เชิญแสดงความคิดเห็นในผลงาน BusterGirl
ของ คุณ "BusterGirl"
อ่าน  ความคิดเห็น

BusterGirl
น่าจะเป็นนักเล่าที่ดีในอนาคต ผลงานมีเรื่องทำไมแรดถึงมีนอ,บ้าหวย,ฯลฯ...อ่านง่าย สนุกดี

BusterGirl

เรื่องที่อยากเล่า
"ทำไมฉันถึงต่างจากเธอ"

(หมายเหตุ นี่คือเหตุการณ์จริงที่เกิดบนรถเมล์สาย 2 บนถนนสุขุมวิท แถวๆ เอกมัยขณะรถกำลังติดได้ที่)

                  "มันฟังดูไม่ค่อยยุติธรรมซักเท่าไหร่เลยนะ" ฉันบ่นให้จิตใต้สำนึกตัวเองฟังในวันหนึ่ง "ทำไมทุกๆ คนถึงต้องแตกต่างกันล่ะ" บางคนก็จน บางคนก็รวย บางคนก็หัวดี บางคนก็ขี้เลื่อย บางคนก็สวย บางคนก็ดูไม่ได้ บางคนก็มีเพื่อนเป็นโขลง บางคนก็คนรักเท่าผืนหนัง บางคนก็หัวเราะได้ทั้งวัน บางคนก็เศร้าตลอดศก บางคนก็...ฯลฯ แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครเหมือนกันซักคนเดียว
                  "เพราะทุกๆ คนแตกต่างกันนี่แหละนะ ถึงมีความทุกข์กันไง เธอคิดว่าไงล่ะ" ฉันถามจิตใต้สำนึก (ซึ่งเป็นส่วนที่มีสติสัมปชัญญะมากที่สุดในตัวฉัน) ทำท่าเหมือนพยายามเค้นความคิด จากนั้นก็เล่าเรื่องให้ฉันฟังหนึ่งเรื่อง "ฉันรู้ว่าเธอชอบฟังนิทาน" จิตใต้สำนึกกล่าวเบาๆ

                  "กาลครั้งหนึ่ง ในดินแดนที่สุดแสนจะแปลกประหลาดเหนือความคาดหมายของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ยังมีดอกไม้ที่งดงามที่สุดในพื้นปฐพีนี้เบ่งบานอยู่ กลีบอันอ่อนนุ่ม สีสันสดใส พลิ้วเล่นยามลมหวนมาต้องเบาๆ กลิ่นหอมละมุนตลบไปไกลแสนไกลเท่าที่ลมจะไปถึง..."
                  "ถ้าจะให้เปรียบกับคน คงเหมือนพี่ป๊อบ อารียา" จิตเหนือสำนึก (ซึ่งเป็นส่วนที่ไร้สาระที่สุดในตัวฉัน) สอดขึ้นมา
                  "เงียบก่อนได้มั้ย เธอน่ะปกติก็ทำงานหนักกว่าฉันอยู่แล้ว เวลาฉันจะให้ข้อคิดดีๆ บ้างก็ดันมาขวางอีกแน่ะ" จิตใต้สำนึกปราม
                  "ก้อด้ายยย วันนี้ฉันหยุดงานก็ด้าย" จิตเหนือสำนึกถอนใจ แล้วถอยฉากไปเงียบๆ ฉันถอนใจเบาๆ คงต้องขอโทษผู้อ่านด้วยที่ปล่อยจิตเหนือสำนึกออกมาเพ่นพ่านอีก

                  "ใครๆ ต่างก็ชื่นชมความงดงามของดอกไม้ดอกนี้กันทั้งนั้น ใบไม้ ใบหญ้า เถาวัลย์ สัตว์น้อยใหญ่ สิ่งมีชีวิตนานาพันธุ์ ต่างก็เคยได้ยินเรื่องราวของดอกไม้ที่ขึ้นชื่อว่างามที่สุดของที่สุด และต่างก็ไขว่คว้าหาโอกาสสักครั้งหนึ่งที่จะได้มาชื่นชม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นดอกไม้ที่งามที่สุด และต่างก็เล่าขานไม่รู้จบรู้สิ้นถึงความงามของกลีบหลากสีนั่น

