ขณะที่ทั้งทางจักรวรรดิทางช้างเผือกและสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรี ต่างก็กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งสงครามกลางเมืองและการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในทั้งสองฝ่ายนั้นเอง... รัฐแห่งพาณิชนาวีเช่นเฟซานลันท์กลับเต็มไปด้วยความคึกคัก รุ่งเรือง เพียบพร้อมด้วยความมั่งคั่ง ขณะที่พวกเขาเลี่ยงหลีกที่จะยุ่งเกี่ยวกับสงครามโดยตรงมาโดยตลอดนั้น พวกเขาก็พยายามที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลจากสงครามอย่างเต็มที่ นำมาเป็นฐานแห่งเศรษฐกิจของตนเอง พวกเขาสนับสนุน (ขาย) สิ่งต่าง ๆ ให้กับทุกกองกำลังไม่เลือกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ, อาหาร, แร่ธาตุ, เครื่องแบบทหาร, ข้อมูล รวมทั้งในบางครั้งก็ถึงกับขายคน- ทหารรับจ้างให้ด้วย เรียกได้ว่า เฟซานกำลังพยายามผูกขาดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแต่เพียงผู้เดียวในจักรวาลก็ว่าได้ ณ ย่าน ดราคูล ใกล้ ๆ กับท่าอากาศยานอวกาศของเมืองหลวงนั้นเอง มีร้านเหล้าอันเป็นแหล่งรวมของบรรดาพ่อค้าอิสระที่ต่างก็มีต้นทุนคือ ยานขนส่งอวกาศหนึ่งลำกับความสามารถในเชิงค้าขายอีกเล็กน้อย และอาศัยต้นทุนทั้งสองอย่างนี้พาตัวเองท่องเที่ยวไปทั่วอวกาศ บอริส คอเนฟเองก็เป็นพ่อค้าอิสระคนหนึ่ง เจ้าของวัย 28 ปีและยานพาณิชย์ เวเรียสก้า ชายผู้นี้เป็นคนใจถึงกล้าได้กล้าเสียก็จริง แต่ก็ยังเป็นเพียงพ่อค้าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ขณะที่เขากำลังนั่งจิบเบียร์ดำเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ในเวลาว่างอันหาได้ยากของเขาอยู่นั้น เพื่อนพ่อค้าอิสระอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทัก หลังจากพูดคุยกันสองสามคำแล้ว ฝ่ายหลังก็เริ่มขึ้นว่า ว่าแต่ กันได้ยินข่าวลือแปลก ๆ มาว่ะ ขึ้นชื่อว่าข่าวลือ มันก็มีแต่ข่าวแปลก ๆ แหละว้า เกลอ คอเนฟดื่มเบียร์ดำแก้วนั้นจนเกลี้ยง แล้วก็เอ่ยถามถึงเนื้อหาของข่าวลือที่ว่านั่น พูดง่าย ๆ ก็คือนะ ท่านผู้ปกครองเฟซานลันท์- ลูวินสกี้ของเรากำลังคิดการใหญ่อะไรบางอย่างอยู่นะสิเพื่อน ไอ้เหม่งนั่นหนะนะ คอเนฟนึกถึงใบหน้าอันห่างไกลจากคำว่าสง่างามหลายโยชน์นักของลูวิสกี้ขึ้นในหัวตน หลังจากฟังคำพูดของคู่สนทนาอยู่ได้สักพัก เขาก็ยิ้มเหยียด ๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า อย่าบอกนะว่า หมอนั่นกะจะยุยงให้จักรวรรดิกับสมาพันธ์รบกันจนล้มไปตามกัน แล้วเฟซานจะได้เป็นตาอยู่ชุบมือเปิบน่ะ เป็นเรื่องที่บ้าบอสิ้นดีเลยล่ะ ก็นั่นไง กันถึงได้บอกว่าเป็นข่าวลือที่แปลก ๆ น่ะแหละ อย่าหัวเราะแบบนั้นสิ กันไม่ใช่คนต้นคิดเรื่องข่าวนี่นะเฟ้ย ให้ตายเถอะ ใครเป็นคนปล่อยแนวคิดเรื่องนี้ออกมาวะ คอเนฟยื่นมือออกไปยังแก้วเบียร์ดำแก้วใหม่ แต่แล้วก็ต้องเอียงคอข้างหนึ่งกระทันหัน จะว่าไป ในกรณีนี้ สมการที่ว่า ข่าวลือแปลก ๆ ย่อมหมายถึงความน่าเชื่อถือที่ต่ำไปด้วยนั้นมันไม่เป็นจริงเสียแล้ว ลูวินสกี้นั้น จนถึงบัดนี้ ทุกคนให้การยอมรับว่าเป็นผู้นำที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ แท้จริงแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่หลงงมงายในความคิดที่เป็นไปไม่ได้ก็ได้ หรืออยู่ ๆ วันหนึ่งอาจจะบ้าขึ้นมาก็ได้ คอเนฟผู้ยังหนุ่มเชื่อเสมอว่า เฟซานนั้นเป็นเสมือนเป็นพยาธิ หรือกาฝากดี ๆ นี่เอง ปราศจากสัตว์อื่นหรือพืชอื่นให้เกาะกินแล้ว พยาธิหรือกาฝากนั้นก็ย่อมจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน หากทั้งจักรวรรดิและสมาพันธ์ตายตกไปตามกันแล้ว เฟซานก็ย่อมอยู่ไม่ได้ด้วย ทุกคนในเฟซานน่าจะตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และไม่มีใครแกว่งเท้าหาเสี้ยน พาเฟซานไปเข้าวังวนการแย่งชิงอำนาจทางการทหารหรือการเมืองเด็ดขาด เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะว่าแต่ แกได้งานใหม่รึยังวะ? คอเนฟเปลี่ยนหัวข้อสนทนา งานพาคณะสาวกลัทธิบูชาโลกมนุษย์จำนวนสามหมื่นคนไปส่งที่โลกน่ะ เห็นว่าจะไปจาริกบุญ ณ แดนศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์? เออ หมายถึงโลกมนุษย์นั่นแหละ เฮอะ คงศักดิ์สิทธิ์ตายหรอกนะ หนุ่มเจ้าของยานพาณิชย์หัวเราะฮึออกมา เรื่องพระเจ้าเอย ศาสนาเอย สำหรับเขาแล้วเป็นแค่เรื่องตลกไร้สาระเท่านั้น - หากพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งสมบูรณ์แบบสูงสุดในจักรวาลนี้มีจริงล่ะก็ แน่จริงลองสร้างมนุษย์ผู้หญิงที่ไม่เชื่อฟังตัวเองออกมาสิ ถ้าสร้างไม่ได้ก็แสดงว่าพระเจ้าไม่แน่จริง แต่ถ้าสร้างได้... การที่สร้างสิ่งที่ไม่เชื่อฟังตัวเองออกมา ก็แสดงว่าตัวเองไม่แน่จริงอยู่ดีนั่นแหละ... แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า ในระยะหลัง ๆ นี้ ลัทธิบูชาโลกมนุษย์อะไรที่ว่า กำลังเพิ่มจำนวนสาวกผู้ศรัทธาของตนอย่างรวดเร็ว น่าตกใจทีเดียว คอเนฟเองไม่อาจจะหยั่งรู้ได้เลยว่า นี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ หลังจากดื่มเบียร์ดำแก้วที่สองเกลี้ยงแล้ว คอเนฟก็ร่ำลาเพื่อนแล้วออกจากร้านนั้นมา ตรงไปยังตึกของสนามบินอวกาศ แล้วเดินเข้าไปยังห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งที่เช่าเป็นสำนักงานของเขา ออฟฟิศเซอร์ (หัวหน้าธุรการ) งานชิ้นต่อไปเข้ามายัง? มาริเนสค์- หัวหน้าธุรการ หรือจะว่าไปก็คือ ผู้จัดการของเขานั้นแก่กว่าเจ้าของยานพาณิชย์เพียง 4 ปีก็จริง แต่ดูภายนอกแล้วเหมือนจะแก่กว่ากันสัก 10 ปี เขาเป็นชายหัวเถิก ล้านเข้าไปครึ่งศีรษะแล้วทั้งที่ยังหนุ่มแท้ ๆ แถมยังอ้วนตุ๊ต๊ะ ร่างกายเต็มไปด้วยไขมันส่วนเกิน กิริยาท่าทางก็ไม่คล่องแคล่วปราดเปรียวเลย ชวนให้นึกถึงชายวัยกลางคนที่เบื่อโลกเสียเหลือเกิน แต่หากปราศจากความสามารถในด้านการจัดการและการบัญชีของคนผู้นี้แล้ว ยานพาณิชย์อิสระเวเรียสก้าคงถูกขายทอดตลาดเพราะล้มละลายไปตั้งนานแล้วเป็นแน่ งานคราวนี้เป็นงานขนคนเน้อ ขนคุณหนูลูกเศรษฐีใหญ่ที่ไหนไปเที่ยวเหรอ? นี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นความหวังต่างหาก ขนคณะจาริกบุญหนึ่งคณะไปโลกมนุษย์ต่างหาก ... คอเนฟย่นหัวคิ้วชิดกัน คว้าเอกสารไปพลิก ๆ ดูพักหนึ่ง ก็ปิดแฟ้มเอกสารนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด ไปโลกมนุษย์นี่นะ ขากลับยานเราก็ว่างโบ๋เลยนะสิ ดาวเคราะห์นั่นมีอะไรให้เราขนกลับซะที่ไหนล่ะ ทรัพยากรอะไรไม่เหลือสักแอะ ก็รับขนคณะจาริกบุญที่จะกลับจากโลกไงล่ะคุณ และที่สำคัญ เรารับเงินล่วงหน้าเขามาแล้วด้วย... รู้ ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอว่า ถ้าไม่เก็บเงินให้ได้อีกสามเจ้าภายในพรุ่งนี้ละก็... เวเรียสก้าเรากำลังคับขันนะครับ เจ้าของยานพาณิชย์หนุ่มทำเสียงจึกในปากอย่างไม่สบอารมณ์ นึกสงสัยในใจว่า ไอ้บรรยากาศคึกคักในท่ามกลางสภาวะสงครามมันหายไปไหนหมดแล้วหว่า? ให้ตายเถอะ ชาตินี้จะได้มีโอกาสขนส่งแร่ธาตุเรเดียมอันล้ำค่า หรือ เม็ดเพชรที่เพิ่งขุดได้จากเหมืองให้มันเต็ม ๆ ท้องยานแล้ววิ่งห้อจากดาวดวงหนึ่งไปอีกดวงหนึ่งกับเขาไหมนะ เผื่อจะได้มีโอกาสรับถ้วยรางวัล ซินแบด ประจำปีมาประดับห้องทำงานกับเขาบ้าง แต่นี่ก็แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น หากนายมาริเนสค์ผู้ซึ่งเคร่งเครียดเหมือนกับเป็นร่างจำแลงของสภาพความจริงที่กลายเป็นตัวคนสวมเสื้อผ้าขึ้นมารู้เข้าละก็ คงไม่พ้นวิจารณ์ว่า ถ้าคุณทิ้งความใฝ่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะรวยแบบก้าวกระโดดได้เมื่อไรละก็ นั่นแหละคือก้าวแรกที่จะนำตัวเองไปสู่ความเป็นพ่อค้าใหญ่ล่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คอเนฟก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเลือกงานได้ ทั้งนี้นอกจากปากท้องของตัวเองแล้วเขายังมีปากท้องของลูกเรืออีกยี่สิบกว่าชีวิตที่จะต้องรับผิดชอบอยู่ด้วยนั่นเอง
