หยางเคยคิดว่า เขาตระหนักดีถึงความใจร้ายของโชคชะตาที่ประดุจดังแม่มดเฒ่าที่ชอบกลั่นแกล้งผู้คน แต่คราวนี้ หยางต้องตระหนักอย่างสุดซึ้งอีกครั้งหนึ่งว่า เขาแค่ เคยคิดว่า เขาตระหนักในเรื่องดังกล่าว ไม่นึกเลยว่า โชคชะตาจะเล่นตลกโหดร้ายรุนแรงได้ปานนี้ หากโชคชะตามีตัวตนละก็ เขาก็อยากจะต่อว่ามันให้จั๋งหนับสักยกใหญ่ ๆ ให้หายคับแค้นใจ แต่แน่นอน นั่นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โชคชะตาก็เป็นเพียงแค่ ความบังเอิญของการซ้อนทับกันของเจตนาของผู้คนจำนวนมหาศาลนั่นเอง หาใช่เป็นพระเจ้าเหนือธรรมชาติที่เที่ยวกำหนดโชคชะตาใคร ๆ ไม่ ดูเอาเถิด ในคราวนี้ เพื่อที่จะต้องปกป้องอำนาจการเมืองของนายทริวนิชท์ผู้นั้น เขาจะต้องเป็นศัตรูกับบิดาของนายทหารผู้ช่วยของเขา- เฟรดเดอริก้า กรีนฮิลล์!!! หยางจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่า ตนเองเอาแต่เดินวนเป็นวงกลมอยู่ในห้องส่วนตัวมากี่สิบรอบแล้ว รู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่รับรู้ได้ถึงสายตาของเด็กชายจูเลียน มินท์ ที่ยืนอยู่ริมผนังห้องพลางส่งสายตามาทางนี้แน่วนิ่ง หยางรู้สึกได้ถึงแววห่วงใยในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นทันที ดูเหมือนเด็กชายคงกำลังจะเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถช่วยอะไรหยางได้เลย ใช่ การตัดสินใจและความรับผิดชอบที่จะตามมา ล้วนเป็นของหยางแต่เพียงผู้เดียว อย่างที่ไม่สามารถจะมีมนุษย์หน้าไหนบนพิภพนี้จะสามารถมาช่วยแบ่งเบาภาระนั้นไปได้เลย หยางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะปั้นรอยยิ้มขึ้นมาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จูเลียน ขอบรั่นดีแก้วนึงสิ แล้วก็... ช่วยเชิญนายทหารประจำกองบัญชาการมารวมกันที่ห้องประชุมในอีก 15 นาทีให้หลังด้วยได้ไหมเอ่ย? ได้ครับผม จะจัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ แล้วก็... ช่วยเรียกร้อยเอกกรีนฮิลล์มาพบด่วนด้วย เด็กชายวิ่งปรื๋อออกไปทันที หากมนุษยชาติสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการตัดสินใจ ในยามที่เขาไม่อยากตัดสินใจได้ละก็... คงเป็นชีวิตที่ถูกห้อมล้อมด้วยแสงสีกุหลาบสวยสะพรั่งเลยทีเดียว แต่การที่มันไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ไม่ใช่หรือ ที่คนโบราณเขาเรียกว่า รสชาติของชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคราวนี้ เจ้ารสชาติของชีวิตนี่ ดูมันจะมีเครื่องปรุงรสจัดมากไปหน่อยกระมัง อีก 2 นาทีถัดมา เฟรดเดอริก้า กรีนฮิลล์ก็มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า ท่าทางของเจ้าหล่อนจะสงบจิตสงบใจได้แล้ว แต่สีหน้ายังคงซีดเซียวอย่างไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ หากเป็นเรื่องของตัวหยางเองแล้ว