นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก เล่ม ๒ : ความทะเยอทะยาน
銀河英雄伝説 第二巻:野望篇

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 1 ลมสงบก่อนพายุใหญ่
-6-


ห้องนั้นเป็นห้องเรียบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีเครื่องประดับใด ๆ ที่แสดงถึงรสนิยมของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย แสงในห้องก็ถูกหรี่เหลือเพียงแสงสลัว ๆ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนถึงใบหน้าของบรรดาบุรุษจำนวนสิบกว่าคนที่นั่งล้อมวงประชุมอยู่โดยมีโต๊ะประชุมคั่นกลาง

“เอาล่ะ ต่อไปจะขอทบทวนอีกครั้งหนึ่ง”

เสียงต่ำ ๆ ดังขึ้น ทำให้ใบหน้าของผู้ร่วมประชุมพากันหันไปมองยังทิศทางหนึ่งเป็นทางเดียว ผนังด้านนั้นของห้องทำหน้าที่เป็นจอภาพด้วย และบัดนี้มันกำลังแสดงภาพแผนที่ของสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี เป็นภาพที่ตั้งดาวต่าง ๆ โดยมองจากด้านบน

“ปฏิบัติการแรกสุด จะกระทำที่ดาวเคราะห์เนปติส เวลาก็คือ วันที่ 3 เมษายน ตามเวลามาตรฐาน”

จุดแสงสว่างปรากฏขึ้นที่บริเวณขวาล่างของแผนที่หมู่ดาว บรรดาชายเหล่านั้นหันไปพูดพึมพัมกันเองเสียงกระหึ่ม

“ระยะห่างจากไฮเนสเซน 1880 ปีแสง เป็นศูนย์กลางของหมู่ดาวไกลโพ้นเขตที่ 4 ที่ดาวนี้มีทั้งท่าอากาศยานอวกาศ, คลังเก็บรักษาสินค้า และฐานสื่อสารระหว่างหมู่ดาวฤกษ์ อย่าลืมนะ วันที่ 3 เมษายน ผู้รับผิดชอบการปฏิบัติการที่ดาวนี้คือ ฮาร์เวย์...”

ชายผู้ถูกระบุชื่อพยักหน้ารับรู้ ในความมืดสลัวนั้นเห็นร่างของเขาเป็นเงาดำ ๆ

“ปฏิบัติการที่สอง กระทำที่ดาวเคราะห์คัฟเฟอร์ วันที่ 5 เมษายน ตามเวลามาตรฐาน ระยะห่างจากไฮเนสเซน 2092 ปีแสง สถานที่อยู่ในหมู่ดาวไกลโพ้นเขตที่ 7...”

ระลอกที่สาม คือ ดาวเคราะห์ปาล์มเมอเรนด์ วันที่ 8 เมษายน ระลอกที่สี่ คือ ดาวเคราะห์แชมพูล วันที่ 10 เมษายน ชายคนเดิมอธิบายต่อไปเรื่อย ๆ ภาพบนจอแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งที่จะก่อความไม่สงบนั้นล้วนเป็นตำแหน่งที่อยู่บนผิวของทรงกลมอันมีศูนย์กลางอยู่ที่ไฮเนสเซนทั้งสิ้น โดยที่ตำแหน่งทั้งสี่ ก็ห่างกันไปคนละทิศละทางด้วย หมายความว่า รัฐบาลจะต้องจัดส่งกองกำลังที่แตกต่างกัน เพื่อไปจัดการปราบความไม่สงบในแต่ละดาวนั้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เพียงเท่านี้ก็พอที่จะทำให้กำลังทหารในเมืองหลวงเหลือแต่น้อยแล้ว และเราก็จะใช้กำลังอันน้อยนิดของเรา ยึดสถานที่สำคัญได้อย่างแน่นอน”