กองเรือรบนี้ ก็คือ กองเรือรบภายใต้การนำของเคียร์ชไอซ์นั่นเอง เขาแยกจากไรน์ฮาร์ดมาคุมกองเรือรบเพื่อปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณหมู่ดาวไกลโพ้น เพื่อให้ไรน์ฮาร์ดสามารถทุ่มเทกำลังกับการปราบกองทัพของพันธมิตรขุนนางได้เต็มที่โดยไม่ต้องพะวงหลัง ท่าทีของเคียร์ชไอซ์ที่ปรากฏบนหน้าจอสื่อสารนั้นเต็มไปด้วยความเป็นมิตร ทำให้คอเนฟแอบลูบอกตัวเอง พลางกล่าวชี้แจงความเป็นไปเป็นมาของพวกตน ... ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นผู้แสวงบุญครับท่าน ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เป็นคนชรา ผู้หญิงและก็เด็กด้วยครับ ท่านจะลองส่งคนมาตรวจค้นดูก็ได้... ไม่ต้องหรอก เคียร์ชไอซ์ส่ายหน้าปฏิเสธทันที นัยน์ตาสีฟ้าที่มองผ่านจอไปยังกลุ่มผู้แสวงบุญเหล่านั้นมีแววสงสารเจืออยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนยากคนจนทั้งสิ้น และต้องใช้ชีวิตในการเดินทางอวกาศเฉพาะขาไปขาเดียวก็กินเวลาถึงหนึ่งเดือนในท้องยานขนส่งสินค้านี้ โดยอาศัยเตียงสนามราคาถูก และอาหารแห้งสามมื้อกินประทังชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานลำเลียงสินค้าย่อมถูกกว่าการเช่ายานขนส่งผู้คนถึงสิบเท่าทีเดียว แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองในชีวิตแต่อย่างไร ด้วยเพราะในทางนิติกรรม ถือว่าเป็นการเช่ายานเพื่อ ขนสินค้า นั่นเอง มีอะไรขาดเหลือบ้างไหม? อย่างเช่น อาหาร หรือพวกยา... เคียร์ชไอซ์หันไปถามหัวหน้าคณะแสวงบุญซึ่งเป็นชายชราคนหนึ่ง เมื่อได้รับคำตอบว่า พวกเขามีนมผงสำหรับเด็ก, โปรตีนสังเคราะห์ และผงซักฟอกไม่เพียงพอ ผู้การหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้คราหนึ่ง แล้วหันไปสั่งลูกน้องของตน- พันเอกจินเซอร์ ให้แบ่งปันของดังกล่าวจากกองเสบียงของกองเรือรบไปให้คณะแสวงบุญคณะนี้ด้วย หัวหน้าคณะแสวงบุญระล่ำระลักขอบคุณด้วยอาการงก ๆ เงิ่น ๆ เคียร์ชไอซ์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วก็พูดเพียงแต่ว่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็ตัดภาพการสื่อสาร มาริเนสค์ถึงกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากเถิก ๆ ของตนอย่างประทับใจ เป็นคนดีจริง ๆ เลย...ผู้การเคียร์ชไอซ์นี่ นั่นสิ น่าเสียดายจริง ๆ อ้าว??? เสียดาย? อะไรหรือครับ คนดี ๆ มักจะอายุสั้นนะสิ ยิ่งในสถานการณ์สงครามแบบนี้ด้วย... ตอบแล้วคอเนฟก็ชำเลืองไปมองมาริเนสค์ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่รับมุข ก็เลยเสเดินไปทางที่นั่งกัปตันยานของตน ผู้จัดการเรือมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่กำลังเดินไป พลางได้แต่คิดในใจว่า ถ้าเจ้านายหนุ่มของตนแก้นิสัยชอบพูดคำคมไม่ถูกกาลเทศะนี้ได้ละก็ คงจะมีเสน่ห์ขึ้นอีกไม่น้อย แล้วก็แอบส่ายศีรษะเอือมระอา หนทางยังอีกไกลนักกว่าจะถึงโลกมนุษย์ |