตรกันเงียบ ๆ แล้ว และในใจจริง เขาก็รู้สึกยินดีที่เป็นเช่นนั้น

แน่จริงก็ลองอาละวาดออกมาสิ เขาจักได้ถือโอกาสกวาดล้างพวกเจ้าและบรรดาขุนนางฐานันดรทั้งหลายให้สิ้นซากในคราวเดียวเลย ในฐานะที่บังอาจเป็นกบฏต่อจักรพรรดิองค์ใหม่ หากจัดการโค่นล้มสองตระกูลนี้ซึ่งเกี่ยวดองเป็นพระราชบุตรเขยของจักรพรรดิฟรีดลิชที่ 4 ได้แล้วไซร้ พวกขุนนางที่เหลือย่อมต้องยอมสยบต่ออำนาจของเขาเป็นแน่ และเมื่อถึงวันที่บรรดาขุนนางฐานันดรทั้งมวลยอมคุกเข่ากล่าวคำจงรักภักดีต่อไรน์ฮาร์ดผู้นี้แล้ว ย่อมเป็นวันที่สัญญาความเป็นพันธมิตรกับลิชเทนลาเดถึงแก่การณ์แตกหักด้วยนั่นเอง เจ้าจิ้งจอกเฒ่าลิชเทนลาเดเอ๋ย จงลิ้มรสความสุขในการเป็นขุนนางฐานันดรชั้นสูงสุดไปพลาง ๆ ก่อนเถิด...

อีกทางหนึ่ง ดยุคลิชเทนลาเดเองก็เช่นกัน หาได้คิดที่จะคงความสัมพันธ์กับไรน์ฮาร์ดไว้เช่นนี้ตลอดไปไม่ เขาคิดเหมือนกับไรน์ฮาร์ดในแง่ที่ว่า กำลังคาดหวังให้ดยุคเบราสไวก์และมาร์ควิสลิตเทนไฮม์รีบก่อความไม่สงบออกมา และเมื่ออาศัยกำลังทหารของไรน์ฮาร์ดปราบปรามสองคนนั้นไปได้แล้ว ไรน์ฮาร์ดก็หมดประโยชน์


ส่วนซี้กฟรีด เคียร์ชไอซ์นั้นก็ได้รับคำสั่งจากไรน์ฮาร์ดให้ดำเนินการเตรียมพร้อมทำสงครามได้ทุกเมื่อ สำหรับเวลาที่บรรดาขุนนางฐานันดรอันนำโดยดยุคแห่งเบราสไวก์และมาร์ควิสแห่งลิตเทนไฮม์ก่อความไม่สงบขึ้น ชายหนุ่มผมแดงปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างแข็งขันทุกวันที่ผ่านไป

ตัวเขาเองนั้น ตระหนักดีถึงสายตาอันเย็นเฉียบและไร้ไมตรีที่โอแบร์สไตน์แอบจับจ้องมองตนอยู่ก็จริง แต่ถือว่าตัวเองไม่มีมลทินใด ๆ ให้อีกฝ่ายกล่าวหาได้ อีกทั้งไม่คิดว่าโอแบร์สไตน์จะทำให้ความสัมพันธ์ของตนกับไรน์ฮาร์ดและพี่สาวเปลี่ยนไปได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

เคียร์ชไอซ์ซึ่งบัดนี้ถูกล้อมกรอบด้วยงานจำนวนมหาศาลก็จริง แต่เขากลับมีโอกาสได้พบหน้าอันเนโรเซบ่อยกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบกันไม่ติด สำหรับเขาแล้ว นี่นับเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขประดุจอยู่ในแดนสวรรค์เลยทีเดียว หากวันเวลาเช่นนี้จักได้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สุดสิ้น ย่อมไม่มีสุขใดจะเหนือกว่านี้ไปอีกแล้ว...

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1