เขายังพอจะทำใจได้บ้าง เนื่องด้วยชินชากับการเล่นตลกของโชคชะตาเสียแล้ว เริ่มจากที่ต้องสูญเสียบิดาบังเกิดเกล้าไปเมื่อเขาอายุได้ 16 ปี จากนั้นก็สอบเข้าไปเรียนในภาควิชาประวัติศาสตร์สงคราม เพียงด้วยเหตุผล เพื่อที่จะเรียนวิชาประวัติศาสตร์ฟรี ๆ เท่านั้น ไม่เคยมีความอยากเป็นทหารอยู่เลยในความคิดของเขาแม้แต่น้อย แต่แล้วเป็นไงเล่า เรียกว่า เพราะการเลือกทางชีวิตที่เขาถูกมัดมือชกในตอนนั้นแท้ ๆ ทำให้เขาต้องตามชดใช้หนี้อยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่สำหรับกรณีของเฟดเดอริด้าล่ะ เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างอันชัดเจนการชอบเล่นตลกของพระเจ้าแท้ ๆ หล่อนต้องตกอยู่ในสถานะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับบิดาบังเกิดเกล้าของตน นี่ช่างเป็นชะตากรรมที่โหดร้ายเกินไปสำหรับหญิงสาวอายุเพียง 23 ปีเช่นหล่อน ร้อยเอกกรีนฮิลล์ รายงานตัวค่ะ ... อืม ท่าทางสบายดีนี่ หยางพูดอะไรพล่อย ๆ ออกไป เล่นเอาเฟรดเดอริก้าถึงกับอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไร มีธุระอะไรหรือคะ? ... ครับ เดี๋ยวผมจะต้องเรียกประชุมกองบัญชาการอีกแล้ว คุณช่วยเตรียมการประชุมและก็ช่วยโอเปอเรตพวกเครื่องไฟฟ้า (ที่ผมใช้ไม่เป็น) หน่อยนะครับ เฟรดเดอริก้าถึงกับมีสีหน้าประหลาดใจ ดิฉัน... เอ่อ ผู้น้อยคิดว่า ผู้น้อยถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้วเสียอีกค่ะ ที่มานี่ก็ได้ทำใจมาไว้เช่นนั้นแล้วด้วย... อยากถูกปลดมากนักหรือ? น้ำเสียงของหยางในตอนนั้น จะว่าไปออกจะเย็นชาไปสักหน่อย ไม่ค่ะ แต่... ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย ผมก็แย่สิครับ ผมน่ะ ขี้หลงขี้ลืมก็ชั้นหนึ่ง ใช้เครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคก็ไม่เป็นอีก ผมขาดผู้ช่วยเก่ง ๆ ไม่ได้หรอกครับ ... ค่ะ ดิฉันยินดีรับใช้ท่านค่ะ! แวบหนึ่งที่หยางสามารถสังเกตเห็นถึงสีหน้ากึ่งหัวเราะกึ่งร้องไห้ภายใต้สีหน้าเป็นงานเป็นการของหล่อน แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น ขอบคุณ เอาล่ะ คุณล่วงหน้าไปที่ห้องประชุมก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามไป ที่จริง จะพูดหรือทำอะไรเพื่อหล่อนให้มากกว่านี้ก็ย่อมได้ แต่สำหรับหยางแล้ว นี่เป็นขอบเขตสูงสุดเท่าที่เขาจะรวบรวมความกล้าได้แล้ว ทันทีที่เขาก้าวออกไปสู่ทางเดินหน้าห้อง ก็พบว่าเชนค็อปมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มอดีตชาวจักรวรรดิยกมือทำวันยาหัตถ์ให้เขา พลางส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ รู้สึกว่า ท่านจะไม่ได้ปลดมิสกรีนฮิลล์ออกนะครับผม แหงล่ะ ตราบใดที่ผมยังหาผู้ช่วยเก่ง ๆ เหมือนหล่อนไม่ได้อะนะ ปากแข็งจริงนะท่าน หุหุหุ ลูกน้องแกล้งพูดถ้อยคำที่ถือได้ว่าละลาบละล้วง หมายความว่าไง? ก็ อ้า... มีหลาย ๆ ความหมายน่ะครับ คือกระผมแค่คิดว่า หล่อนคิดยังไงกับท่านเท่านั้นเอง... ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชานะครับผม ว่าแต่คุณเถอะ คิดยังไงกับผมล่ะ? หยางรีบเบนหัวเรื่องสนทนาไปน้ำขุ่น ๆ กระผมหรือครับ? อืมมมม นั่นนะสิครับ จะว่าไป กระผมก็ไม่ค่อยเข้าใจท่านเลยครับเนี่ย ท่านช่างเต็มไปด้วยความขัดแย้งกันในตัวเองอย่างนี้ เชนค็อปตอบ แล้วก็มองทีท่าประหลาดใจของเจ้านายอย่างสบอารมณ์ ที่ผมพูดนี่หมายความว่าอย่างนี้ครับ อันดับแรก ผมเชื่อว่าคงไม่มีมนุษย์คนไหนที่รู้ซึ้งถึงความงี่เง่าและความไร้สาระของการทำสงครามได้ดีกว่าท่านอีกแล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน ท่านก็เป็นอัจฉริยะในทางทำสงครามด้วย จริงไหมครับผม? อย่าเพิ่งเอามาร์ควิสไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมไปเก็บไว้ที่ไหนสิคุณ นั่นสิครับ จับสองคนนี้มาสู้กันสักตั้งท่าทางจะสนุกนะครับผม อดีตชาวจักรวรรดิพูดเรื่องสมมตินั้นได้หน้าตาเฉยตามสไตล์ของตน กระผมเชื่อว่า หากให้นำทัพมาสู้กันภายใต้เงื่อนไขที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ท่านน่าจะเป็นฝ่ายชนะนะครับผม หึ เงื่อนไขที่ว่านั่นจะไม่มีทางเป็นจริงเลยนะ เสียเวลาคิดเปล่า ๆ ครับ กระผมทราบดี อันว่า ยุทธวิธี นั้นคือ ศาสตร์และกลยุทธในการเคลื่อนทัพและดำเนินการรบภายในสนามรบ เพื่อนำมาซึ่งชัยชนะ ส่วนคำว่า ยุทธศาสตร์ นั้น คือศาสตร์และเทคนิคในการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะทำให้สามารถใช้ยุทธวิธีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น สิ่งที่เชนค็อปสมมติ จึงเป็นการมองข้ามความสำคัญของยุทธศาสตร์ไป เน้นแต่เรื่องของยุทธวิธีเท่านั้น อันเป็นการสมมติที่ไร้ความหมาย ถ้างั้น ลองดูประเด็นถัดไปไหมครับผม? คนเช่นท่านก็คงตระหนักดีแก่ใจนะครับ ว่าในปัจจุบัน ระบบการปกครองของสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีนั้น มันกำลังเสื่อมทรามเพียงใด ไม่ว่าจะแง่ของประสิทธิภาพและความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมก็ตาม แต่ทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันแย่ ท่านก็กำลังจะทุ่มเทความพยายามเข้าไปช่วยเหลือมัน (ให้พ้นจากมือของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติ) อีก นี่ไม่เรียกว่าเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ควรเป็นอย่างเห็นได้ชัดหรอกหรือครับผม? ผมเป็นคนที่ชอบเลือกเดอะเบตเตอร์มากกว่าเลือกเดอะเบสต์น่ะครับ จริงอยู่ ผมรู้ดีว่าการปกครองของบ้านเราตอนนี้มันเข้าขั้นระยำแล้ว แต่ว่านะ คุณเองก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าแนวนโยบายของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาตินั่นเป็นยังไง