นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ |
เรื่องสั้น
บันทึกรักของคนรักกัน
23 ตุลาคม วันปิยะมหาราช
รสตื่นตั้งแต่เช้า
ก็วันนี้เป็นวันที่พวกเราไปเชียงใหม่กันนี่นา
รสรีบเก็บเสื้อผ้า
หยิบอ้ายโน่นออก
หยิบอ้ายนี่ใส่จนเต็มสองกระเป๋า...แล้วก็รื้อไปรื้อมาเช่นนั้นจนถึงเที่ยงวัน
นั่งดูรายการทีวีจนจบ
แล้วก็จรลีไปหาเพื่อนที่บ้าน
ใจจริงรสไม่อยากไปหาหรอก
แต่ทำไงได้
บ้านรสมันจมน้ำเสียแล้ว
รสจึงต้องย้ายสมบัติไปให้ทัน...ก่อนที่น้ำจะท่วมมิดหัว..ก็ซอย(ถนนตะหาก)
บ้านรสน่ะขนาดรถเมล์ยังตายเลย
เด็ดขาดจริงๆใช่ไหม
รสไปหาวสินที่บ้าน...เพราะบ้านเขาเป็นเนิน
น้ำไม่กล้าแหยม...บ้านวสินจึงดูมีเสน่ห์น่าไปนั่งเล่นนอนเล่นมากกว่าบ้านเพื่อนคนอื่น
พูดถึงวสินเขาเป็นแฟนของแสงจันทร์เพื่อนของรสเอง
กลุ่มเราจะไป 4 คน คือวสินกับแสง
รสแล้วก็นก นกนั้นบ้านเขาอยู่
"จุดวิกฤต" ของเมืองนี้
เรานั่งรอนกจนถึงทุ่มกว่าๆ
พ่อของนกก็โทร.มาบอกเราว่าเขาไม่อนุญาติให้นกไป
เหตุเพราะเกรงน้ำเหนือจะบ่า
ทันใดนั้น
นกก็ตะโกนด้วยเสียงสะอื้นอันเกร่งกล้าโกรธเคืองว่า
"พ่อเขากลัวว่าจะไม่มีคนช่วยสูบน้ำ"
นั่นปะไร
ตรงกับภาษิตใหม่ถอดด้ามที่ว่า
"น้ำขึ้นให้รีบสูบ
เสียจริงเชียว"
พวกเราจึงเหลือสาม
แต่ไม่เป็นไรรสจะไม่กวนแสงกับวสินหรอก
ถึงรสจะไม่มีแฟนก็พอจะเดาออกหรอกน่า
คนรักกันเขาก็ค่งอยากอยู่ด้วยกันสองต่อสอง...รสจึงเอาเทปจิ๋วกับหูฟังไป...เอาเกมส์กดไป
3 อัน
หนังสือนวนิยายที่ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ปีก่อน
สามเล่ม
รถออกตรงตามเวลาไทยเป๊ะ
รึว่ามันเป็นธรรมเนียม
เป็นการเอาฤกษ์เบิกโรงก็ไม่รู้ได้
เพราะรถออกช้าไปสองชั่วโมงครึ่ง
น่าหอมแก้มคนจัดเสียจริงเชียว
ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก
พวกชุมนุม ฯลฯ
ที่มหาวิทยาลัยรสจัดนั่นเอง
เห็นว่าจะเก็บเงินไปสร้างโรงรงโรงเรียน
รสก็เลยอยากสมท่บทุน แน่ะ...
ทวงบุญคุณซะอีก
อยากแอ่วเจียงใหม่ ต่างหากเจ้า
24 ตุลาคม
ถึงเชียงใหม่ เกือบเที่ยง
เพราะคนขับขาเป็นตะคริวเหยียบคันเร่งไม่ถนัด...เปล่าหรอก...เพราะเหตุว่า...คนขับเขาถือคติ
"ใจเย็นเป็นต่อ" ต่างหาก
...ฉะนั้นรถคันแรกจึงไปเชียงใหม่และไปเที่ยวดอยสุเทพกลับมาเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่รถคันที่สองเพิ่งจะเข้าเทียบที่พัก
ของวาย.เอ็ม.ซี.เอ.
