ปีที่ 3 ฉบับที่ 983 ประจำวันเสาร์ที่ 25 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2543 |
สัมมนาทางวิชาการ สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน
(คัดย่อ)
ชมรมชาวพุทธสากลแห่งประเทศไทย ร่วมกับจิตตภาวันวิทยาลัย ชมรมผู้รักธรรม และชมรมส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรม จัดให้มีการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในสถานการณ์ปัจจุบันขึ้น ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2543 โดยมี พระเทพกิตติปัญญาคุณ เป็นประธานในพิธี อาจารย์จำนงค์ สวมประคำ รองเลขาธิการวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการสัมมนา แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงบ่ายมีวิทยากร ประกอบด้วย พล.ร.อ.เกาะหลัก เจริญรุกข์ พล.อ.ศิรินทร์ ธูปกล่ำ วุฒิสมาชิก สายทหารทั้งคู่ และพระศานิตย์ นิจจังคุโณ พระนักกฎหมาย เนติบัณฑิตจาก ม.รามคำแหง และช่วงเย็นมีวิทยากรประกอบด้วย อาจารย์แสวง อุดมศรี
ผู้เชี่ยวชาญ พระไตรปิฎก
โดยเฉพาะ กฎนิคหกรรมแห่งมจร. พ.อ.บรรจง ไชยลังกา เสนาธิการฝ่ายความมั่นคง ดร.สุวิทย์ นพเก้า ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง และกฎหมายระหว่างประเทศ และ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง ผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นครราชสีมา มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังการสัมมนา เป็นพระภิกษุประมาณ 70 รูป
และสาธุชน ประมาณ 700 คน
นายอดิศักดิ์ วรรณสิน กล่าวรายงานต่อที่ประชุม สืบเนื่องมาจากการจัดสัมมนาครั้งที่ผ่านมา เรื่องเบื้องหน้า-เบื้องหลัง วิกฤตพุทธศาสนา
ที่ประชุมได้มีฉันทามติให้ชมรม
ชาวพุทธสากลแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนยื่นหนังสือคัดค้านการให้พระพรหมโมลี ออกจากตำแหน่งโดยไม่มีความผิด ต่ออธิบดีกรมการศาสนา
ในฐานะเลขานุการมหาเถร สมาคม พร้อมลายเซ็นพระภิกษุและสาธุชน ที่ร่วมลงชื่อคัดค้านในวันนั้นกว่า 700 รายชื่อ ทางชมรมฯ ได้ตอกย้ำกับนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีรับเรื่องแทน ให้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เพื่อ มส. จักได้พิจารณาต่อไป
จากวันนี้มา ยังมีคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี จำนวนกว่า 200 รูป ได้ยื่นเรื่องคัดค้านคำสั่งดังกล่าว พร้อมลายมือชื่อพระภิกษุกว่า 16,000 รูป ท่านมีความเห็นว่า
ขณะนี้สถานการณ์
ของพระพุทธศาสนา ไม่น่าไว้วางใจ เพราะเห็นได้ชัดเจนถึงความตั้งใจมุ่งทำลายพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลำพังเรื่องความผิดส่วนตัวของพระด้วยกัน
ไม่ใช่เรื่อง ใหญ่ สามารถแก้ไขกันได้ เพียงแต่ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยเท่านั้น หากพระยินยอมหรือยอมตัวให้ฝ่ายการเมืองใช้เป็นเครื่องมือ มาทำลายธรรมวินัยเสียเอง
ท่านยอมตาย
เพื่อรักษาพระธรรมวินัย ดังนั้น จึงหวังว่าพุทธบริษัททั้ง 4 จะได้ร่วมมือร่วมใจกันปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาของเรา ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากวิกฤติดังกล่าว
พระเทพกิตติปัญญาคุณ ได้แสดงความชื่นชมต่อชมรมต่าง ๆ ที่ร่วมมือกัน ปกป้องพระศาสนา ซึ่งสืบทอดมานานตั้งแต่ครั้งสุวรรณภูมิ
ที่พระพุทธศาสนานำความรุ่งเรือง
ร่มเย็น