มิแย่กว่าพวกที่มันกินเมืองอยู่ตอนนี้หรอกรึ? พูดก็พูดเถอะนะครับผม... แววตาของเชนค็อปฉายประกายประหลาดแวบหนึ่ง เราน่าจะปล่อยให้ไอ้พวกตัวตลกที่ใช้ชื่อว่ากองกำลังกอบกู้วิกฤติอะไรเนี่ย จัดการกวาดล้างพวกนักการเมืองสกปรกที่มีอยู่ตอนนี้ให้หมดสิ้นไป... อย่างถอนรากถอนโคนเลยนะครับผม แล้วจากนั้น เชื่อเถอะครับว่า พวกเขาก็หนีไม่พ้นจะเข้าทำนองเดียวกันกับนักการเมืองที่พวกตนเพิ่งจะกวาดล้างไปเข้าจนได้ พอพวกนี้แสดงธาตุแท้ออกมา ท่านก็เข้าไปกวาดล้างไอ้พวกนี้อีกที แล้วยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของท่านเสีย ในนามของผู้กอบกู้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่แดนสมาพันธ์อย่างแท้จริง นี่สิครับ ถึงจะเรียกว่า เดอะเบตเตอร์ที่ท่านว่า คราวนี้ ผู้บัญชาการหนุ่มแห่งป้อมอิเซลโลนถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าลูกน้องอยู่เช่นนั้น สีหน้าของเชนค็อปไม่มีแววขี้เล่นหรือรอยยิ้มเหลืออยู่อีกแล้ว เป็นไงครับ ไม่เลวใช่ไหมครับ การปกป้องลัทธิประชาธิปไตย โดยยอมเป็นผู้เผด็จการเสียเองเป็นการชั่วคราว... ถ้าท่านไม่ ยึดติดกับรูปแบบนะครับผม หึ ท่านผู้นำหยางเหวินหลี่หรือ... คิดยังไงก็ไม่เข้าท่านะผมว่า ก็แล้วท่านดูเข้าท่ากับไอ้ชุดทหารนี่นักหรืออย่างไรครับผม? แต่ท่านก็เป็นนายทหารที่ยอดเยี่ยมจนไม่มีใครจะเก่งเกินได้เช่นนี้แล้วไม่ใช่หรือครับ เพราะฉะนั้น กระผมว่าท่านสามารถเป็นผู้นำเผด็จการได้ดีเลยทีเดียวครับผม พลจัตวาเชนค็อป! ครับผม? นี่คุณเล่าไอ้ความคิดนี่ของคุณให้ใครฟังอีกหรือเปล่านอกจากผมน่ะ พูดได้ที่ไหนล่ะครับท่าน แหม... ถ้างั้นก็แล้วไป... หยางพูดเพียงเท่านั้นก็หันหลังให้เชนค็อป แล้วออกเดิน เชนค็อปสาวเท้าก้าวตามหลังอีกฝ่ายไปทิ้งระยะห่างห้าถึงหกก้าว แล้วก็ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของตน หยางจะรู้ตัวหรือไม่หนอว่า คงไม่มีนายทหารระดับสูงนายไหนอีกแล้วที่ปล่อยให้ลูกน้องของตนพูดอะไรก็ได้ปาว ๆ ตามใจชอบเช่นนี้ ผู้ที่จะเป็นเจ้านายของเชนค็อป ก็ต้องเหนื่อยใจเช่นนี้เอง
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าตื่นตระหนกของผู้ถาม แล้วก็ตอบเสียงดังฟังชัด เป็นเชิงตำหนิอาการตื่นตูมของอีกฝ่ายว่า ผู้การหยางเหวินหลี่ จะไม่ทำศึกอย่างเด็ดขาดถ้าไม่มั่นใจในชัยชนะ!!! บทสนทนานี้ ถูกลือต่อ ๆ กันไปทั่วป้อมปราการอิเซลโลนอย่างรวดเร็ว ผู้การหยางไม่ทำศึกโดยไม่มั่นใจในชัยชนะ... จริงสิ หยางผู้นี้มิใช่หรือที่อยู่เคียงข้างกับคำว่าชัยชนะมาโดยตลอด และในครั้งนี้ เขาก็ต้องชนะด้วยอย่างแน่นอน ความหวาดวิตกของบรรดาพลเรือนถูกขจัดหายออกไปอย่างรวดเร็ว... อย่างน้อยก็เท่าที่มองจากภายนอกล่ะ ตอนหลัง เมื่อหยางทราบเรื่องนี้เข้า ก็เรียกจูเลียนมาถามให้แน่ใจ แล้วก็แกล้งแหย่เด็กชายว่า ฉันนึกไม่ถึงเลยนะนี่ ว่าเธอจะมีความสามารถเป็นสโปคแมนที่ดีได้ด้วยแฮะ จะเก่งหลายอย่างเกินไปแล้ว (อิจฉาวุ้ย) แต่ผมไม่ได้หลอกใครนะครับ มันเป็นความจริงต่างหาก ไม่ใช่หรือครับ ผู้การ อืม มันก็จริงนะ อย่างน้อย ก็สำหรับในศึกครั้งนี้ล่ะ ฝ่ายที่เป็นผู้ปกครองขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พลางเปรยว่า และฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปเรื่อย ๆ แหละนา... หลังจากจูเลียนออกไปฝึกซ้อมบังคับยานรบประจันบาญสปาร์ตาเนียนแล้ว หยางก็เรียกตัวพลจัตวาเชนค็อปเข้ามาพบ ตอนนั้น หยางได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะแบ่งกองยานรบของตนออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กองแรกอันประกอบด้วยกำลังรบหลัก ยานรบที่มีความคล่องตัวสูง ซึ่งหยางจะเป็นผู้คุมทัพเอง กับอีกกองหนึ่งคือ กองสนับสนุนการรบ ประกอบด้วยยานลำเลียง และยานรบที่ใช้ในการป้องกันเป็นหลัก ที่เขาเรียกเชนค็อปมาก็เพื่อปรึกษาว่า จะให้เชนค็อปไปกับกองยานรบกองใดนั่นเอง และได้ข้อสรุปว่า ให้เชนค็อปไปกับหยาง และอยู่ข้างกายเขาในฐานะเสนาธิการคนหนึ่ง ตอนท้าย หยางถือโอกาสถามไปถึงเรื่องของจูเลียนด้วย ทั้งนี้ เชนค็อปเป็นครูฝึกสอนยิงปืนและศิลปะการสู้รบประชิดตัว (ยกพลตะลุมบอนแบบหน่วยนาวิกโยธิน) ให้กับจูเลียนนั่นเอง ถ้าในฐานะของนักรบคนหนึ่งละก็ เด็กนั่นเป็นนักรบเต็มตัวเลยล่ะครับผม ใช้งานได้ยิ่งกว่าท่านหลายเท่านัก เชนค็อปตอบอย่างไม่เกรงใจ แต่ ท่านคงไม่ได้คาดหวังเรื่องในระดับต่ำ ๆ แบบนั้นจากจูเลียนกระมังครับผม? คำตอบของหยางนั้น ฟังเผิน ๆ เหมือนเขากำลังพูดรำพึงกับตัวเองอยู่ ... คนเราน่ะ มีความสามารถของตัวเองที่จำกัด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เราก็ยังสามารถใช้ความสามารถอันมีขอบเขตที่จำกัดนั้น จัดการกับโชคชะตาของตนเองได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับจูเลียน ผมอยากเห็นแกจัดการกับโชคชะตาในระดับที่กว้างกว่านั้น... ถึงแม้ว่า เอาเข้าจริง แกอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นก็ได้ แต่ผมก็อยากให้แกมีความพร้อมที่จะทำเช่นนั้นเอาไว้อยู่ดี... แล้ว ท่านล่ะครับผม? ผมนะเหรอ สายไปแล้วล่ะ ผมถลำลึกไปกับสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีมากเกิดไปเสียแล้ว รับเงินเดือนเขามาก็ต้องทำงานใช้คืนให้เจ้าของเงินให้คุ้มค่าแหละครับ ยังจะมีอิสระทำอะไรได้อีก? รู้สึกว่า เชนค็อปจะครุ่นคิดตามคำพูดของหยางอย่างเอาจริงเอาจัง โดยไม่คิดว่ามันเป็นคำพูดเล่นแม้แต่น้อย อ้อ อย่างนี้นี่เอง ท่านถึงไม่ยอมให้จูเลียนเป็นทหารในประจำการอย่างเต็มตัว... เพราะ ต้องการจะให้แกไม่ต้องรู้สึกติดค้างบุญคุณกับสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีเหมือนเช่นที่ท่านเป็น จะได้มีอิสระที่จะทำอะไรได้มากขึ้น... ง่า... ผมยังไม่ได้คิดไกลไปถึงขนาดนั้นหรอกคุณ หยางสั่นศีรษะสองสามครั้ง เขาไม่เคยเป็นคนที่คิดลึกซึ้งอะไรหลาย ๆ ชั้นหรอก แต่ดูเหมือนคนอื่นจะไม่เชื่อกันเลย สิ่งนี้จะเป็นคุณหรือเป็นโทษกับเขานั้น หยางเองก็ไม่ทราบได้