เสียงวสินบอกว่า
เราได้เปรียบที่ไม่ต้องขึ้นบันไดสองร้อยกว่าขั้นของดอยสุเทพ...เป็นยังงั้นไปเสียนี่
ที่จริงมันต้องขาดทุนไม่ใช่หรอกหรือ
เรารีบอาบน้ำแต่งตัวกันจนเหงื่อออกทันทีที่ใส่เสื้อผ้าครบชุด
"เตรียมเสื้อผ้าสองชุดนะฮะ
เราจะขึ้นไปข้างกันที่ห้วยน้ำดังกัน"
เสียงโทรโข่งดังแว่วๆเข้ามา
คนพูดตัวดำเหมือนเหนี่ยง
ใส่เสื้อม่อฮ่อมกับกางเกงยีนส์โทรมๆ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือรองเท้าฟองน้ำที่ส้นสึกไปกว่าครึ่ง
รสมองเขาด้วยความแปลกใจ...ท่ามกลางความฟู่ฟ่าของคนรอบข้าง
คนถือโทรโขงในมือคนนั้น
ทำไมถึงโทรมจัง
หรือว่าเขาเป็นเด็กกระเป๋ารถคันที่รสนั่งมา
ตายแล้ว...เขามาหยุดตรงรส
"ไม่ต้องรีบหรอกนะฮะ..ช้าก็ตกรถเอง"
แล้วเขาก็ยิ้มหวาน...หวานจนรสขนลุก
(จริงๆนะ..ขนลุกจริงๆ)
นึกไม่ถึงว่า
นายคนที่ดำปิ้ดปี๋จะยิ้มได้เข้าที่ถึงเพียงนี้...แต่พอเขาหุบยิ้ม
ความอัปลักษณ์ก็เข้าครองเหมือนตอนแรกนั่นแหละ
เขาเดินไปคุยกับคนโน้นทีคนนี้ที
รสเองก็เก็บของไปเรื่อยๆได้ยินเสียงเพื่อนของเขาตะโกนเรียกเขา
"นพัธ...มันอยู่ไหนของมันวะ
นพัธโว้ย"
อ๋อ...ชื่อนพัธเหรอพ่อคุณ
รสอยากเรียกเขาว่า "เมี่ยง"
จังเลย...บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงอยากเรียกยังงั้น
คงเพราะเขาดำจนได้ที่เหมือนสีของไข่พะโล้ที่รสพึ่งหม่ำไปเมื่อเช้านั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้
"ช่วยถือไหมป้า" เขามาแหย่รส
รสขันกับคำพูดของเขา
"โธ่พวกเสื้อหนาวน่ะไม่ต้องขนไปหรอกฮะ
พวกเสื้อกล้ามซี่น่าขนไปให้เพียบเลย"
"เหรอฮะ"
รสเชื่อคำพูดเขาเต็มเปา
"ที่โน้นร้อนเหรอ"
"ฮะ"
นพัธรับคำเสียงน่าเชื่อถือ
"น้ำที่โน่นน้ำแข็งบ้านเราอุ่นกว่า"
เอ๊ะก็แปลว่า...ที่โน่น
ที่ห้วยน้ำดังโน่นหนาวยะเยือกซีนะ
นายนพัธนี่เชื่อไม่ค่อยได้เลย
เขาพูดอะไรขำๆกับรสประเดี๋ยวหนึ่งก็แยกไปช่วยสาวอื่นถือกระเป๋า
แล้วก็พูดกับสาวนั้นเหมือนกับพูดกับรสไม่มีผิดเพี้ยน
ทางขึ้นห้วยน้ำดัง
น่ากลัวและขรุขระมากจนรสเอวเคล็ด
อ้อเรานั่งรถสองแถวไป
รสมองหานพัธ หรือ "นายเมี่ยง"
อยู่ครู่หนึ่ง ช่างเหอะ
เขาคงจะไปยิ้มหวานอยู่แถวไหนนั่นก็แล้วแต่ว่าตรงนั้นมีสาวงามอยู่หรือเปล่า
ถึงห้วยน้ำดังก็ค่ำพอดี
อากาศหนาวเย็นจนรสสั่นกึ่กๆ
รสยืนรอกระเป๋าซึ่งอยู่บนหลังคา
และที่สำคัญเสื้อหนาวอยู่ในกระเป๋า
รสจึงยืนกอดอกรออยู่
มีเสียงโทรโข่งแว่วมาข้างหลัง
"เอ่อ เจ้าหน้าที่ที่นี่
ขอความกรุณาพวกเราว่า
อย่าแต่งตัวกันให้โป๊กันมากนะฮะ"
โธ่เอ๋ย ใครจะอยากโป๊เล่า
ในเมื่อมันหนาวยังงี้
อีตาบ้าเอ๊ย...
