นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ เรื่องที่อยากเล่า |
Hi, เรื่องสั้น ฉันชื่อ "อินทุอร" บ้านเดิมอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฉันจากบ้านมาตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ เพราะพ่อแม่แท้ๆ ของฉันยกฉันให้เป็นบุตรบุญธรรมของสามีภรรยาที่เป็นญาติห่างๆของเราคู่หนึ่ง พ่อกับแม่ใหม่ของฉันไม่มีลูก จึงรัก และเลี้ยงดูฉันอย่างดีเหมือนลูกของแกแท้ๆ ฉันรักและเคารพท่านทั้งสองมาก แต่ก็ไม่เคยลืมว่าฉันยังมี "พ่ออิน" และ "แม่อร" อยู่ที่อยุธยา พ่อและแม่ของฉันอนุญาตให้ฉันไปเยี่ยมพ่ออินกับแม่อรได้เป็นครั้งคราว โดยท่านทั้งสองเป็นผู้พาไป และเมื่อฉันโตขึ้นจนสามารถดูแลตัวเองได้ ฉันก็เดินทางไปเอง แต่ก็ทำไม่ได้บ่อยนัก เพราะฉันมีภาระที่ต้องทำทั้ง ช่วยงานในร้านอาหารของพ่อกับแม่และเรียนหนังสือ ยิ่งโตขึ้น ภาระของฉันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉันเป็นทั้ง พนักงานต้อนรับ พนักงานเสริฟอาหาร และแคชเชียร์คอยเก็บเงินลูกค้าในเวลาเดียวกัน จริงๆแล้วงานสองอย่างแรก ไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องทำ แต่เมื่อใดที่ลูกค้าเข้าร้านมากๆจนเด็กๆของเราไม่สามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ฉันก็ต้องลงไป ช่วย แต่ในช่วงหลังๆมานี้ฉันได้รับคำสั่งจากพ่อกับแม่ให้งดช่วยงานในร้านชั่วคราว เพราะฉันต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น เพื่อเตรียมเอนทรานซ์ในปีหน้า ฉันจึงเอาเวลาที่เหลือไปสมัครเรียนพิเศษตามที่ต่างๆ เกือบสองปีเต็มๆที่ฉันไม่ได้ ไปอยุธยา แต่ฉันก็ยังระลึกถึงพ่ออินกับแม่อรของฉันอยู่เสมอ ฉันตั้งใจไว้ว่า จะสอบเอนทรานซ์ให้ติด แล้วจะนำข่าวดีไปบอกท่านทั้งสองที่อยุธยาด้วยตัวเอง กำหนดวันสอบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันต้องฟิตตัวเองให้มากขึ้น ฉันใช้เวลาหมดไปในแต่ละวันกับการเรียนพิเศษ อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด และข้อสอบเก่า ในสมองมีแต่ตัวเลข สูตรและทฤษฎีต่างๆเต็มไปหมด ฉันยอมรับว่าช่วงนั้นไม่มีพ่ออินและแม่อร อยู่ในความคิดของฉันเลย ฉันลืมท่านทั้งสองเสียสนิท ในที่สุดการสอบเอนทรานซ์ก็ผ่านไปด้วยดี ถึงจะไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ฉันก็หวังว่าฉันน่าจะเอนท์ติด ฉันรอผลสอบด้วยความใจจดใจจ่อ พ่อกับแม่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้ฉัน วันประกาศผลสอบพ่อกับแม่ถึงกับปิดร้านเพื่อรอลุ้น ผลสอบกับฉันหน้าจอทีวี ความจริงมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้ฉันรู้ผลสอบได้เร็วกว่า แต่ฉันก็พอใจที่จะยืดเวลาแห่งความ ตื่นเต้นออกไปให้นานที่สุด แล้วฉันก็ต้องกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจจนสุดชีวิต เมื่อรู้ว่าสอบติดคณะแพทยศาสตร์ พ่อกับแม่ไม่ต้องปิดร้านฟรีในวันนั้น อาหารที่ดีที่สุดในร้านถูกนำออกมาเลี้ยงฉลองให้ฉันในฐานะ"นิสิตใหม่" หลังจากประกาศผลสอบ ฉันมีกิจกรรมที่ต้องทำอีกมากมายในตำแหน่งน้องใหม่ของสถาบัน การรับน้อง ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ ทั้งในแบบซาบซึ้ง และ หฤโหด ฉันพยายามเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างที่ไม่เกินขอบเขต ของคำว่าประเพณี ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆมากมาย บางคนก็มาจากโรงเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันแต่ไม่เคยทักทายกัน เลยก็มี พวกรุ่นพี่ก็ให้การดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ฉันตื่นเต้นและสนุกกับการเป็นน้องใหม่จนลืมการไปเยี่ยมพ่อแม่ ที่อยุธยาอีก ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะนำข่าวดีไปบอกพ่ออินกับแม่อรด้วยตัวเองทันทีที่สอบติด ฉันเพิ่งมีเวลาตั้งตัวเมื่อการสอบมิดเทอร์มผ่านไป ตารางเวลาทั้งการเรียนและการทำงานเริ่มเข้ารูปเข้ารอย เป็นปกติ ฉันคิดถึงการไปอยุธยาอีกครั้ง ถึงวันเดินทางฉันตื่นตั้งแต่เช้าออกไปมหาวิทยาลัยเพื่อประชุมกลุ่มสำหรับรายงานชิ้นนึงที่ต้องส่งก่อนการ สอบไฟนอล เนื่องจากเป็นรายงานที่มีเปอร์เซ็นต์ของคะแนนสูง และเป็นวิชาที่ยากพอสมควร จึงต้องมีการเตรียมงาน กันแต่เนิ่นๆ กว่าจะคุยกันเสร็จนาฬิกาบนข้อมือก็บอกเวลาเลยเที่ยงวันไปสิบนาที พวกเพื่อนๆเลยตัดสินใจไปกินข้าว ด้วยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันกลับถึงบ้านประมาณสองโมงเศษ เพื่อเตรียมจัดกระเป๋าและสั่งเสียงาน ภายในร้านอีกนิดหน่อยก่อนจะลาพ่อกับแม่ไปอยุธยา ฉันยืนรอรถบัสอยู่ที่ป้ายเกือบสี่สิบนาที กว่ารถบัสคันที่ฉันต้องการจะแล่นมาจอด เนื่องจากรถทิ้งระยะนาน คนจึงแน่นไปหมด ขณะที่ฉันกำลังจะเบียดตัวขึ้นไปบนรถ ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกกระชากจากข้างหลังจนเซถอยหลัง ออกมาหลายก้าว คนข้างหลังฉันรีบก้าวขึ้นไปบนรถโดยมีสายตาของฉันมองตามไปอย่างโกรธเต็มที่ แต่ดูเหมือนเขา จะไม่สนใจฉันเลย ยังคงเบียดตัวเข้าไปด้านในรวมกับคนอื่นๆในรถ ฉันตัดสินใจไม่ไปกับรถคันนั้น ปล่อยให้คนขับ ออกรถ แล่นตะบึงไปข้างหน้าอย่างน่าหวาดเสียว อยุธยาอยู่ใกล้แค่นี้ ขึ้นรถช้าอีกสักหน่อยก็คงไปถึงก่อนค่ำอยู่ดี ฉันไม่ต้องรอนานนักรถบัสอีกคันก็เข้ามาจอด คนไม่แน่นนัก คงเพราะว่าแย่งกันเบียดขึ้นไปบนรถคันก่อน หมดแล้ว ฉันได้ที่นั่งริมหน้าต่างด้านติดกับข้างทาง เลยนั่งอย่างสบาย ชมวิวไปตลอดทาง ขณะที่รถกำลังจะแล่นเข้าสู่ เขตอำเภอวังน้อย ฉันก็ได้ยินเสียงคนขับรถอุทานอะไรออกมาคำนึงด้วยเสียงดังลั่น ทุกคนในรถมองตามสายตาของ เขาไปในทิศทางเดียวกัน ที่ทุ่งหญ้าข้างๆถนนนั้นเอง รถบัสคันใหญ่คันนึงพลิกตะแคงข้างอยู่ตรงนั้น เหตุการณ์คงยัง สดๆร้อนๆ ยังเห็นตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยทำงานกันอยู่เต็มไปหมด เนื่องจากถนนบางส่วนถูกกั้น และผู้คนที่ ผ่านไปมาแถวนั้นพากันชลอรถดูอย่างสนใจ ทำให้ฉันมีเวลาสังเกตการณ์ได้นาน แว่บหนึ่งสายตาฉันไปหยุดอยู่ที่ตัว หนังสือข้างรถ "กรุงเทพฯ-อยุธยา" ฉันตกใจจนหน้าซีด ตัวที่สั่นอยู่แล้วเริ่มสั่นมากขึ้นเมื่อมองไปเห็นร่างคุ้นๆ ร่างหนึ่งที่ เจ้าหน้าที่เพิ่งอุ้มร่องแร่งออกมาจากซากรถ คนที่แย่งฉันขึ้นรถนั่นเอง นี่ถ้าเขาไม่กระชากฉันออกมา ฉันก็ คงเป็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้าหน้าที่คนนั้น ไม่ใช่เขา รถแล่นผ่านที่เกิดเหตุมาได้ซักพักแล้ว แต่ใจฉันก็ยังคิดถึงแต่เหตุการณ์นั้นอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสลดระคนโล่งใจ สลดที่เห็นคนเจ็บและตายมากมายต่อหน้าต่อตา และโล่งใจที่ฉันไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น