นิทานอินเดียนแดง
ศรอาทิตย์
ครั้งหนึ่งมีเด็กชายเล็กๆคนหนึ่ง
พ่อแม่ของเขาถูกศัตรูฆ่าตาย
พวกชนเผ่าที่เป็นศัตรูจึงนำตัวเด็กชายไปเพื่อเอาเป็นทาส
แต่หญิงชราคนหนึ่งเกิดสงสารเด็กชายจึงรับเอามาเลี้ยงไว้
เมื่อเด็กชายเจริญวัยขึ้นก็กลายเป็นนายพรานที่มีความสารมรถ
หญิงชราจึงตั้งชื่อชายหนุ่มว่า
ศรอาทิตย์
ศรอาทิตย์เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างล่ำสัน
งามสง่านอกจากนี้เขายังมีความกล้าหาญ
และมีใจเมตตากรุณาอีกด้วย
เขาไม่เคยฆ่าสัตว์จนเกินความต้องการที่จะเอามาเลี้ยงชีพและทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเลย
พอถึงฤดูหนาวพวกสัตว์ต่างๆ
และนกที่อดอยากก็พากันมาหาเศษอาหารกินที่บ้านตน
ศรอาทิตย์มักจเอาเนื้อตากแห้งของเขาออกไปแบ่งให้สัตว์เหล่านั้นกินเสมอดังนั้นพวกสัตว์ในป่าจึงรักศรอาทิตย์เหมือนเพื่อนสนิท
ของมัน
"ถ้าคนเป็นอย่างศรอาทิตย์ทุกคน
เราคงจะสบาย"
พวกสัตว์พากันลงความเห็นต้องกัน
วันหนึ่งหญิงชราได้เอ่ยขึ้นว่า
"ศรอาทิตย์เอ๋ยเจ้าน่ะโตเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว
ควรจะหาเมียเสียที"
"จริงซิยาย"
ในบรรดาสาวๆในหมู่บ้านนั้นก็มีสาวอยู่สองคนพี่น้อง
มีชื่อว่า ใบเมเปิล และดอกไม้บาน
หญิงสาวทั้งสองมีความงามดุจรุ่งอรุณ
และต่างก็รักศรอาทิตย์ด้วยกันทั้งคู่
แต่ใบเมเปิลมีนิสัยแข็งกระด้างและอวดดี
ส่วนดอกไม้บานนั้น
เป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนสุภาพ
ศรอาทิตย์
จึงรักดอกไม้บานและขอแต่งงานกับหล่อน
ใบเมเบิลโกรธมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เฝ้าแต่ครุ่นคิดเจ็บใจที่ดอกไม้บานได้แต่งงานกับศรอาทิตย์
"นังดอกไม้บานจะแต่งงานกับศรอาทิตย์ไม่ได้
มันจะแต่งงานกับเขาไม่ได้เด็ดขาด"
หล่อนบอกกับตัวเอง
"ถ้าฉันไม่ได้ศรอาทิตย์มาเป็นกรรมสิทธิ์
ฉันก็จะไม่ยอมให้ใครได้เขาไปเหมือนกัน"
แต่ศรอาทิตย์ได้จูงมือดอกไม้บานไปประกาศพิธีแต่งงานต่อหน้าหัวหน้าเผ่าและชาวบ้านทั้งหลาย
ดังนั้นดอกไม้บานจึงกลายเป็นภรรยาของศรอาทิตย์ไปโดยชอบธรรม
ไม่ว่าใบเมเปิลจะพอใจหรือไม่
ใบเมเปิลเริ่มรู้สึกเกลียดชังศรอาทิตย์มากขึ้นทุกทีๆ
จนในที่สุดหญิงสาวก็ไปปรึกษาป้าของหล่อนซึ่งเป็นแม่มดแล้วถามว่า
"นี่แน่ะป้า
ฉันจะทำอะไรศรอาทิตย์ให้มันหายเจ็บใจได้บ้างละ?"
"เจ็บใจเขาเรื่องอะไรกัน?"