รสรู้สึกอุ่นขึ้น
เมื่อได้ทานอาหารร้อนๆ
และนั่งอยู่รอบๆกองไฟ
นายเมี่ยงของรส...เอ...รสจะยึดเขาแล้วหรือไง
เอาเป็นว่าเขาเป็นพระเอกของแค้มป์ไฟวันนี้ก็แล้วกัน
เรื่มตั้งแต่เป็นโฆษก
เป็นตัวตลกในละคร
เป็นต้นเสียงร้องเพลงแปลงเนื้อ...ที่เปลี่ยนเนื้อเพลงจนสิ้น...เรียกเสียงฮาจนแทบจะขาดใจตายไปตามๆกัน
"ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์จริงๆนะ"
เสียงผู้หญิงข้างๆบอกรสเบาๆ
พร้อมกับทำนัยน์ตาฝันๆ
อย่างนางเอกในหนัง
นี่นายเมี่ยงจะรู้ไหมนะว่ามีสาวๆ
"เสร็จ" เขาหนึ่งหละ
เสียงเขาดังเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะคุยจะพูดอะไรก็น่าฟังทั้งนั้น
รสว่าคนที่มีเสน่ห์ในการพูดนี่ได้เปรียบจริงๆ
ดีเสียยิ่งกว่าคนหล่อแล้วไม่มีสมอง
ไม่มีอารมณ์ขันตั้งหลายเท่า
แต่นั้นก็แหละนะ
ถ้านพัธพูดจาไม่สนุกอย่างที่เห็น
ก็คงหาแฟนได้ยาก
เพราะจะมัวอาศัยแต่ยิ้มหวานอย่างเดียวก็คงไม่ทันกิน
"เอาหละนะฮะ...ผมจะนับหนึ่งถึงห้า...หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ใจเย็นครับใจเย็น
อีกสามวันผมจะมานับห้า"
ว่าแล้วเขาก็แหวกคนที่ยืนล้อมรอบกองไฟ...ทำทีว่าอีกสามวันจะกลับมาใหม่จริงๆ
คืนนั้นหนาวยะเยือก
รสอยากจะหลับแต่ก็หลับไม่ลง
เพราะเห็นหน้า "นายเมี่ยง"
มาลอยอยู่ตรงหน้า
แว่วเสียงของเขาในโสดประสาท...ยิ้มหวาน...หวาน
เอ้อ เป็นผู้หญิงก็อย่างนี้เอง
ชอบเขาก็จีบเขาไม่ได้
เสียเปรียบชมัด
25 ตุลาคม
นายเมี่ยงมาปลุกตอนตีห้าครึ่งให้ลุกขึ้นมาคุยกับพระอาทิตย์แล้วน้ำตาก็พาลจะไหลเสียให้ได้...ภาพตรงหน้าเป็นเมฆหมอกปกคลุม
ขาวโพลนเหมือนโรงงานทำสำลีที่ไม่มีหลังคา...มันคงจะนิ่ม...ดูซิมันขาวน่ากินจัง
แสงกับวสินเดินไปถ่ายรูปกันที่หน้าผาเสียงคุ้นๆดังอยู่แต่ไกล
"ถอยไปอีกหน่อยละก็สวยเลยฮะ"
รสหันตามเสียงนั้นไป
เห็นแสงจันทร์ยืนหมิ่นเหม่อยู่ที่หน้าผา
โถ
แล้วนายเมี่ยงยังจะแซวให้ถอยหลังไปอีกหน่อย
"อยากได้แบล็คกราวน์...คนบินมั้ยฮะ"
เสียงนั้นดูราวกับพร้อมจะช่วยกระโดดลงไปเป็นแบล็คกราวน์กลางอากาศให้ด้วยความเต็มใจ
พอหันมาเห็นรสหนาวสั่นก็ทักว่า
"มานั่งเหงือแตกอยู่นี่เอง"
นายเมี่ยงจี้เส้นแต่เช้าเชียว
ว่าแล้วก็ยิ้มให้รส
มันเหมือนฉายหนังซ้ำ
ก็เขายิ้มกี่ทีกี่ทีก็เหมือนกันไปหมดทุกครั้งนี่นา
"ทำไมไม่เอาแฟนมาละฮะ"
ดูเถอะคนเราเนี่ยมีศิลปะในการพูดเหมือนกันซะที่ไหน
