ปีที่ 3 ฉบับที่ 918 ประจำวันอังคารที่ 18 เดือนมกราคม พ.ศ. 2543

สหัสวรรษที่ 3

อนิจจา .. สงครามเลือดเย็น สงครามแผ่อาณาจักรศาสนา

สงครามไม่เคยให้คุณกับใคร ในสงครามมีแต่ความโหดเหี้ยม ไร้เมตตาปราณี ใครที่เคยอยู่ในภาวะสงคราม จะไม่รู้สึกถึงความโหดร้าย การฆ่าเพื่อรักษาชีวิตให้รอด การแย่งชิงปล้นสดมภ์ เพื่อช่วงชิงสมบัติและอาหาร ความอดอยากยากแค้น การดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

ภาวะสงครามทำให้มนุษย์กลับกลายสภาพเป็นสัตว์ ทำให้จิตใจบางคนกลายเป็นเดรัจฉาน กลับไปสู่ความเป็นสัตว์ชั้นต่ำ ที่ไร้มนุษยธรรม การฆ่าคนเป็นผักปลา และหัวเราะอย่างสนุกสนานในชัยชนะ

สงครามย้อมจิตใจมนุษย์ให้เหี้ยมโหด ให้เคยชินกับความรุนแรง ให้กระเหี้ยนกระหือกับชัยชนะ และการเห็นความทุกข์ยากของคนอื่น เป็นเรื่องสนุกสนาน

แต่สงครามที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของมนุษย์คือ สงครามศาสนา

สงครามที่จุดชนวนขึ้นโดยผู้ถือศีล โดยพระ โดยผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ โดยกลุ่มบุคคลที่ชวนคนให้ทำความดี แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น ถือว่า การทำสงครามเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิทธิที่จะเข่นฆ่าผู้อื่น และได้รับการโปรดสัตว์จากพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน

สงครามครูเซด ที่ผู้คนเสียชีวิตนับล้านๆ คนอย่างน่าเวทนา สงครามที่ไม่มีใครได้ดี มีแต่ความทุกข์ยาก บ้านเมืองพังพินาศทุกฝ่าย ผู้คน อดอยาก ล้มตาย ทหารเหี้ยมโหด ไล่ฆ่าปล้นข่มขืนทุกหนทุกแห่ง มีแต่สภาพวิปโยค

การศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นการเตือนใจมิให้เราทำผิดซ้ำๆ ซากๆ อย่างเดิม แต่มนุษย์ก็ไม่เคยจำ พอนานไปก็ลืม ยิ่งถ้าคนรุ่นหลัง ที่ไม่ศึกษา ประวัติศาสตร์ ไม่สนใจประวัติศาสตร์ และนึกไม่ออกว่า จะศึกษาไปทำไมวิชาประวัติศาสตร์

เขาถึงบอกว่า มนุษย์กับสัตว์ต่างกันที่ตรงไหน

ต่างกันตรงที่มนุษยืมีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ มีอารยธรรม มนุษย์มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มนุษย์มีสมอง มีปัญญา ที่เหนือกว่าสัตว์โลกทุกชนิด จึงสามารถสร้างความเจริญมาจนเหนือสัตว์ทุกชนิดได้ แต่มนุษย์ก็ติดกับตัวเอง เพราะยิ่งสมอง มีความฉลาด มากเท่าไร แต่จิตใจยังคงชั่วร้าย ไร้ศีลธรรม ยังไม่พัฒนา

ไม่มีความยับยั้งชั่วใจ เห็นแก่ตว เห็นแก่ได้ จิตใจเหี้ยมโหด

ก็จะกลายเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีมันสมองที่ฉลาดยิ่งกว่า มนุษย์ธรรมดา การคิดปองร้ายผู้อื่น ก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมชาญฉลาด ลึกซึ้งแยบยล และเหี้ยมโหดยิ่งกว่าปรกติมนุษย์

ผมเห็นวิวัฒนาการแห่งการต่อสู้และการกระทำร้ายของมนุษย์ พัฒนาจากการต่อสู้ธรรมดาด้วยมือเปล่า ใช้กำลังเข้าทำร้ายกัน จากนั้น ก็เริ่มรู้จักใช้อุปกรณ์ ใช้ก้อนหิน ใช้ไม้ พัฒนากลายมาเป็นโลหะ เป็นอาวุธ เป็นมีด จนสุดท้ายกลายเป็นปืน เป็นระเบิด

และวันนี้กลายเป็นระเบิดร้ายแรง เป็นระเบิดนิวเคลียร์ ที่สามารถทำลายชีวิตมนุษย์ได้ครั้งละมหาศาล กลายเป็นระเบิดเชื้อโรค ที่ทำลาย มนุษย์โลกให้พิการได้ทั้งโลก กลายเป็นระเบิดไฮเทคที่ทำลายเฉพาะชีวิตมนุษย์ได้ แต่ไม่ทำลายอาคารสิ่งก่อสร้างแม้แต่น้อย