มาสู่ชาวไทยกว่าสองพันปีที่ผ่านมา วิถีชีวิตของคนไทยไม่เคยไร้ความสงบสุขร่มเย็น แม้พระมหากษัตริย์ทุกยุคทุกสมัย ปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทรงเป็นพุทธมามกะ
สืบทอดมา ทุกยุคทุกสมัย ตราบกระทั่งปัจจุบัน แต่มาบัดนี้ มีความพยายามอย่างเป็นขบวนการ มุ่งทำลายพระพุทธศาสนา โดยอาศัยความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและการเมือง
โดยเฉพาะ
ความไม่เอาไหนของรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบเรื่องศาสนาโดยตรง จึงเป็นเรื่องที่เราชาวพุทธจะต้องระแวดระวัง เอาใจใส่ปกป้องพระพุทธศาสนาของเราเอาไว้
ให้ลูกหลานได้พึ่ง พาอาศัย สืบต่อไปในภายภาคหน้า
พล.ร.อ.เกาะหลัก เจริญรุกข์ วุฒิสมาชิก 2 สมัย ให้ข้อคิดเห็นกับเรื่องสถานการณ์ทางพระพุทธศาสนา แท้จริงแล้ว ศาสนามิได้เสื่อม เพียงแต่ความเห็นของคนขัดแย้งกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสติปัญญาในการรับรู้และวิเคราะห์วิจัยของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นเรื่องขัดแย้งในทางพุทธศาสนา หากเป็นเรื่องของพระ ก็ควรให้พระท่านแก้ไขกันเอง ท่านย่อมรู้ตัวได้เองว่า อะไรผิดอะไรถูก เมื่อยอมรับและแก้ไขเสียใหม่ ทุกอย่างก็เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องทุกข์ร้อนกันไปมากมาย เหมือนในปัจจุบัน
พล.อ.ศิรินทร์ ธูปกล่ำ วุฒิสมาชิก 2 สมัย และสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรกที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา จากจังหวัดลพบุรี จากการที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้าน ระหว่างรณรงค์การเลือก สว. ครั้งนี้ ได้พบเห็นวัดทุกวันนี้เงียบเหงา คนไม่ค่อยได้เข้าวัดกันแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน พอวันโกนวันพระ จะมีสาธุชนเข้าวัด รักษาอุโบสถศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมกันมากมาย สมัยนี้ บางวัดเหลือพระเพียงรูปสองรูป ที่ร้างไปแล้วก็มี บางแห่งเจ้าอาวาสไม่มีความรู้เรื่องศิลปวัฒนธรรม มุ่งแต่จะซ่อมสร้างวัด จนไม่ได้เหลียวแลวัตถุสถานทางประวัติศาสตร์ ของมีคุณค่าเหล่านี้ ถูกทำลายไปมาก โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พ่อค้าบางคน ฉวยโอกาสขนเอาไปขายส่งนอกกันก็มี น่าจะได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการทั้งพระและฆราวาส ร่วมกันดูแลศาสนสถานเหล่านี้ แต่จนด้วยงบประมาณ ทั้งทางวัด ทางกรมศิลปากร และกรมการศาสนาเอง
พระศานิตย์ นิจจังคุโณ ได้กล่าวถึงการดำเนินนิคหกรรม ต่อกรณีธรรมกายโดยตรง ซึ่งน่าจะเป็นหัวใจของการสัมมนาในครั้งนี้ เพราะระฆังยกสุดท้ายของการเดินเรื่องนิคหกรรม กังวาลกระหึ่มทั่วทั้งสังฆมณฑล สถานการณ์ของพระพุทธศาสนา ร้อนแรงขึ้นมา ก็เพราะฆราวาส 2 คน ยื่นเรื่องกล่าวหาพระภิกษุในเรื่องครุกาบัติ ต่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี แล้วการเมืองระดับ รมช. ลงมาบีบบังคับให้เจ้าคณะจังหวัด ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ประกาศรับคำกล่าวหานั้น ต่อเมื่อมีหนังสือทัดทานจากวัดพระธรรมกาย
ในเรื่องคุณสมบัติ ของ
ผู้กล่าวหา ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม ก็ไม่ได้ให้อำนาจแก่ผู้พิจารณาในการรับคำกล่าวหาใดๆ คณะพระผู้พิจารณาจึงให้ยกคำกล่าวหานั้นเสีย และให้ถือเป็นอันสิ้นสุด ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาใด ๆ ได้อีก ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป ดังนั้น ความพยายามใด ๆ ที่จะรื้อฟื้นนิคหกรรมดังกล่าว