รถมาถึงท่าเมื่อเวลาเลยหกโมงไปเล็กน้อย ฉันพยายามสลัดความคิดเรื่องอุบัติเหตุขณะที่กำลังต่อรถตุ๊กตุ๊ก ไปยังบ้านเก่าของฉัน เวลาผ่านไปสามปีเต็มที่ฉันไม่ได้มาเยี่ยม พ่ออินกับแม่อรจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงฉันบ้าง หรือเปล่า แล้วบ้านเราจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ฉันนั่งวาดภาพไปตลอดทาง บ้านพ่อกับแม่ดูเงียบเหงาเมื่อฉันมาถึง ท่านคงจะออกไปซื้อของที่ตลาด เพราะถ้าอยู่บ้านพ่อกับแม่จะ ไม่ปิดไฟมืดอย่างนี้เป็นอันขาด ท่านชอบแสงสว่างออกจะตาย ฉันเดินขึ้นบันไดบ้าน เข้าไปเปิดไฟทีละดวง จนบ้าน สว่างเหมือนปกติ พ่อกับแม่ไม่เคยล็อกบ้านเวลาออกไปไหน เพราะเพื่อนบ้านแถวนี้ก็อยู่กันมาเป็นสิบๆปี อีกทั้งฐานะ ของท่านก็ไม่เป็นที่ล่อใจโขมยขโจรที่ไหน ฉันเพิ่งอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวเสร็จเมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในครัว ลงไปดูก็พบพ่อกับแม่กำลังทำกับข้าวง่วน กันอยู่ ฉันเข้าไปทักทายท่านทั้งสองด้วยการกอดแรงๆคนละที พ่อกับแม่ดีใจมากที่ฉันมาเยี่ยมจึงเตรียมทำกับข้าวที่ ฉันชอบไว้รอต้อนรับหลายอย่างด้วยกัน แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น ฉันก็เลยซัดซะเต็มคราบ หลังทานข้าวเราสามคน นั่งคุยกันในหลายๆเรื่อง พ่อกับแม่ดีใจมากที่รู้ว่าฉันเอนท์ติดแล้วจะได้เป็นหมอในอนาคต ท่านสั่งสอนฉันหลายเรื่อง และแสดงความเป็นห่วงเป็นใยจนเห็นได้ชัด ตอนหนึ่งท่านพูดว่า....... "อย่านึกว่าพ่อแม่ไม่รักที่ยกลูกให้คนอื่น พ่อกับแม่รักลูกมาก อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดี มีอนาคตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ เมื่อพ่อกับแม่ตัดใจ ยอมทนระงับความคิดถึงและอาลัยในตัวลูกแล้ว ก็จงมุมานะทำตัวให้เจริญกว่าพ่อแม่นะลูกนะ ถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่เคียงข้างลูก ก็จงระลึกไว้เสมอว่าพ่อกับแม่จะคอยดูแลรักษาเจ้าตลอดไป" ฉันก้มลงกราบพ่อกับแม่ด้วยความซาบซึ้งใจในความรักและความห่วงใยที่ท่านทั้งสองมีให้ เราคุยกันอีกสักพัก ฉันก็ ขอตัวเข้านอนเพราะยังรู้สึกเพลียจากการเดินทาง สายวันรุ่งขึ้นฉันก็ออกจากอยุธยา เพราะต้องรีบกลับมาจัดการเรื่องรายงานอีกวิชาหนึ่ง กลับมาถึงบ้านก็พบ พ่อกับแม่ ยืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ก่อนแล้ว จนฉันต้องถามออกไปอย่างแปลกใจถึงเหตุผลของการต้อนรับอย่าง เอิกเกริกนี้ พ่อกับแม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งจดหมายเนื้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือหวัดๆและสะกดผิดเป็น ระยะๆ ให้ฉันอ่าน ใจความสำคัญของจดหมายมีอยู่ว่า....... "..............ฉันหยากไห้รีบมาจัดกานเรื่องงานไห้เป็นที่เรียบร้อย เพาะตาอินกับยายอรก็ไม่มียาดที่ไหนอีก ทางนี้ก็ตะเตียมกะทางวัดไว้แล้ว มาถึงเมื่อไหร่ก็จัดกานได้เลย ตอนแรกก็กะจะทำกันไปตามมีตามเกิด แต่พระท่านว่าไห้รอยาดก่อน ก็เลยยังตั้งศพเอาไว้ที่วัด ยังไงก็ขอไห้รีบมา ตาอินกับยายอรจะได้ไปสู่สุคติ เสียที........." ฉันอ่านมาถึงตอนนี้ จดหมายก็ล่วงหลุดมือไปที่พื้น พร้อมด้วยร่างอันไร้สติของฉันตามไปติดๆ. E-om |
You are Poet 2543 |
| Home
| การแต่งร้อยแก้ว
| การแต่งร้อยกรอง
| วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com