ปีที่ 3 ฉบับที่ 973 ประจำวันอังคารที่ 14 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2543

บทความพิเศษ - เรื่องจริงแห่งไทยนคร

เมื่อคนดูลงไปบู๊เสียเอง

หลาย ๆ คนคงเคยดูมวย ไม่ว่าจะดูข้างเวทีหรือมวยในตู้โทรทัศน์ก็ตาม เวลานักมวยชกกัน ก็จะต้องมีกรรมการบนเวที ส่วนคนดูรอบ ๆ จะโห่ฮา ก็ได้แค่เสียง จะขึ้นไปซัดด้วย ก็คงไม่ได้แน่ หากจะเปรียบพระผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่คณะผู้พิจารณาในศาลสงฆ์ ก็เหมือนเป็นแค่คนดูมวยที่พยายามตะเกียกตะกายอยู่ขอบสนามของศาลสงฆ์ แต่ทำไมถึงได้ พยายาม ดันทุรังรื้อฟื้นเรื่องที่มันจบไปแล้ว ให้คืนชีพขึ้นมาอีกก็ไม่ทราบได้ หรือจะมีเอี่ยวอะไรบางอย่างด้วยหรือ? กับการผลักดันนิคหกรรมให้เดินหน้าต่อไป ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ เกี่ยวข้องด้วยเลย

พระผู้ใหญ่บางรูปครับ ถ้าท่านทำได้ ไอ้จุก ไอ้แกละ ที่เป็นเด็กวิ่งเล่นในวัด มันก็มีสิทธิเข้ามาจุ้นจ้านวุ่นวายในศาลสงฆ์ได้เหมือนกันใช่ไหม สัปเหร่อก็คงเข้าไปร่วมประชุม ในศาลสงฆ์ ได้ด้วยจริงไหม ท่านน่าจะดูกฎมหาเถรสมาคมกันบ้างนะครับว่า ตนเองมีหน้าที่และบทบาทเพียงใด ถึงบทและหน้าที่ของตัวแล้วหรือยัง? ควรจะทำอะไรได้แค่ไหน? ถ้าแหลมมากไป เขาจะเรียกว่า "Tiger ก.ข."?

ตามปกติพระผู้ใหญ่ท่านก็ต่างวางตัวได้อย่างเหมาะสม ควรแก่การสักการบูชา ดุจกระถางธูปบนหิ้ง ย่อมไม่ลดตัวลงมาเกลือกกลั้วอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่อง แล้วนี่มันอะไรกัน! หน้าที่ ของตัวก็ไม่ใช่ อำนาจที่จะยุ่งในเรื่องศาลสงฆ์ก็ไม่มี แต่กลับพยายามก้าวก่าย จนใช้วิธีการรุนแรงถึงกับประหัตประหาร สั่งปลดองค์โน้นองค์นี้ ตามอำเภอใจ ระวังกรรมจะ ตามสนอง นะท่าน

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมเองเชื่อมั่นในตัวท่านอยู่ครับว่า ท่านพยายามทำตัวเป็นคนดีในสังคม ได้รับความนิยมชมชอบจากสื่อมวลชน ข้าราชการในกรมฯ และนักการเมืองผู้มีอำนาจ แต่ขอให้ระวังกิเลสที่สิงอยู่ในตัวท่านหน่อยนะครับ มันจะบังคับบัญชาให้จิตใจทะเยอทะยานดิ้นรนไม่มีที่สิ้นสุด กิเลสตัวนี้มันร้ายจริงๆ ถึงได้ปิดบังดวงปัญญา และบงการท่าน ได้ขนาดนี้ ท่านน่าจะลองชนะกิเลสตัวนี้ด้วยวิธีการสวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างพระอริยเจ้าเขาทำกันบ้างนะครับ บางทีกิเลสเหล่านี้ จะได้เบาบางลงได้บ้าง

เทพสุริยันต์

1