ถือเป็น
การละเมิดพระธรรมวินัย และผู้รื้อฟื้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ อุโกฎนสิกขาบท ต้องโทษหนัก ในสังฆาตมหานรก
อาจารย์จำนงค์ สวมประคำ กล่าวโดยสรุปด้วยความมั่นใจว่า พระพุทธศาสนาจะยังสืบต่อยืนยาวไปอีกนาน แม้จะต้องผ่านวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้ที่ก่อวิกฤติก็ต้องได้รับโทษ
ตามแรงกรรม ที่ตนเองได้ทำไว้ แต่ในความเชื่อมั่นของตน โดยเฉพาะเรื่องของวัดพระธรรมกาย ที่เคยได้สัมผัสแม้เพียงครั้งเดียว ได้เห็นการก่อสร้างต่างๆ
ที่บรรดาสื่อพากัน รุมด่า ว่า
สารพัด ไม่เห็นว่าจะเป็นการบ้าวัตถุแต่ประการใด มีการค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ทำกันไปตามจำนวนผู้คนที่เข้าวัดมากขึ้น ๆ ทุกปี หลวงพ่อกลัวคนไม่มีที่ปฏิบัติธรรม
ก็เลยต้อง
ใหญ่ไปตามจำนวนประชากร ก็เท่านั้น เท่าที่เห็นล้วนสร้างเท่าที่จำเป็น และเป็นการสร้างอย่างประหยัดอีกด้วย โดยส่วนตัว อยากเห็นวัดในลักษณะนี้มาก ๆ
พุทธศาสนาจะได้ เจริญ
รุ่งเรืองไปอีกนานแสนนาน คนที่ไม่ได้เห็นจึงไม่ควรไปกล่าวหาเขา ต้องเข้าไปดูให้เห็นจริงเสียก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน
การสัมมนาในภาคเย็นเริ่มขึ้นเวลา 17.00 น. อาจารย์แสวง อุดมศรี ได้กล่าวตอกย้ำเรื่องนิคหกรรม ว่าจบลงแล้วอย่างสมบูรณ์ ถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคม กฎหมาย
และ พระธรรมวินัย ทุกประการ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการรื้อฟื้นขึ้นมาทำใหม่ ก็ต้องเสี่ยงกับอาบัติอุโกฏนปาจิตตีย์ หรือหากพระที่ไม่ได้เข้าประชุม มส. ในวันที่ 13 สิงหาคม 2543 แล้วอ้างว่า ตนไม่รู้เห็น จะต้องรื้อฟื้นใหม่อีกครั้งก็ไม่ได้ เพราะเป็นมติในที่ประชุม พระเถระทุกรูปร่วมลงลายมือชื่อรับรองเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย หากคิดฝ่าฝืน ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทั้งสอง สิกขาบท ต้องไปเสวยทุกข์ในสังฆาตมหานคร เกิดเป็นวัวควาย วิ่งขวิดภูเจาเหล็ก จนตัวตายด้วยความทุกข์ทรมาน อย่างแสนสาหัส ตายแล้วเกิด ๆ อยู่ในนรกนั้น ชั่วกาลนาน
พ.อ.บรรจง ไชยลังกา กล่าวว่า เราต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ชัดเจน จุดมุ่งหมายของเขาคืออะไร พฤติกรรมที่ผ่านมา ล้วนแสดงให้เห็นว่า เขามุ่งจะล้มมหาเถรสมาคม
ทำลาย
พุทธศาสนายึดทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติ อันมีค่ามหาศาลไว้ในกำมือ เพื่อเอาไปใช้หนี้ให้กับ IMF และเป็นเรื่องสอดคล้องกับที่ทางวาติกัน ต้องการยึดวัดทั้ง 30,000
กว่าแห่ง มาเป็นของตน แล้วเปลี่ยนเป็นโบสถ์คริสต์ทั้งหมด บุปผาสวรรค์เป็นตัวอย่าง ถูกยกให้กับวิทยาลัยแสงธรรมไปเรียบร้อยแล้ว มันก็คือการทำลายชาติดี ๆ นี่เอง
ลองมองย้อนหลังไปดูปี 2535 สมัยของนายอานันท์ เป็นนายก มีการออกกฎหมายมากที่สุดถึง 549 ฉบับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับที่ 2 เป็นหนึ่งในนั้น
มีหลายมาตราที่สามารถ
จับพระสึกได้เลย โดยไม่ต้องไต่สวน พึงสังเกตให้ดีว่า พระกับคนที่ออกมาด่าวัดพระธรรมกายในตอนแรก อ้างว่าสอนผิดเพี้ยน บิดเบือนพระธรรมวินัย ต่าง ๆ นานา
พอถึงคราว พระพรหมโมลีถูกปลด เพราะพยายามรักษาพระธรรมวินัยด้วยชีวิต กลับไม่เห็นทั้งพระทั้งคน ออกมาพูดว่ากระไร มันหายหัวไปไหนกันหมด เพราะอะไร???