ยายแม่มดถาม
"เจ็บใจที่เขาไม่เหลียวแลฉันเลยนะซี
หนอยแน่ะ
เราหรือหลงรักเขาแทบเป็นแทบตายเขากลับไปแต่งงานกับนังดอกไม้บานเสียนี่"
ใบเมเปิลตอบด้วยความแค้นใจ
"ง่ายนิดเดียวแหละหลาน"
ยายแม่มดตอบ
"เจ้าจงเอาคางคกตัวเล็กๆนี่ไปใส่ไว้ในรูที่พื้นกระดาน
แล้วจงไปชวนศรอาทิตย์มาที่บ้านของเจ้า
บอกว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญจะบอกเขา
พอศรอาทิตย์เข้ามาในห้องของเจ้าๆก็จงทำตามอย่างที่ข้าบอก"
นางหัวเราะแล้วก็กระซิบบอกวิธีแก่ใบเมเปิล
ใบเมเปิลจึงเอาคางคกตัวเล็กนั้นไปบ้าน
หล่อนเจาะกระดานเข้าให้เป็นรู
แล้วเอาคางคกใส่ลงไปในรูนั้นแล้วหญิงสาวก็ให้คนไปตามศรอาทิตย์มา
โดยบอกว่าหล่อนมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา
พอศรอาทิตย์มาถึงบ้านของใบเมเปิล
หญิงสาวก็เชิญเขานั้งลงที่ม้านั่ง
ซึ่งมีผ้าปักลวดลายงดงามปูอยู่ศรอาทิตย์ก็นั่งลงบนม้านั้งตัวนั้น
โดยไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติ
เพราะชายผ้าที่ปูม้านั่งคลุมรูที่พื้นกระดานเสีย
เคราะห์ร้ายที่ศรอาทิตย์เอาเท้าหย่อนลงไปตรงรูนั้นพอดี!
ทันใดนั้นเจ้าคางคกตัวเล็กก็พองตัวขึ้นจนมีขนาดมหึมาแล้วก็อ้าปากกว้างออกกลืนเท้าของศรอาทิตย์ลงไป
ศรอาทิตย์พยายามดิ้นรนและร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน
เพราะเสียงของศรอาทิตย์นั้นค่อยลงไปทุกทีๆ
ด้วยความอ่อนแรง
ใบเมเปิลเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ
"ฮะ ฮะ !
ฉันมีข่าวสำคัญจะบอกแก่ท่าน
ข่าวนั้นก็คือท่านกำลังจะตาย ฮะ
ฮะ!"
ศรอาทิตย์พยายามดิ้น
และผลักคางคกตัวนั้นให้หลุดออกไป
แต่เจ้าคางคกก็หาได้สะดุ้งสะเทือนไม่
มันยังคงกลืนศรอาทิตย์ต่อไปจนถึงหัวเข่า
ที่มุมห้องพอดีมีหนูตัวหนึ่งอาศัยอยู่
เมื่อมันเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มันก็วิ่งลอดใต้ประตูออกไปปลุก
สุนัขซึ่งนอนผึ่งแดดอยู่
หนูกัดเท้าของสุนัขพลางร้องเสียงแหลม
"ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย !
ศรอาทิตย์เพื่อนของเรากำลังจะถูกคางคกกิน
!"
พวกสัตว์ทั้งหลายจึงพากันวิ่งมา
ส่วนพวกนกก็บินมา
ต่างกรูกันเข้าไปในห้องของใบเมเปิล
ศรอาทิตย์ยังคงดิ้นรนจะให้หลุดจากปากคางคก
แต่เขาก็อ่อนแรงลงไปทุกทีๆ
และคางคกก็กลืนเขาลงไปจนกระทั้งถึงเอว
พวกสัตว์จึงรีบเลือกสิงโตภูเขาเป็นหัวหน้า
และร้องถามสิงโตว่า
"บอกพวกเราหน่อยซิว่าจะทำอย่างไรดี
จึงจะช่วยชีวิตศรอาทิตย์ไว้ได้
!"