                  แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้เห็นก็คือ ความคับแค้นใจของรากไม้ ใช่แล้ว รากของดอกไม้ที่งามที่สุดในปฐพีนี่เอง เธอ (หมายความว่ารากไม้นี้เป็นหญิง) รู้สึกอิจฉากลีบดอกไม้มาก เหล่าสัตว์ที่มาชื่นชมดอกไม้ ไม่เคยเหลียวมองดูรากไม้ใต้ดินหรอก เขามองแต่สิ่งสวยๆ งามๆ กันต่างหาก เธอเองก็อยากจะเป็นที่เล่าลือ เป็นที่กล่าวขานกันไม่รู้จบในหมู่สัตว์โลกบ้าง

                  เธอเองก็อยากจะเป็นเหมือนกลีบดอกไม้

                  วันหนึ่งรากไม้จึงตัดสินใจออกไปพบศัลยแพทย์มือหนึ่ง ขอร้องให้เขาช่วยเปลี่ยนโฉมเธอ ให้งดงามไม่แพ้ไปกว่ากลีบดอกไม้ ทีแรกคุณหมอเองก็ลังเลใจ เพราะหมอก็ไม่เคยทำงานแบบนี้ เคยแต่ช่วยผ่าซ่อมแซมคนที่เสียโฉมจากอุบัติเหตุเท่านั้น แต่สุดท้ายหมอก็รับงาน

                  หลังการผ่าตัดซึ่งกินเวลาหลายชั่วโมงเสร็จสิ้นลง รากไม้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้เธอไม่ใช่รากไม้สีตุ่นๆ หงิกๆ งอๆ อีกต่อไปแล้ว เธอเองก็งดงามประหนึ่งดวงดาวเช่นกัน ผิวเรียบมัน สีสันสดใส ส่งกลิ่นหอมยวนใจ อย่างที่กลีบดอกไม้ในฝันควรจะเป็น

                  แต่...

                  น่าสงสารรากไม้ บัดนี้เธอไม่สามารถทำงานเดิมที่เธอเคยทำได้อีก รากไม้ควรจะทำงานเก็บรวมอาหาร เพื่อส่งไปหล่อเลี้ยงดอกไม้ทั้งหมด แต่บัดนี้ เธอไม่สามารถทำได้อีก ร่างกายของเธอไม่แข็งแกร่งพอที่จะทะลุทะลวงไปตามผืนแผ่นดินได้อีกต่อไป เธอเหมือนกลีบดอกไม้ สวย และแบบบาง

                  เมื่อเธอซึ่งเป็นเหมือนสันหลังของดอกไม้ทั้งดอกล่มสลายลง ดอกไม้ก็ไม่อาจยืนต้นอยู่ได้อีกต่อไป สายวันหนึ่งของหน้าร้อน ทั่วทั้งป่าก็ได้ข่าวการตายของดอกไม้ที่งดงามที่สุดในปฐพี..."

                  ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

                  "เห็นมั้ย วินาทีหนึ่งเธออาจจะคิดว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีความหมาย แต่ทุกๆ คนน่ะล้วนแต่มีค่าในตนเอง และที่เราแตกต่างกัน ก็เพื่อสร้างความแตกต่างไงล่ะ"
                  ความแตกต่างทำให้มนุษยชาติก้าวมาไกลถึงขนาดนี้ ทั้งความคิดที่แตกต่าง ความเห็นที่แตกต่าง ความเชื่อที่แตกต่าง ความแตกต่างสร้างได้ทั้งพลังงานขั้วบวกและขั้วลบ ได้ทั้งการสร้างสรรค์และสงคราม เมื่อเอาความแตกต่างมารวมกัน ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุด

                  "เพราะฉะนั้น เธอก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก ถ้าเธอจะแตกต่างจากคนอื่น ตราบใดที่เธอทำในสิ่งที่ถูก" จิตใต้สำนึกสรุป
                  "เอ่อ ตอนนี้ฉันพูดได้บ้างรึยัง" จิตเหนือสำนึกสอดขึ้นมาอีกครั้ง
                  "เชิญเถอะ ตามสบาย" จิตใต้สำนึกตอบ
                  "ขอโทษนะ ตอนนี้อย่าเพิ่งรบกวนฉันซักแป๊บได้มั้ย" ฉันขอร้อง
                  "เฮ้อ ถ้าเธอขอร้อง...ก็ได้" จิตเหนือสำนึกทำเสียงเหมือนผิดหวังเล็กน้อย
                  "เอาน่า เพราะฉันมีทั้งเธอและจิตใต้สำนึก ฉันถึงได้เป็นฉันแบบนี้ไง" ฉันปลอบ
                  "นั่นนะสิ เพราะฉันเป็นความแตกต่างนี่เนาะ"