หยางเหวินหลี่ตอบปฏิเสธที่จะร่วมขบวนการกับกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติแล้ว พลเอกกรีนฮิลล์แจ้งข่าวนั้นให้ทราบ มีเสียงพึมพำเบา ๆ ดังกระหึ่มจากบรรดาผู้เข้าร่วมประชุมทันที ถ้างั้น ก็ต้องสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สิ ขอดูฝีมือของมิราเคิลหยางหน่อยเถอะ ว่าจะเก่งจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ น้ำเสียงฮึกเหิมในตอนหลัง อาจจะเพื่อกลบเกลื่อนความกังวลของพวกพ้องก็เป็นได้ แต่พลเอกกรีนฮิลล์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดียวกับพวกเขา เขาไม่คิดที่จะขอโทษต่อบุตรีของตนเลย เพราะทราบดีว่า หล่อนไม่อภัยให้เขาแน่ และตัวเขาเองก็เชื่อว่า ตนเองกำลังทำสิ่งที่เชื่อมั่นว่าถูกต้องแล้ว หากไม่ใช้กำลังทหารเข้าจัดการประเทศนี้ละก็ ประเทศนี้จะมีแต่มุ่งหน้าสู่หายนะอย่างแน่นอน หากหยางไม่ยอมเข้าใจในประเด็นนี้ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรบกันเอง ตอนที่เขาตัดสินใจเรื่องนี้ เขาลังเลและตัดสินใจด้วยความยากลำบากพอควร แต่เมื่อการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจอย่างเด็ดขาด ผู้การรุกรันจ์! ชายวัยกลางคน เจ้าของผมสั้นสีแพลทตินัมบรอนซ์และคางรูปเหลี่ยม ลุกขึ้นยืนตอบรับคำเรียกของเขาทันที ผมขอสั่งให้คุณนำกองยานรบอวกาศที่ 11 ของเรา มุ่งหน้าไปยังป้อมปราการอิเซลโลนเพื่อกวาดล้างกองยานรบหยางเสีย รับทราบครับผม... ว่าแต่ บุตรสาวของท่าน... ใคร ๆ ก็ทราบดีว่า เฟรดเดอริก้า กรีนฮิลล์คือนายทหารผู้ช่วยของหยางเหวินหลี่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องใส่ใจ กรีนฮิลล์ตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขานิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ที่ควบคุมอารมณ์ไว้อย่างดีว่า นับตั้งแต่ผมเริ่มวางแผนรัฐประหารนี้มา ผมก็ปลงเรื่องของลูกสาวไปแล้ว นอกจากนี้ หยางเองก็คงจัดการปลดลูกสาวผมและสั่งขังไว้ที่อิเซลโลนแล้วอย่างแน่นอน แกคงไม่ได้เดินทางมากับทัพยานรบหยางหรอก คุณจัดการได้เต็มที่เลย ครับผม ถ้าอย่างงั้น ผมจะถล่มกองยานหยางให้เรียบ หรือไม่ก็ทำให้เขายอมจำนนต่อเราให้ได้ครับ ในกองทัพของสมาพันธ์ นับว่ากองยานรบที่ 11 เป็นหนึ่งในกองยานรบจำนวนน้อยที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด และกองยานรบที่สมบูรณ์เต็มอัตราศึกนี้ ก็กำลังจะออกเดินทางไปเพื่อขัดขวางปฏิบัติการของกองยานรบหยาง
สุดท้ายคือ ไปไฮเนสเซน! |