นี่ถ้าเขาจะถามว่า
"คุณมีแฟนหรือยัง"
รสคงจะต้องวูบวาบ
แต่ประโยคที่เขาถามมามันต่างกันไกลลิบ
ใจจริงรสอยากจะบอกว่า
ก็อยากมาเจอเมี่ยง
เอ๊ย...นพัธนี่ฮะ
แต่ใครจะกล้าพูดกับคนที่เพิ่งเจอกันวันสองวันหวานจ๋อยขนาดนั้น
ยิ่งคุยกับเขารสก็ยิ่ง
"ติดเหง็ก"
นี่ถ้าจับความรู้สึกของรสไปใส่ปรอทได้
มันคงแตกไปแล้วก็ได้
เพราะความรู้สึกที่มีให้เขามันพุงเร็ว...เร็วจนรสเองก็ใจหาย
ตกค่ำวันนั้น ทางคณะก็จัดเลี้ยง
"ขันโตกดินเนอร์"
รสแต่งตัวด้วยชุดสีดำ
กะว่าจะสวยสุดใจ
แต่พอหันไปเห็นนพัธก็รู้สึกว่าตัวเองสวยเกินไปเสียแล้ว
เพราะเขายังใส่เสื้อม่อฮ่อมตัวเก่า
เฮ้อ...ถึงจะเหม็น
แต่รสก็ยังอยากเข้าใกล้อยู่ดี
ไม่รู้สินะจะเป็นเพราะรสมีความสุขที่คุยกับเขารึเปล่ารสก็ไม่รู้เหมือนกัน
คืนนั้นรสได้เพื่อนใหม่หลายคน
ก็เลยชวนกันไปเที่ยวไนท์คลับ
นี่ถ้าจะชวนนพัธเขาจะไปไหมนะ
เขาอาจจะเกี่ยงว่า
เขาแต่งตัวหล่อไม่พอก็ได้ เอ๊ะ!
รสนี่ยังไงกันนะหายใจเป็นนายคนนี้ไปหมด
26 ตุลาคม
วันนี้เขาจะพาไปเที่ยวน้ำตก
จึงให้หาซื้ออาหารไปกินกันเอาเอง
รสซื้อขนมไว้หลายอย่าง
กะว่าคืนนี้จะย่องเข้าไปวางไว้ให้เขาในห้อง
เสียงโทรโขงแว่วเข้ามาแล้ว
"รสฮะ"
เอ...เขารู้จักชื่อรสได้ยังไงกันนะ"
ทานขนมครกนี่ซี่ฮะ...เห็นแม่ค้าบอกว่าวันวานยังหวานอยู่
แต่วันนี้น้ำตาลขาดตลาด
อาจจะจึดไปบ้าง"
รสหัวร่อร่วน
"นพัธนั่งตรงไหนน่ะ"
รสถามถึงที่นั่งในรถ
เขาถอนหายใจก่อนจะพูดว่า
"นั่งทุกพนักพิงที่มีคนรู้จักน่ะฮะ...เพราะที่นั่งมันขาดไปที่นึง"
เขาทำหน้าดำมืดนั้นได้น่าสงสารนัก
"งั้นมานั่งกับรสมั้ยฮะ
เพื่อนรสไม่มาคนนึง"
"ดาดาดา...อะฮ้า...รสพูดจริงเหรอ"
นพัธทำให้รสหายเหงา
แต่กระนั้นรสก็ยังง่วงอยู่ดี...เพราะรสเป็นดรคแพ้รถ
นั่งรถไม่ได้เป็นต้องงีบทุกทีไป
"เอ่อ...รสฮะรสเคยอยู่ในโรงเรียนกินนอนรึเปล่าฮะนี่"
ดูเถอะเขาแซวที่เห็นรสกินแล้วก็นอนอยู่สองอย่าง
"พี่พัธคะ มานี่หน่อยซิคะ"
เสียงสาวๆกลุ่มใหญ่เรียกเขามันเป็นเสียงที่รสรู้สึกเกลียดอย่างช่วยไม่ได้
"อย่าเพิ่งหลับนะป้า"
เขหันมาสั่งอย่างเขินๆ
คืนนี้รสเห็นเขาถือโทรโข่งคู่ใจลงไปข้างล่าง
จึงแอบย่องเอาขนมไปให้เขาในห้อง
แต่รสก็อดโมโหไม่ได้เมื่อพบถุงกล้วยฉาบ
1 ถุงมีชื่อ "เจี๊ยบ"
ติดหราอยู่
เห็นถุงข้าวเกรียบกุ้ง 2 ถุง
และที่เสื้อม่อฮ่อมมีลายมือบรรจงเขียนไว้ว่า