                  คุณผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า ความคิดแผลงๆ แปลกประหลาดจากชาวบ้านของฉันนี่เองที่ทำให้เกิดงานเขียนชิ้นนี้ขึ้นมา หากคุณผู้อ่านจะเห็นแตกต่างจากฉัน ก็ไม่เห็นจะเป็นไร เพราะความแตกต่างก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ได้เสมอ
ดังนั้น บอกฉันมาได้เสมอ ว่าคุณคิดอย่างไร

Bustergirl

นิทาน
ทำไมแรดถึงมีนอ -- กาลครั้งหนึ่ง ในทุ่งหญ้าซาวันนา
ผลงานที่หาสาระได้ยากซักหน่อยชิ้นนี้ เขียนโดย BusterGirl

                             นานมากแล้ว ในทุ่งหญ้าซาวันนาที่กว้างใหญ่ไพศาล และแห้งแล้ง แม้น้ำซักหยด หรือหญ้าซักต้น ก็มีค่ายิ่งกว่าได้เป็นจ่าฝูงหรือเป็นเจ้าป่า ที่นั่นเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หลายชนิด ถึงที่นี่จะกันดารก็ตาม ซึ่งผู้เขียนไม่อาจไปล่วงรู้ได้ว่าเหตุที่พวกมันไม่ยอมย้ายไปที่อื่นจะเป็นเพราะขี้เกียจ ไม่มีแรงเดิน หรือตกหลุมรักสาวที่นี่กันแน่ อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็มีสัตว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่โฮโมเซเปียนอยู่หลายชนิด ทั้งสิงโต ยีราฟ ม้าลาย เสือ นกเล็กนกน้อย และพระเอกของเรื่องนี้ แรด

                             ในตอนนั้นแรดไม่มีนอ และผิวหนังของมันก็เป็นเสื้อหนังหนาหนักเรียบๆ สีเทาอ่อนๆ บ้านของมันเป็นถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ดีพอใช้ มีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงา มีแอ่งน้ำเล็กๆ ที่มีน้ำตลอดปีตลอดชาติ เป็นที่อยู่ที่เหมาะสมสำหรับแรดยิ่งนัก แรดเป็นสัตว์ใหญ่ตัวเดียวในถิ่นนั้น เพราะเหล่าบิ๊กๆ ทั้งหลายเช่นเสือสิงห์กระทิง ก็ยังไม่ค่อยอยากมายุ่งกับแรดซักเท่าไหร่นัก ทั้งนี้ก็มีสาเหตุมาจากความอารมณ์ร้ายของมัน

                              ทำไมมันถึงอารมณ์ร้ายหรือ? อย่างที่บอกไว้แล้ว แรดมีเสื้ออยู่ตัวเดียวเป็นหนังหนาเรียบๆ สีเทาอ่อนๆ ซึ่งเสื้อหนังนี่ก็ทำให้ร้อนอยู่แล้ว บวกกับความร้อนในเขตซาวันนา ทุกๆ คนก็คงทราบว่าอากาศร้อนๆ เปลี่ยนคนดีๆ ให้เป็นบ้าไปได้ในที่สุด แต่เพราะแรดไม่คิดจะถอดเสื้อออกไปเดิน มันจึงยังร้อนและหงุดหงิดต่อไปเหมือนเดิม

                             แรดมีกิจกรรมหลักนอกจากหากินแล้วก็คือระบายความร้อนของตัวเองใส่สัตว์ตัวเล็กๆ มันจะกระชากเสียงใส่ เตะ ชน หรือผลักแรงๆ สัตว์เล็กๆ เหล่านี้พยายามทำใจ แต่ทุกสิ่งย่อมมีขีดจำกัด ไม่ช้าฝูงสัตว์เล็กก็ตัดสินใจจะทำอะไรซักอย่างเพื่อแก้เผ็ด พวกมันต้องรอจนถึงเวลาที่แรดอาบน้ำ