"จงให้สัตว์แต่ละชนิด
เลือกหัวหน้าของตนออกมายืนข้างนอก"
พวกสัตว์และนก
จึงเลือกหัวหน้าของตนออกมายืนอยู่ต่างหาก
บรรดาหัวหน้าเหล่านั้นก็มี
นกกระยาง หมี สุนัขป่า ตัวตุ่น
และสัตว์อื่นๆ อีกหลายชนิด
ในระหว่างนั้นคางคกก็กลืนศรอาทิตย์ลงไปเรื่อยๆ
จนกระทั้งถึงรักแร้แล้ว
"ให้นกกระยางลองช่วยศรอาทิตย์ดูก่อนซิ"
สิงโตภูเขาสั่ง
"เพราะมันบินเก่งมาก"
ดังนั้นนกกระยาง
จึงสั่งให้ศรอาทิตย์จับหางของมันไว้ให้แน่นแล้วมันก็บินไปจนเต็มแรง
ถึงแม้ว่านกกระยางจะรู้สึกเจ็บมาก
แต่มันก็ไม่ยอมหยุดบิน
จนกระทั่งหางของมันหลุดติดมือศรอาทิตย์ไป
นกกระยางที่น่าสงสารก็เสียหลักพุ่งเข้าชนเพดานห้องเต็มแรง
แล้วก็หล่นลงมาสิ้นสติไป
แต่ศรอาทิตย์ไม่ได้หลุดออกมาจากปากคางคกเลยแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นหมีจึงให้ศรอาทิตย์จับหางของมันไว้
แล้วมันก็ตั้งหน้าตั้งตาดึงเอาๆ
จนหางของมันขาด
แต่ศรอาทิตย์ก็หาได้หลุดพ้นปากคางคกออกมาแม้แต่นิดเดียวไม่
"ทีนี้ถึงคราวสุนัขป่าบ้างละ"
สิงโตภูเขาสั่ง
"มันวิ่งเร็วคงจะสำเร็จคราวนี้"
แต่เมื่อสุนัขป่าเห็นนกกระยาง
และหมีหางขาดมันก็คิดในใจว่า
"ตายจริง ฉันไม่ยอมดอก
เดี๋ยวหางสวยๆของฉันขาดไปละก็แย่เชียว"
ดังนั้นมันจึงบอกว่า
"หูของฉันเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายของฉันจงให้ศรอาทิตย์จับหูฉันเถิด"
ศรอาทิตย์จึงจับหูของสุนัขป่าไว้แน่น
แล้วมันก็เริ่มวิ่งไปจนสุดกำลัง
แต่เมื่อหูของมันถูกดึงมากๆเข้าสุนัขป่ารู่สึกเจ็บจนทนไม่ไหว
มันร้องเสียงดังลั่น "โอ๊ย ๆ !
ปล่อยฉันเดียวนี้ !
ปล่อยฉันเดียวนี้ !"
แล้วสุนัขป่าก็ดึงหูจนหลุดจากมือของศรอาทิตย์
แล้วมันก็วิ่งออกไปจากบ้านด้วยความละอายใจ
พวกสัตว์ต่างชุลมุนวุ่นวาย
จะช่วยกันดึงศรอาทิตย์
แต่สิงโตภูเขาห้ามไว้
"ขืนดึงอย่างนั้น
ตัวเขาคงจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ"
มันร้อง
"ให้ตัวตุ่นลองดูซิ
มันฉลาดมากกว่าพวกเจ้ามันคงจะทำสำเร็จ
"หลีกทางฉันหน่อย "
ตัวตุ่นร้อง "หลีกทางหน่อย"
พวกสัตว์ก็พากันหลีกทางให้
ตัวตุ่นจึงตะกุยพื้นกระดานรอบๆ
ตัวศรอาทิตย์ "เอาละ
ที่นี้ดึงหางฉันไว้ให้แน่นๆ "
ศรอาทิตย์ก็จับหางตัวตุ่นดึงไว้แน่น
"หนึ่ง สอง สาม !"
ตัวตุ่นดึงเต็มแรง
และศรอาทิตย์ก็หลุดพ้นปากคางคกออกมาถึงแค่เอว
"ไชโย !" ตัวตุ่นร้อง
"อีกทีเดียว !"
แล้วมันก็ดึงอีกที
แต่เคราะห์ร้ายที่หางของมันหลุดติดมือศรอาทิตย์ออกมาเสียก่อน
ตัวตุ่นจึงมีหางสั้นกุดมาจนปัจจุบันนี้
"ไม่เป็นไร"
ตัวตุ่นร้องอย่างกล้าหาญ
"เจ็บนิดเดียวจะเป็นไรไป
ฉันจะต้องดึงเขาออกมาให้ได้ไม่อย่างนั้นฉันยอมตาย
!