ทั้งหมดนี้ พัฒนามาจากการต่อสู้ของมนุษย์ และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยสงคราม

ความพยายามในการที่จะระงับสงคราม เพื่อให้เกิดสันติภาพแก่โลก สันติภาพที่มีสัญลักษณ์เป็นนกพิลาปสีขาว คาบกิ่งมะกอก นกพิเศษ ที่นอสตราดามุส เคยใช้คำว่า นกที่หายาก นั่นหมายถึง สันติภาพของโลกที่หาได้ยากนับพันปีมาแล้ว

เพราะมนุษย์มักจะแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ด้วยอาวุธ และสุดท้าย ก็กลายเป็นสงคราม การทำสงครามเพื่อสันติภาพ การทำลายล้าง เพื่อ เอาชนะ และเมื่อมีฝ่ายชนะก็ต้องมีฝ่ายแพ้ ฝ่ายแพ้ก็ซ่องสุมกำลัง รอเวลาเพื่อกลับมาเอาชนะใหม่ การต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น

วันนี้ศาสนาบางศาสนา บางนิกายก็ทำสงครามอย่างสงบเงียบ และเลือดเย็น การพยายามแผ่ขยายอาณาจักรของตนเอง ขยายกลุ่มที่ศรัทธา ของตัวเอง เพื่อรักษาฐานเดิม ซึ่งถ้าเป็นการขยายอย่างสร้างสรร ก็มิใช่ปัญหา แต่ทุกครั้งในการขยาย ก็มักจะต้องมีการขุดรากถอนโคน เขย่าฐานเดิม เพื่อปลูกต้นไม้ต้นใหม่

เราจะเห็นสงครามศาสนา ที่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นสงคราม เพราะเป็นการโจมตีข้างเดียว ที่ศาสนาหนึ่งพยายามขับไล่พุทธศาสนา จาก ดินแดนพุทธเดิม

การขับไล่ชาวพุทธและทำลายล้างอย่างเลือดเย็น ในเวียดนาม ในเกาหลี ในศรีลังกา และขณะนี้ กำลังคืบคลานมาอย่างเงียบในประเทศไทย

ผมได้อ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาวพุทธในประเทศต่างๆ เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ที่จะได้อ่านจากพิมพ์ไทย ในหน้าที่ติดกับคอลัมน์นี้ ผมยัง ได้อ่านเรื่องราวของการทำลายพุทธในประเทศต่างๆ ที่เป็นสงครามศาสนาจากหลายๆ แห่ง มากมาจนจำไม่ไหว ยิ่งอ่านยิ่งกลัว

ที่ในสหรัฐอเมริกา ผมได้รับเรื่องราวต้นฉบับจากผู้รู้มากมาย ของขบวนการทำลายพุทธ ที่ก่อตัวอย่างเงียบๆ มานาน เหมือนงูพิษตัวใหญ่ ที่คืบคลานมาแอบอยู่ในห้องอย่างเงียบๆ รอเวลาที่จะแผ่แม่เบี้ย และฉกเหยื่อในจังหวะที่มาถึงในประเทศไทย เอกสารต่างๆ มากมายเหล่านี้ เป็นที่แพร่หลายในวงการพระภิกษุผู้ใหญ่มานาน แต่ไม่มีใครเชื่อ และไม่มีใครคิดว่า เรื่องร้ายเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในเมืองไทย เพราะผู้ทรงศีล ไม่น่าจะคิดร้ายเหล่านี้ได แต่เข้าใจผิดถนัด

หลายคนก็บอกว่า เชื่อในบารมีคุ้มครองของพระสยามเทวาธิราช หลายคนก็เชื่อในบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนก็วางเฉย ตามสไตล์ของ คนไทย คือ "ไม่เป็นไร"

เพราะพุทธศาสนา ไม่มีสงครามศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีการทำสงคราม เพื่อเอาใจพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะถือเป็นการผิดศีลและผิดธรรมเป็นบาป อย่างร้าย เพราะพระองค์สอนให้แต่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ใครจะคิดร้ายก็ให้แผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ใครจะคิดร้าย ก็ให้แผ่ เมตตาให้ ถึงเขาจะแผ่แม่เบี้ย ก็ต้องทำใจดีสู้งูพิษ

แต่ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หนึ่งปีของการทำลายให้เสื่อมทั้งประเทศ แบบขุดรากถอนโคน สงครามที่ไม่ประกาศ เริ่มต้นด้วยมิตรภาพ สวัสดิภาพ สัมพันธไมตรี นารีพิฆาต และ ... วินาศภัย

"กาขาว"


[หน้าหลัก][สหัสวรรษ]

1 1