                             และเมื่อเวลานั้นมาถึง แรดก็ถอดเสื้อหนังหนาหนักเรียบๆ สีเทาอ่อนๆ ของมันไว้ที่ริมฝั่ง แล้วตัวเองก็ลงแอ่งน้ำไป พวกสัตว์เล็กเห็นเป็นนาทีทอง ก็ขนเอากรวดทรายมาใส่ในเสื้อหนังของแรด แล้วหนีไปแอบอยู่หลังโขดหินเพื่อดูปฏิกิริยาของแรด

                             แรดขึ้นจากแอ่งอย่างสบายใจ แล้วมันก็ใส่เสื้อ แต่แล้ว แรดก็รู้สึกคันๆ ยุบยิบอยู่ข้างใน มันอยากจะเกามากๆ แต่แขนขาของมันสั้นเกินกว่าจะเกาถึง มันจึงถูไถตัวไปมาตามลำต้น ยังๆ ยังไม่หายคัน มันก็ยิ่งถูๆๆๆๆ หนักเข้าๆ ในที่สุด แรดก็รู้สึกดีขึ้น แต่ไม่ช้า มันก็พบว่า การถูไถอย่างรุนแรงเมื่อซักครู่ทำให้เสื้อหนังเรียบๆ ของมันย่น และรอยย่นก็ไปรวมกันเป็นกระจุกที่หน้ามัน และแข็งกลายเป็นนอไป มันจะถอดชุดก็ถอดไม่ได้ เพราะเม็ดทรายเม็ดหนึ่งติดอยู่ในซิปชุดของมัน หลังจากนั้น แรดก็ยิ่งอารมณ์บูดยิ่งๆ ขึ้น ส่วนพวกสัตว์เล็กๆ ซึ่งหลังจากหัวเราะกันแบบใกล้บ้าแล้ว ต่างก็รีบหลบลี้หนีหายไปจากถิ่นนั้นกันโดยเร็ว

                            และนั่นคือเหตุผลที่แรดมีนอ

นิทาน
เรื่อง "บ้าหวย"

ได้มาจากหนังสือการ์ตูนอะไรก็จำไม่ได้ เคยอ่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่สนุกมากดัดแปลงและเรียบเรียงใหม่โดย "BusterGirl"

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ ไร่นาเล็กๆ ที่ค้างค่าเช่ามานานหลายเดือน มีตากับยายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ วันๆ ตากับยายไม่ทำอะไร นอกจากคอยหาเลขเด็ด ทั้งสองเดินทางไปทั่วทิศที่ว่ากันว่า ให้เลขเด็ดนักแล

"โอม เจ้าพ่อเสาไฟฟ้า ลูกช้างขอเลขเด็ดๆ ซักงวดสองงวด เอ๊ย สามสี่งวดดีกว่า"
"ยายๆ ดูสิๆ บ้านไอ้ดำมีแมงมุมหน้าเป็นคนด้วยนะยาย"
"จริงเรอะตา ไปเร๊วๆๆๆ"
"เฮ้ย ขูดตั้งนานแล้วยังไม่ได้ซักที บอกมาเดี๋ยวนี้นาเว้ย เลขเด็ดงวดหน้าอาไร!!"

อ้อนวอนก็แล้ว ขู่เข็ญเทวดาก็แล้ว ตายายคู่นี้ก็ยังไม่ได้เลขเด็ดซักที
จนกระทั่งวันหนึ่ง สองตายายก็ไปไหว้ศาลพระภูมิชายป่า หวังจะได้เลขเด็ดเช่นเคย

"เจ้าประคู้ณ ถ้าวันนี้ลูกช้างไม่ได้เลขเด็ด ลูกช้างจะขอคุกเข่าอย่างนี้จนตาย!"

เทวดาในศาลพระภูมิรู้สึกรำคาญนักล่าหวยคู่นี้มาก จึงปรากฏกายออกมา

"แว้บ ข้าคือเทวดาด๊อกด๋อย"
"โอ ท่านสำแดงฤทธิ์แล้ว! ขอเลขเด็ดซักหน่อยดีก่า"
"โอ๊ย วันๆ เอาแต่บ้าหวยๆ อยู่ได้ ไม่รู้จักทำมาหากิน งมงาย ไร้สาระ ไร้สมอง ปัญญาทึบ แว้ดๆๆ แจ๊ดๆๆ......"
ท่านเทวดาบ่นๆๆๆๆ ให้สองตายายฟังเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม เสร็จแล้วก็ไล่ตายายกลับบ้าน

"อิอิ ถึงยังไงเราก็ได้เลขเด็ดมาแล้ว 3 ชั่วโมงก็คือ 180 นาที ก็คือออก 180 อ่ะเด่ะ"
"เย้ รีบไปซื้อโลด"

ปรากฏว่าสองตายายถูกหวย ได้เป็นอภิมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน
"เอ็งสองคนบอกข้าหน่อยดิ ไปได้ของดีจากที่ไหนมากฮึ"
"อ๋อ ก็ที่................"