แล้วทำไมจึงต้องให้
ดาราที่เป็นคริสต์ เอาจีวรพระมาทำแฟชั่นใหม่ ทำไมต้องทำในช่วงเวลานี้ ??? การมีหนังสือเรียกพระมาอบรม ให้มีการรักษาโรคเอดส์ และพวกติดยาบ้า
ซึ่งเป็นนโยบาย จะใช้วัด
เป็นที่รักษาคนจำพวกนี้ ทำไปทำไม??? ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข มันใช้วัดก็เพื่อทำลายสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของพระ สาธุชนที่ไหนจะกล้าเข้าวัด
เดี๋ยวก็ พลอย ติดเอดส์ หรือ ไม่ก็โดนพวกคลั่งยาบ้าฆ่าเอา
มีความพยายามปลอมแปลงเอกสารราชการอย่างชัดแจ้ง ในคำสั่งที่ 28/2543 ที่นายสมศักดิ์ รมว.ศึกษาธิการ ลงนามมี 2 ฉบับ ที่ผู้ลงชื่อพยานไม่ตรงกัน คือนายไพบูลย์
และ นายประยูร จึงเป็นการแน่นอนว่า ไม่ฉบับใดก็ฉบับหนึ่งปลอม หรือปลอมทั้ง 2 ฉบับ เพราะข้อความแตกต่างกัน
เราจะเห็นความจงใจละเมิด
กฎหมายของกลุ่มคนเหล่านี้
อยู่เป็นประจำ
ไม่เพียงสถาบันชาติ ศาสนาเท่านั้น ที่ถูกทำลาย สถาบันกษัตริย์ ก็เช่นเดียวกัน มีการกล่าวจาบจ้วง หมิ่นต่อองค์พระประมุข และบรมวงศานุวงศ์ ต่อหน้าต่อต่อตาตำรวจ โดยไม่มีการจับกุมใด ๆ แม้ในรัฐธรรมนูญ ก็ยังพยายามเอามาตีความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อยู่เสมอ
ดร.สุวิทย์ นพเกล้า เคยบวชเรียนเป็นสามเณรมาก่อน พอมีคนมาบอกว่า เขาชี้หน้าด่าพระกันให้เอิกเกริก ก็ไม่เชื่อ จึงวิ่งเข้าไปดูวัดพระธรรมกาย หมายจะพิสูจน์ด้วยตาตนเอง กลับพบว่า เป็นวัดที่น่าทึ่ง การอบรมสั่งสอนล้วนเดินตามรอยพระศาสดา จากการค้นคว้าได้พบหนังสือเรื่องกายสาม ของพระพรหมมุนี แห่งมหามงกุฏราชวิทยาลัย
กล่าวถึงการ
วิปัสสนาแบบธรรมกาย สามารถรู้เห็นได้ สัมผัสได้ด้วยตนเอง และสามารถเข้าถึงธรรมกายได้จริง
เรื่อง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่มีความพยายามอย่างยิ่ง จะให้ฆราวาสเข้ามาปกครองพระ เป็นนโยบายของรัฐบาลนายกชวน เพราะแถลงเอาไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่รับช่วงมาจาก พล.อ.เชาวลิต ตอนปลายปี 2540 ก่อนเกิดกรณีธรรมกายเป็นปี ต่อมาเมื่อ ดร.อำนวย สุวรรณคีรี ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทั้ง 2 ฉบับ แล้วหลังจากนั้น 3 เดือน พระธรรมปิฎก จึงจุดประเด็นกรณีธรรมกายขึ้น โดยความร่วมมือของบาทหลวงโรเบล แสวร์เล่อร์ ที่หากินอยู่แถว ๆ วัดอุโมงค์นั่นเอง อาจารย์อาษาก็เคยเขียนถึงพระธรรมปิฎกไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่พระที่ปฏิบัติกรรมฐาน ไม่ยอมปฏิบัติด้วย เพราะสมัยยังเล็กนั้น พ่อของเขาสั่งเอาไว้ ไม่ให้ปฏิบัติ เดี๋ยวจะโดนผีหลอก เลยเป็นคนกลัวผีตั้งแต่นั้นมา
รับรองได้ว่า นายสมศักดิ์ และนายวิชัย รวมหัวกันวางแผนสึกพระธัมมชโยแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น มีพระในบัญชีอีกหลายรูป ที่จะต้องถูกสึก รวมทั้งพระเทพกิตติปัญญาคุณ ที่เป็นประธานในพิธีครั้งนี้ด้วย ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ จะต้องลุกขึ้นปกป้องพุทธศาสนา และต่อสู้กับความอยุติธรรมเหล่านี้ให้จงได้ แม้ตัวตายก็ต้องยอม
ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง ระบบเศรษฐกิจของชาติต้องพังพินาศ เพราะคนป่าออกมาครองเมือง เราเห็นพวกคนเหล่านี้ได้ดิบได้ดี ทั้งวงรัฐบาล และวงการสื่อสารมวลชน
ล้วนเกิดจาก จิตใจละโมภ โลภมาก ทะเยอทะยาน อยากใหญ่อยากโต อยากรวยไม่สิ้นสุด ไม่สนใจว่า ชาติจะล่มสลาย ขอตัวเองสบายไว้ก่อนเป็นดี
พวกนี้จึงร่วมมือกัน
เชิดชูวัดที่อ่อนแอที่สุด แล้วใช้โหมทำลายวัดที่เข็มแข็งที่สุด เพื่อทำลายพระพุทธศาสนาได้ง่ายเข้า โปรดสังเกตดู ทุกวันนี้ มีอยู่ 3 แห่ง ที่คนเข้าวัดมากที่สุด คือ วัดพระธรรมกาย มัสยิดของอิสลาม และโบสถ์ของชาวคริสต์ การพยายามทำลายวัดพระธรรมกายอย่างทุกวันนี้ ศาสนาพุทธจะเอาอะไรไปสู้กับเขา ปัจจุบันศาสนาพุทธ มีคนทั่วโลกนับถืออยู่ในอันดับ 5 น้องกว่า พวกไม่มีศาสนาเสียอีก ศาสนาที่ว่าดีที่สุดในโลก แต่กลับต้องเป็นอย่างนี้ เพราะอะไร???
ผมคำนวณดู "ฮวงจุ้ย" ในประเทศ มีไม่น้อยกว่าล้านหลุม ค่าจัดสร้างเป็นล้านบาท คิดดูถึงเงินที่ใช้จ่ายไปมากมาย ล้วนเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้เป็นเจ้าของ
แล้วทำไมเรา จะสร้างเจดีย์ ไว้ระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอาไว้ปฏิบัติ เราไม่ได้เอาเงินรัฐบาลแม้แต่แดงเดียว เป็นเงินจากศรัทธาของญาติโยม ทุ่มเทให้กับพระศาสนา
ทำไมเรา จะทำไม่ได้ ทำไมเราต้องกลัวมันด้วย ไม่ใช่เงินของมันสักหน่อย เราบอกบุญใครมีศรัทธา ก็มาทำกับเรา ไม่ศรัทธาก็ไม่ได้บังคับ มันบังคับกันไม่ได้อยู่แล้ว
แล้วมันเรื่องอะไร ของ ไอ้นายตือ นายไพบูลย์ มันจะใหญ่กว่ากฎหมาย ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เรายอมไม่ได้
นายสัตวแพทย์อนุวัฒน์ ศีตะมโนชญ์
ได้กล่าวสรุปถึงสถานการณ์โดยรวมของพระพุทธศาสนา กำลังถูกผลักดันให้เป็นไปในทางเลวร้ายยิ่งขึ้น มีความพยายามละเมิดกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ กฎ มส. และพระธรรมวินัย เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตนอยู่ทุกวัน พระที่อ่อนต่อโลก แม้อายุจะใกล้ฝั่ง
จึงยังต้องตกเป็นเครื่องมือ
ให้เขาใช้มาทำลาย
พระพุทธศาสนาของตน อย่างน่าละอาย ไม่วายยังหลงยึดทิฏฐิ อัสมิมานะ คิดเอาชนะคนอื่น จนลืมกิเลสในตัวเองเสียสิ้น อาจถึงเวลาต้องสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน
หากชาวพุทธ
ไม่สมัครสมานสามัคคีกัน เชิดชูพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครในโลกจะเปรียบเทียบได้ ส่งเสริมพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ช่วยกันกอบกู้ศักดิ์ศรีของเราชาวพุทธ ให้กลับคืนมาโดยเร็ว
การประชุมสัมมนาเสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 18.45 น. มีคำถามจากผู้สนใจจำนวนมาก คงต้องยกยอดไปตอบในโอกาสการสัมมนาครั้งต่อๆ ไป
ชมรมชาวพุทธสากล แห่งประเทศไทย