"เปลี่ยนเสื้อซะพี่พัธ"
รสก็เลยถือถุงขนมเดินกลับห้องอย่างหงอยๆ
มองไปที่เตียง เอ๊ะ นั่นอะไรหว่า
ถุงขนมนี่นา นพัธ
เขาจะเป็นเจ้าของมันหรือเปล่า...ขอให้ใช่ที่เถอะ
รสกอดถุงขนมแนบอก
จะบ้าก็คราวนี้แหละวะเรา
27 ตุลาคม (วันสุดท้าย)
เช้าขึ้นมาเพื่อนที่ไปเที่ยวคลับด้วยกันมาถามว่า
ได้กินขนมรึเปล่า
เล่นเอารสฝันสลาย...เสียงสาวๆคุยกันว่า
"นี่ตัวรู้เรื่องคนตกน้ำเมื่อวานนี้รึเปล่า"
รสหยุดฟังเพราะเกรงว่า
เขาจะตกน้ำตายไปเสียแล้ว
"ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่นน้ำตก
แล้วลื่นลงไป...พี่พัธเค้าก็เลยกระโดดลงไปช่วย"
ฮีโร่ซะจริงเลยแฟนชั้น
รสบอกกับตัวเอง
พร้อมกับอมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในตัวนายเมี่ยง
ถึงจะดำแต่ก็มีประโยชน์
ดูเถอะช่วยชีวิตคนก็ได้
น่ารักจริงๆเล้ย...ย
รสมองหานพัธเท่าไหรๆก็ไม่เจอ...อ้าว
นั่นไง
ทำไมวันนี้เขาถึงหล่อนักนะไม่ยักโทรมเหมือนสาม-สี่วันก่อน
วันนี้เขาใส่เสื้อลายสก็อตสีดำ-ขาว
กับกางเกงยีนส์ที่ใหม่กว่าทุกตัว...เสียดายอยู่อีตรงยังลากรองเท้าฟองน้ำสึกกร่อนอยู่อย่างเดิม
"ประธานฮะ...พี่สายให้มาเบิกเงิน"
รสถึงกับตาค้าง
นายเมี่ยงของรสเป็นประธานชุมนุมหรือนี่มิน่าเล่าเขาถึงได้เสียสละอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมาโน่นแล้ว
วันนี้ทางคณะพาไปเที่ยวที่วังกุหลาบที่เขาเคยถ่ายหนังเรื่อง
"ขอรักเธออีกสักครั้ง"
นั่นไง...นพัธตามมาข้างหลัง
รสแกล้งเดินช้าๆ ดีกว่า
"วันนี้ไม่ถืออาวุธเหรอพัธ"
รสแซวเขาด้วยปลื้มใจที่เขาตามรสมาตลอดทาง
และดีใจมากที่เขาไม่ต้องคอยถือโทรโข่งประกาศอะไรอยู่ตลอดเวลา
"ขี้เกียจแล้ว
อยากแสดงหนังมากกว่า"
นพัธพูดจริงจัง
"ว่าจะเล่นเรื่องขอรักเธอสักสองครั้ง...ให้นางเอกชื่อ
"ทรายแก้ว"
รสเล่นเป็นทรายแก้วนะ"
รสหัวเราะชื่อนางเอกของเขา
และก็ออกจะเป็นสุขที่เขาให้รสเล่นเป็นนางเอก
"แล้วผมจะเล่นเป็นพ่อนางเอก"
นพัธหักมุมจนรสอยากจะหยิก
เราคุยเล่นกันอย่างกับรู้ว่า
มันเป็นช่วงสุดท้ายแล้วละนะ
เดี๋ยวคืนนี้ต้องกลับกรุงเทพแล้วนะ
แล้วก็อาจจะไม่ได้พบกันอีกจนกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิด
นพัธเก็บดอกไม้ให้รสดอกหนึ่งมีสีขาวเหมือนสีของเมฆหมอกที่ห้วยน้ำดัง
มันขาวบริสุทธิ์ แต่โอ๊ย
มดกัด...มดกัดมือรส..