และแล้วศาลพระภูมิชายป่าก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ กลิ่นธูปเทียนฟุ้งกระจายไปทั่ว เสียงพ่อค้าแม่ขายที่ฉวยโอกาสตีตลาดก็มาด้วย
"พวงมาลัยค่า พวงมาลัย ถวายแล้วได้เลขแน่ค่า"
"ธูปครับธูป จุดๆ ติดๆ จุดแล้วเลขออกครับ"
"โอม ลูกช้างจะถวายหัวหมู หัวปลา หัววัว หัวควาย หัวสิงโต ให้เลขเด็ดลูกช้างด้วย"
"คนข้างๆ อธิฐานให้เยอะกว่าเราอีกพี่"
"ได้เลยน้อง โอม นอกจากหัวหมูหัวปลาหัววัวหัวควายหัวสิงโต ลูกช้างจะยกโฉนดที่ดินแถวเชียงใหม่พร้อมบ้านพักตากอากาศให้ท่าน"
"มันถวายเกทับเราเรอะ เจอนี่ซะ ลูกช้างจะแถมห้องชุดคอนโดกลางเมือง มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสคลับ ที่จอดรถ ฯลฯ"

เทวดาด๊อกด๋อยรำคาญสุดๆ จึงไปปรากฏกายต่อหน้าสองตายายอภิมหาเศรษฐี
"หนอย เจ้าสองคน บังอาจรังแกเทวดาเรอะ แว้ดๆๆ แจ้ดๆๆ"
เทวดาด๊อกด๋อยด่าแหลกราญ 4 ชั่วโมงกับอีก 24 นาที 16 วินาที แล้วก็จากไป

"อิอิ คราวนี้เตรียมนาฬิกาจับเวลาไว้แล้ว รีบไปซื้อดีก่า"
สองตายายทุ่มสุดตัวด้วยเงินทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อเลขใหม่ ด้วยหวังว่า จะได้รวยขึ้นมาอีกครั้ง

วันต่อมา....
"ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ....."
"หา อ๊าากกกกก! คร่อก"
"ตา เป็นอะไรไป ฟังวิทยุแล้วสลบเรอะ พิลึกคน ไหนดูซิ หา อ๊าากกกกก! คร่อก"
"ย้ำ เลขที่ออก ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ....."
ความฝันของสองตายายพังทลายกลายเป็นฝุ่นทันทีที่รู้ผล ทั้งคู่หมดตัว และกลับมายากจนเหมือนเดิม และเมื่อชาวบ้านรู้ข่าว ก็เลิกรังควาญศาลพระภูมิ

"เฮ้ยๆ พวกเรา กล้วยออกลูกชี้ขึ้นฟ้าโว้ย"
เอ้า เฮโลเข้าไป
"มีเต่าสองหัว!"
เอ้า เฮโลเข้าไป
ฯลฯ

สองตายายรู้สึกหมดอาลัยเสียดายตังค์ ไม่มีกะจิตกะใจจะตามคณะล่าหวยทัวร์ไปอีก เมื่อตายายหมดที่พึ่ง ทั้งสองจึงตัดสินใจไปพบเทวดานำโชคอีกครั้ง
แต่ทว่า ที่ๆ ตรงนั้น ศาลพระภูมิหายไปแล้ว
"ยู้ฮู แว่ร์อ้าร์ยู เทวด๊า"
"ตอบด้วยครับท่านๆ"
"ข้าอยู่นี่เฟ้ย"

เทวดากำลังนั่งอยู่บนขอนไม้ ท่าทางเซ็งๆ

"อ้าว ท่านมาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ แล้วศาลพระภูมิหายไปไหน"
"ก็ข้าดันโง่เอง พอด่าพวกเจ้าเสร็จ 4 ชั่วโมง 24 นาที 16 วินาที ก็เลยนึกว่าจะถูกมั่ง...."
"อ้า เทวดาก็ยังเล่นหวย"

BusterGirl

 

7smooth.com

 

| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง | วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1