ขอให้ฉันลองดูอีกทีซิท่านสิงโตภูเขา
!"
"ตามใจท่านซิ" สิงโตตอบ
ตัวตุ่นจึงขูดพื้นห้องให้เป็นรูใหญ่ขึ้นอีก
แล้วก็ให้ศรอาทิตย์จับหางอันสั้นกุดของมันไว้
แล้วตัวตุ่นก็ดึงอีกเต็มแรง
คราวนี้ศรอาทิตย์หลุดพ้นปากคางคกออกมาได้แค่หัวเข่า
แล้วหางของตัวตุ่นก็ลื่นหลุดมือศรอาทิตย์ไป
"กอดเอวฉันไว้แน่นๆ"
ตัวตุ่นร้องกระหืดกระหอบศรอาทิตย์จึงเอาแขนกอดตัวตุ่นไว้แน่น
มันก็ดึงอีกเต็มแรงจนในที่สุด
ศรอาทิตย์ก็หลุดพ้นจากปากคางคกออกมาได้ทั้งตัว
รูที่คางคกซ่อนอยู่ถูกตัวตุ่นขุดไว้จนกว้าง
พวกสัตว์โผล่หัวลงไปดูเห็นคางคกที่ชั่วร้ายกำลังจะคลานหนีไปใต้พื้นกระดาน
พวกสัตว์จึงช่วยกันฆ่าคางคกตัวนั้นเสีย
"ฉันจะขอบคุณพวกท่านอย่างไรดี?"
ศรอาทิตย์ถามสัตว์เหล่านั้น
"ท่านเป็นเพื่อนรักของเรา
เราไม่ต้องการคำขอบใจดอกท่าน"
"แต่ตัวตุ่น หมี
และนกกระยางหางขาด"
ศรอาทิตย์พูด
"เราต้องไปหาพ่อมดประจำหมู่บ้านให้เขาใส่ยาให้หางงอกอีก"
แต่นกกระยางซึ่งเพิ่งฟื้นจากสลบได้ลุกขึ้น
แล้วก็กล่าวว่า
"ศรอาทิตย์เพื่อนรัก
เราไม่ต้องการจะมีหางใหม่
เราภูมิใจที่หางของเรากุดอยู่อย่างนี้
เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นพยานให้โลกรู้ว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งเพื่อนในยามยาก"
"ฉันเห็นด้วย !" หมีตะโกน
"ฉันก็เหมือนกัน !"
ตัวตุ่นร้อง
"นับตั้งแต่นี้ต่อไปลูกหลานของเราจะมีหางสั้น
เพื่อว่าจะได้เตือนให้ทุกๆคน
ระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้"
เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เขาก็ช่วยกันจับแม่มดมามัดไว้
แล้วเอาธนูยิงจนทะลุคอจากด้านซ้ายไปออกทางด้านขวา
วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะฆ่าพวกแม่มดได้
แล้วพวกชาวบ้านก็ไล่ใบเมเปิลออกไปจากหมู่บ้าน
ทำให้หล่อนต้องออกไปอยู่ในป่าแต่ผู้เดียวหล่อนได้พบสุนัขป่าที่นั้น
มันไม่พอใจที่ได้เห็นหญิงสาวที่ชั่วร้าย
มันจึงพยายามชันหูไปข้างหลังเพื่อแสดงความโกรธ
แต่มันทำเท่าไหรๆ ก็ไม่สำเร็จ
เพราะตอนที่มันเอาหูให้ศรอาทิตย์ดึงนั้น
มันหันหน้าเข้าหาศรอาทิตย์
และหูของมันก็ถูกดึงให้ชี้ไปข้างหน้า
ดังนั้นหูของสุนัขป่าจึงชี้ไปข้างหน้าอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้
เป็นพยานให้โลกรู้ว่ามันก็ไม่ได้ทอดทิ้งศรอาทิตย์ในยามยาก.
อ.สนิทวงศ์ แปลมาจาก Red Indian Folk Tales
ของ Ruth Manning |