"นี่นพัธน่ะบาปกรรมรู้มั้ย
ไปแยกพ่อแม่ลูกของมดมา"
"ไหนรสว่าไงนะ"
นพัธหัวเราะขัน
"พ่อแม่ลูกของมด"
เขาหัวเราะอีก
"ก็จริงนะซี่
นพัธไม่รู้เหรอว่า...โลกนี้ไม่ใช่โลกของมนุษย์อย่างเดียวนี่หนา"
นพัธถึงกับอึ้ง "รสพูดถูก"
พอจบคำก็หันหน้ามาทำหน้าทะเล้น
"ผมขอไถ่โทษด้วยการเกาให้
ไหนรสคันตรงไหน"
เวลาที่เรามีความสุขมันมักจะรวดเร็วเสมอ
ถึงเวลาที่จะต้องเก็บของลงกระเป๋าเสียแล้ว...นพัธ...เขาจะมีอะไรในความรู้สึกสักนิดหรือเปล่า
รสไม่แน่ใจหรอก
เพราะคุยกับใครๆไปทั่ว
รสหิ้วกระเป๋าขึ้นรถ
และลงนั่งริมหน้าต่าง...สักครู่นพัธจึงขึ้นมานั่ง
เขาเอาสร้อยเม็ดกระถินเส้นละบาทสามเส้นมาสวมให้รส
"ผมซื้อมาจากเด็กพิการที่น้ำตกแม่กลาง"
สองข้างทางมืดมิด
โชเฟอร์ปิดไฟเพื่อให้กลืนกับความมืดรอบข้าง
รสเอนหัวพิงกระจกรถ
ค่าที่มันปิดไม่สนิทจึงสั่น
กึ่ก ๆๆๆ
นึกขำ
ผู้ชายที่นั่งติดเนื้อตัวชิดกันคนนี้
กับผู้ชายตัวดำมือที่ถือโทรโข่ง
จนรสนึกว่าเป็นกระเป๋ารถคนนั้น
เขาเป็นคนคนเดียวกันจริงละหรือ
"รสฮะ
ช่วยอะไรผมหน่อยได้มั้ย"
เขากระซิบแผ่วๆที่ข้างหู...เมือรสพยักหน้า
เขาจึงบอกว่า
"รสช่วยเอาหัวพิงบ่าผมทีได้มั้ยฮะ
ผมสะพายโทรโข่งจนเมื่อย"
รสสบตาเขา
แทนที่เขาจะบอกให้รสซบบ่าเขา
รสก็คงจะเขินคงจะซบกระจกสั่นๆนั้นต่อไป
แต่นี่เขา...ใช้คำพูดน่ารัก
น่าที่จะช่วยเหลือ
รสจึงทำอย่างที่เขาบอก
รู้สึกว่ามีลมหายใจอุ่นๆ
รดรินอยู่ใกล้ๆ
นึกแปลกใจตัวเองที่เคยเป็นคนแพ้รถ
นั่งปุ๊บเป็นหลับปั้ป
แต่ทำไมครานี้ถึงตาแป๋วได้ก็เหลือจะเดา...
อยากให้มีแต่วันนี้
วันที่ชิด...สนิทใกล้
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
ในหัวใจจึงร้อนรน
อยากรู้ซึ่งใน...หัวใจเขา
หากมีเราอยู่เปี่ยมล้น
จะไม่ขอรัก...ใครสักคน
เพราะรักเขาจน...ล้นหัวใจ
โดย "อุ๋มอิ๋ม"
You are Poet 2543 |
| Home
| การแต่งร้อยแก้ว
| การแต่งร้อยกรอง
| วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com