Logo003poet2543.gif (2019 bytes)

Tale002.gif (3475 bytes)

นิทานชาดก    นิทานนานาชาติ    นิทานเด็ก   ตำนาน

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)

นิทานอิตาลี
เรื่อง  ระฆังร้องทุกข์

                 นานมาแล้ว
                         พระราชาแห่งแคว้นแอตลี ได้โปรดให้เจ้าพนักงานจัดสร้างระฆังขึ้นใบหนึ่ง ไปตั้งไว้บนหอสูงกลางตลาดในเมือง โดยใช้เชือกผูกกับระฆังและปล่อยให้ปลายเชือกยาวห้อยลงมา พอที่จะเอื้อมมือไปจับเชือกสั่นระฆังนี้ได้

                         ทั้งนี้ ก็โดยเหตุที่พระองค์เป็นผู้ทรงคุณธรรมแห่งแคว้นและทรงสร้างระฆังใบนี้ขึ้น ก็เพื่อจะให้ราษฎรในเมืองได้ใช้ระฆังนี้เป็นที่ร้องทุกข์ เมื่อเกิดความเดือดร้อน และพระองค์ก็จะเสด็จมาฟังเรื่องราวทุกครั้งเมื่อเสียงระฆังลั่นขึ้น

                         ระฆังร้องทุกข์ใบนี้ แขวนอยู่ในที่ของมันนับเป็นเวลานาน และก็ได้ทำหน้าที่ของมันให้เป็นที่เรียบร้อยตลอดมา แต่กาลเวลาที่ผ่านไป ทำให้เชือกที่ผูกสำหรับสั้นระฆังผุกร่อนลงไปมาก และปลายเชือกที่จะจับก็สั้นเข้าไปทุกที ชาวบ้านในเมืองนั้นจึงช่วยกันเอาเถาองุ่นมาทำเป็นเชือกไปผูกไว้กับเชือกเดิม แต่เถาองุ่นก็ยังออกใบและผลของมันตลอดมา ไม่เหี่ยวเฉา จนกลายเป็นเถาไม้แข็งผูกห้อยติดกับปลายเชือกของระฆังตลอดมา

                         ครั้งนั้น ยังมีอัศวินผู้มีฝีมือและชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองนั้น อาศัยอยู่ท้ายเมือง เป็นอัศวินผู้เคยออกศึกและเชี่ยวชาญในเชิงกีฬามาแล้ว แต่พอชราลง อัศวินผู้เคยออกศึกและเชี่ยวชาญในเชิงกีฬามาแล้ว แต่พอชราลง อัศวินผู้นี้กลับเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิมไป กลายเป็นนักดื่มและเล่นการพนันจนติดนิสัย ต้องขายที่ดินไร่องุ่น และคฤหาสน์เดิมไปจนหมดสิ้น แทบจะหมดตัวลง ยังคงเหลือม้าคู่ขาที่เคยออกศึกมาด้วยกันอยู่เพียงตัวเดียว แต่ก็เป็นม้าที่ชรามากแล้ว ซ้ำต้องอาศัยอยู่กับนายของมันด้วยความอดอยากๆอีกด้วย จึงกลายเป็นม้าที่ทำงานไม่ได้

                         และเมื่อรู้ตัวว่า นายของมันไม่สามารถจะหาอาหารมาจุนเจือให้แก่มันได้ เจ้าม้าผู้น่าสงสารก็ออกเดินตุหรัดตุเหร่เข้าไปในตลาดกลางเมือง เพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตของมันเรื่อยไป

                         ในเช้าวันหนึ่ง เสียงระฆังใบนั้นก็ลั่นขึ้น เป็นสัญญาณว่ามีผู้มาร้องทุกข์ ชาวเมืองแอตลีกับคณะกรรมการอำเภอก็พากันไปชุมนุมที่หอระฆังกลางตลาด เพื่อจะดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

                         เมื่อไปถึงที่นั้น ก็เห็นว่า มีม้าโกโรโกโสผอมแห้งตัวหนึ่ง กำลังและเล็มกินใบองุ่นที่ผูกทบกับเชือกระฆังอยู่ ดังนั้นจึงทำให้สัญญาณของระฆังดังขึ้น จะโดยเจตนาของมันหรือไม่อย่างไรก็ตาม แต่สันนิษฐานว่า มันคงไม่มีเจตนาจะมาสั่นร้องทุกข์แน่ และมันคงจะเอร็ดอร่อยกับใบองุ่นเถานั้นมากกว่าที่จะสนใจในเสียงระฆัง

                         แต่ก็มีเสียงของประชาชนที่มาชุมนุมในที่นั้น เป็นส่วนมากกล่าวขาน เขาจำม้าตัวนี้ได้ว่าเป็นม้าของอัศวินผู้หนึ่งซึ่งอยู่ทางท้ายตลาด เพราะสีสันเดิมของมันยังอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะแก่หรือผอมจนตัวลีบลงไปอย่างไรก็ตามทำให้เป็นที่น่าสงสัยของชาวเมืองเหล่านั้นว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมอัศวินจึงปล่อยให้ม้าเลี้ยงของตนต้องอดๆอยากๆ กลายเป็นม้าลำบากไปถึงขนาดนี้

                         ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ม้าตัวนี้คงมีเหตุให้ต้องมาร้องทุกข์เป็นแน่ มิฉะนั้นมันคงไม่มาถึงที่นี่"

                         เมื่อเป็นดังนี้   คณะกรรมการอำเภอเมืองก็มีหนังสือไปเชิญตัวอัศวินมาสอบถามจนได้ความจริง แต่อัศวินได้รับความอับอายยิ่งนัก เขาพยายามจะปฎิเสธในการที่จะเลี้ยงดูม้าตัวนี้ต่อไป เพราะเขาเองก็ไม่สามารถจะเลี้ยงตนเองได้อยู่แล้ว คณะกรรมการพยายามชี้แจง และอธิบายให้เขาทราบว่า ม้าเป็นสัตว์คู่ยาก เคยอยู่รับใช้มาตั้งแต่หนุ่ม ผู้เป็นนายถึงจะตกทุกข์ได้ยากอย่างไร ก็ไม่ควรละทิ้งมันไป หรือปล่อยให้มันต้องอดๆอยากๆ

                         และชาวเมืองกับคณะกรรมการอำเภอเมืองก็บังคับให้อัศวินนั้นนำม้ากลับไปเลี้ยงดูเช่นเดิมและคาดโทษเอาว่า ถ้าขืนทอดทิ้งม้าตัวนี้อีกจะต้องถูกลงโทษทันที...ก็นับว่า ระฆังร้องทุกข์ใบนี้ใช้ประโยชน์ได้ทั้งสัตว์และคน.

                                                                                                       โดย พงจันทร์

7Smooth.com

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1