สถานที่ที่เป็นเป้าหมายของการยึดถูกเอ่ยขึ้นตามลำดับ ได้แก่ ตึกที่ประชุมคณะกรรมาธิการสูงสุด (ทำเนียบรัฐบาล), ตึกรัฐสภา, กองบัญชาการทหารสูงสุดของทัพสมาพันธ์, ศูนย์ควบคุมการสื่อสารกองทัพสมาพันธ์ ฯลฯ พร้อมกันนั้น เขาก็ได้ย้ำถึงชื่อของผู้รับผิดชอบการบุกยึด, เวลาที่จะบุกยึดและกำลังคนที่จะนำไปปฏิบัติการในแต่ละที่ ทั้งนี้ พวกเขาได้ผ่านการประชุมกันมาเพื่อเตรียมการนี้มากว่า 10 ครั้งแล้ว บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหลายล้วนทราบดีถึงแผนการโดยรวมทั้งหมดและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเป็นอย่างดี

ในบรรดาผู้ร่วมประชุมทั้งหมด ล้วนมีความรู้สึกร่วมกันอย่างหนึ่งคือ หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ฟรีพลาเน็ต (สมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี) จะต้องถึงการล่มสลายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ นอกจากความสูญเสียครั้งใหญ่อันเกิดจากการพ่ายศึกอย่างยับเยินในยุทธภูมิอัมริทเซอร์เมื่อปีก่อนแล้ว ความเน่าเหม็นของการเมืองการปกครองสมาพันธ์, ความอ่อนแอของระบบสังคมเศรษฐกิจล้วนเป็นสิ่งที่เร่งให้พวกเขารู้สึกสำเหนียกถึงภัยวิบัติที่กำลังย่างกรายเข้ามาในอนาคตอันใกล้

พวกเขาจะปล่อยให้พวกนักการเมืองที่กุมอำนาจอยู่ในปัจจุบันบริหารบ้านเมืองไปเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ไอ้พวกคนที่เล่นการเมืองเหมือนกับกำลังเล่นไพ่โป๊กเกอร์พวกนี้ สมควรจะถูกกวาดล้างให้สิ้นซาก!

ประธานในที่ประชุมกวาดตามองบรรดาผู้ร่วมประชุมรอบหนึ่ง

“พวกเราจะต้องชำระล้างการเมืองสกปรกที่กำลังพาบ้านเมืองไปสู่ความฉิบหายนี้ ให้ได้ด้วยมือของเราเอง นี่เป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเป็นด่านสำคัญที่เราต้องผ่านไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อที่จะกอบกู้บ้านเมืองของเราขึ้นมาใหม่”

น้ำเสียงของเขามีวี่แววผ่านการควบคุมอารมณ์มาเป็นอย่างดี แต่กระนั้นก็ยังส่อให้เห็นถึงอะไรบางอย่างที่เหมือนกับความรู้สึกหลงมัวเมาของผู้ที่กำลังหลงงมงายในอะไรบางอย่าง ผู้เข้าร่วมประชุมพากันพยักหน้ารับกันถ้วนหน้าประดุจหนึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวเขา

“ทีนี้ เรายังมีบุคคลคนหนึ่งที่อาจจะเป็นปัญหา”

เสียงของชายคนเดิมเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ชายคนอื่น ๆ พากันเกร็งขยับตัวนั่งตัวตรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“นั่นคือ ผู้บัญชาการป้อมปราการอิเซลโลน ผู้การหยางนั่นเอง ที่ผ่านมา เรายังไม่ได้ติดต่อให้เขามาเป็นแนวร่วมของพวกเราเพราะเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงก็จริง มีใครมีข้อเสนอแนะอะไรบ้าง...”

สิ้นคำพูดของเขา ที่ประชุมก็เริ่มถกอภิปรายกันทันที

“มีทางจะดึงตัวเขามาเป็นพวกได้ไหม? สติปัญญาและความป๊อปปูล่าในตัวเขานี่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากทีเดียว อีกทั้งความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของป้อมปราการอิเซลโลนก็เป็นสิ่งที่เราละเลยไปไม่ได้ด้วย...”

“ถ้าเขายอมเป็นพวกละก็ เราก็จะสามารถยึดครองดินแดนสมาพันธ์ทั้งหมดได้จากที่มั่นสองแห่งพร้อมกัน คือ ไฮเนสเซนและอิเซลโลนนะ”

“แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ งานของพวกเราอัดแน่นเต็มตารางเวลาแล้ว จะมีเวลาพอที่จะไปเกลี้ยกล่อมเขาหรือ?”

“เราไม่จำเป็นต้องดึงคนพรรณนั้นมาเป็นพวกก็ได้นี่ครับ”

น้ำเสียงหลังสุดฟังดูหนุ่มกว่าเพื่อน แต่ก็ฟังดูมาดร้ายและขาดชีวิตชีวาอย่างแปลกประหลาด ทำให้รู้สึกขัดแย้งกันระหว่างเนื้อหาที่เขาสรุปอย่างฟันธง กับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่บรรดาผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ เริ่มจะแตกเสียงกันนั่นเอง ชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าก็เอ่ยปรามขึ้นว่า

“อย่าเพิ่งใจร้อนสรุปไปพวกคุณ แต่อย่างไรก็ตาม การจะดึงหยางมาเป็นพวกนั้น เรามีข้อจำกัดด้านเวลาจริง ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น สู้ปล่อยให้แผนการของเราเริ่มต้นไปถึงขั้นก่อความไม่สงบเรียบร้อยแล้วเสียก่อน ค่อยมาคิดกันเรื่องนี้ดีกว่า ที่จริง ความไม่สงบที่แชมพูลนั้น หากเกิดขึ้นละก็... คนที่จะถูกสั่งให้ไปปราบก็น่าจะเป็นหยางละนะ เพราะอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด...”

จากป้อมปราการอิเซลโลนไปถึงดาวเคราะห์แชมพูล หากใช้วิธีเดินอวกาศด้วยวิธีพัลส์วาร์ป ภายใต้ความเร็วรบสูงสุดแล้วละก็ ยังต้องใช้เวลาถึง 5 วัน และ ณ ตอนนั้นเขาคงได้รับทราบข่าวการยึดอำนาจในเมืองหลวง และกว่าเขาจะเดินทางจากที่นั่นมาถึงเมืองหลวงได้ ก็ต้องใช้เวลาอีก 25 วัน รวมแล้วเป็น 30 วัน ในระหว่างนั้น พวกเขาก็ย่อมสามารถยึดครองเมืองหลวงได้อย่างเบ็ดเสร็จ อีกทั้งรอบดาวเมืองหลวงนี้ ยังมีดาวเทียมต่อต้านอากาศยานทั้ง 12 ดวงที่เรียกว่า “สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมีส” อีกด้วย ต่อให้เป็น “มิราเคิลหยาง” ก็เถอะ การจะบุกเข้ามาปลดปล่อยเมืองหลวงย่อมทำไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน เขาคงจะต้องหยุดทัพอยู่รอบนอกดาวเคราะห์ไฮเนสเซนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ถึงตอนนั้น เราค่อยเจรจากับหยาง อาจจะดึงเขาให้เป็นพวกได้ง่ายกว่าเจรจาตอนนี้เลยก็ได้ เพราะฉะนั้น สรุปก็คือ พวกเรายังคงดำเนินการตามแผนเดิมต่อไป ยึดอำนาจในศูนย์กลางนี้ให้ได้ แล้วจากนั้นก็ค่อยขยายอำนาจการปกครองออกไปทั่วสมาพันธ์...”

“มีข้อเสนอครับผม”

น้ำเสียงเยาว์วัยแต่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายเสนอขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นน้ำเสียงเดียวกับเมื่อครู่ก่อน และทำให้ทุกคนหันไปมองเขาอีกครั้ง

“ส่งแนวร่วมของเราคนหนึ่งไปที่อิเซลโลน แล้วให้คอยจับตาหยางเอาไว้ หากเขามีท่าทีที่เป็นอันตรายต่อพวกเราก็ให้ลอบสังหารเขาเสีย”

คราวนี้ มีเสียงสนับสนุนเกิดขึ้นหลายเสียง หลังจากทั้งหมดนิ่งคิดไปอึดใจหนึ่ง ผู้เห็นด้วยต่างบอกว่า เพื่อความมั่นใจในความสำเร็จของแผนการ ควรจะรีบกำจัดอุปสรรคที่มีทีท่าว่าจะเป็นอันตรายแต่เนิ่น ๆ

“ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม? ตกลง ถ้าเช่นนั้นถือว่าพวกเรายอมรับข้อเสนอนี้นะครับ ผมจะรีบดำเนินการคัดเลือกผู้รับผิดชอบงานนี้โดยด่วน”

ปากก็พูดเช่นนั้นแต่น้ำเสียงของผู้นำกลุ่มมีแววไม่เห็นด้วยแฝงอยู่

... ชายผู้ที่นั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยปากแสดงความคิดเห็นแม้แต่คำเดียว ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ลมหายใจของเขานั้นมีกลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคลุ้งทีเดียว ในมือของผู้ชายคนนี้ยังมีขวดโรสรัมวิสกี้อยู่ด้วย เหล้าในขวดพร่องไปกว่าครึ่งแล้ว

ชื่อของชายผู้นี้คือ อาร์เธอร์ รินช์

เสียงพึมพำที่ชั่วร้าย เริ่มก่อตัวจับรอบเปลือกหัวใจของรินซ์ประดุจถูกห่อหุ้มด้วยฟองเบียร์ เต้นเข้าไป เต้นเข้าไปเถอะพวกแก ไม่ว่าหน้าไหนก็ตามล้วนแต่เต้นไปตามที่ข้าชักใยจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเถอะ ใครจะสะดุดขาตัวเองล้มก่อน หรือใครจะเต้นไปจนถึงวันตายได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนล่ะ

รินซ์เองก็ไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่า ใจจริงแล้ว เขาคาดหวังให้รัฐประหารครั้งนี้สำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่? เพราะตัวเขาเองนั้น แม้แต่อนาคตของตัวเองเขาก็ไม่สนใจแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์ “นั้น” เมื่อ 9 ปีก่อน

ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนั้นขึ้น ชีวิตของรินซ์นั้นเรียกว่าไม่เลวร้ายทีเดียวนัก เขาสร้างผลงานทั้งในสนามรบที่แนวหน้า รวมทั้งงานธุรการในแนวหลัง จนกระทั่งได้เลื่อนเป็นพลตรีด้วยอายุ 40 เศษ และถูกเรียกว่า “ท่าน” นับแต่บัดนั้น แต่เพียงแค่เขาตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างก็จบสิ้น ในศึกที่หมู่ดาวเอลฟาซิลนั้น เขาเกิดความหวาดตัวกลัวตายถึงขีดสุด จนกระทั่งตัดสินใจทิ้งทั้งลูกน้องและพลเรือนที่เขาต้องรับผิดชอบ วางแผนจะหนีไปเพียงกลุ่มเดียวกับลูกน้องที่สนิทกัน แต่สุดท้ายก็ถูกกองทัพจักรวรรดิจับตัวไว้ได้ แต่ตกเป็นเชลยศึกนับตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของเขาในฐานะที่เป็นจุดด่างพร้อยของกองทัพสมาพันธ์ พร้อมกับชื่อเสียที่ถูกตราหน้าไว้จนกระทั่งแทรกซึมเข้าไปทั่วผิวกายของเขา ก็เริ่มต้น ณ บัดนั้นเอง

ว่าแต่... เรื่องนี้จะออกหัวออกก้อยกันล่ะ?

รินซ์หลับตาลง ภายใต้ความรู้สึกมืดมิดและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งได้ผุดขึ้นมาในภวังค์ความคิดอย่างเขาอย่างลางเลือน

ณ ดาวดวงนั้น- ดาวเมืองหลวงของจักรววรรดิทางช้างเผือก- โอดีน- อันห่างไกลออกไปอีก 1 หมื่นปีแสง- มาร์ควิส ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมผู้ซึ่งมอบหมายภารกิจนี้ให้เขา ป่านนี้คงจะกำลังแหงนหน้าชมดาวบนฟ้า พลางส่งสายตาอันทะเยอทะยานของตนไปยังหมู่ดาวน้อยใหญ่ในจักรวาลอยู่กระมัง

(อ่านตอนต่อไป)


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1