ปีที่ 3 ฉบับที่ 983 ประจำวันอาทิตย์ที่ 26 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2543

สหัสวรรษที่ 3

ชัยชนะของฝ่ายธรรมะ ลางแพ้ของฝ่ายอธรรม

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสัมมนาสองวัน ของพระสังฆาธิการจากทั่วประเทศ ที่จิตตภาวันวิทยาลัย ชลบุรี ที่หลวงพ่อกิตติวุฑโฒ เป็นผู้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับการตอบรับ จากวงการสงฆ์ อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จนสีจีวรเหลืออร่ามไปทั่วจิตตภาวัน

นับเป็นการพลิกฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่ของสถาบันสงฆ์ ที่ท่านสร้างไว้อย่างงดงามหลายสิบปีก่อน ถือเป็นอาคารเรัยนที่โอ่อ่าสมศักดิ์ศรี น่าทึ่งในบารมีของผู้นำสถาบัน ที่โด่งดังที่สุด ในยุคนั้น

ท่านกิตติวุฑโฒ พระหนุ่มที่เทศน์เก่งจับใจ เสียงดังฟังชัด กังวานผ่านวิทยุ ซึ่งแรงที่สุดในยุคนั้น ตอนนั้น สมัยยังเป็นเด็ก หนุ่ม ๆ ผมเห็นพลังศรัทธาชาวพุทธ ที่เตรียมไปทอดกฐิน จากกรุงเทพฯ เป็นขบวนรถเมล์ยาวเหยียด นับร้อยคัน

ชนิดหัวขบวนไม่เห็นท้ายขบวน

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

ภาพที่ผมจำได้คือ สถาบันพัฒนาสงฆ์ในอุดมคติ ที่แนวความคิดก้าวหน้าที่สุด การเห็นสภาพเสื่อมโทรมของวงการพระภิกษุสงฆ์ พระที่ไม่มีความรู้ กลายเป็นผู้นำชาวบ้าน เหมือน คนตาบอดนำทางคนตาบอด พระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่มีวินัย ขาดเป้าหมายในชีวิตในการเป็นสงฆ์ที่ดีตลอดชีวิต

สิ่งที่หลวงพ่อกิตติวุฑโฒ ท่านสร้างในยุคนั้น ถือเป็นความกล้าหาญ เป็นความคิดใหม่ในวงการสงฆ์ ผมรู้จักท่านฝ่ายเดียว เห็นแต่ผลงาน เห็นวิสัยทัศน์ ก็รู้สึกชื่นชม การคัดเอา เยาวชน เข้ามาอบรม ให้อยู่ในบวรพระพุทธศาสนา ตั้งแต่เด็ก ฝึกวินัย ฝึกการดำรงชีวิต ให้เรียนรู้พระไตรปิฎก ให้รักษาศีล ให้ทำตัวให้ชาวบ้านเคารพกราบไหว้

การตั้งเป้าหมายสร้างพระดี พระรุ่นใหม่ พระแท้ที่เป็นพระเพื่อจรรโลงพุทธศาสนา

แน่นอน สิ่งที่หลวงพ่อกิตติวุฑโฒ สร้างถือเป็นการปฏิบัติวงการสงฆ์ ที่ทำให้พระรุ่นเก่าถึงกับช็อค และจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะแนวคิดเดิมของพระไทยคือ เมื่อเป็นพระต้อง ปลีกวิเวก ต้องละทิ้ง ไม่ยึดติดอะไรทั้งสิ้น ต้องถืออุเบาขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องเฉย

และแรงอิจฉาริษยาที่เห็นผลงานที่เกินหน้าเกินตา มรสุมร้ายก็เริ่มเข้ามา พายุโจมตีด้วยกระแสสื่อ ก็เริ่มพัดกระหน่ำระลอกแล้วระลอกเล่า

ภาพพจน์ของท่านก็ถูกกล่าวหาว่า เป็นพระการเมือง เป็นพระฝ่ายขวาจัด เป็นพระปลุกระดม จนสุดท้ายก็มีการตั้งข้อหาคดีอาญา มีการใส่ความ ให้มัวหมอง

ผมดูแล้วเส้นทางวิบากของคนทำดี มักจะเผชิญมรสุม ในลักษณะคล้ายคลึงกัน เส้นทางของพระผู้นำการเปลี่ยนแปลง มาสู่วงการสงฆ์ มักจะเผชิญกับพลังแห่งความอิจฉาริษยา ที่ในที่สุด ก็จะมีการเริ่มใช้อำนาจทางการเมือง เข้าบีบ ใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือ ใช้อำนาจขององค์กรสงฆ์สูงสุดเข้าจัดการ เป็นขบวนการที่คล้ายคลึงกันทุกสมัย

แต่สิ่งที่หลวงพ่อกิตติวุฑโฒสู้ด้วยความเยือกเย็น สู้กับข้อกล่าวหาในคดีอาญา สู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์จนถึงศาลฎีกา

ท่านเล่าว่า วันที่ศาลฎีกาจะตัดสิน ขบวนการของวงการสงฆ์ และกรมศาสนา ได้เตรียมยกขบวนมา พร้อมที่จะจับท่านสึก ทั้งบุคคลและอุปกรณ์พร้อม ทุกคนมาด้วยความ หมายมั่นปั้นมือว่า คราวนี้เสร็จแน่

แต่ท่านก็ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอย่างใจเย็น และในที่สุด ศาลฎีกาก็ยกฟ้อง ท่ามกลางความดีใจของสานุศิษย์ และผู้ติดตามเอาใจช่วยมากกว่า 7 ปี แต่ท่ามกลางความผิดหวัง ของผู้ปองร้าย และอาฆาตแค้นมานานแสนนาน

ตลอดเวลาดังกล่าว ชื่อของจิตตภาวัน ก็หายไปจากความทรงจำอันงดงามของพุทธศาสนิกชน สภาพของวิทยาลัย ก็มิได้รับการพัฒนาให้งดงามเหมือนในอดีต

แต่วันนี้ คือ การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ ชื่อ "จิตตภาวัน" เมื่อพระภิกษุสงฆ์ระดับพระสังฆาธิการ จากทั่วประเทศ หลั่งไหลเข้ามาชุมนุมกัน เข้ามาสัมมนา เพื่อวิเคราะห์สถาน การณ์ของพุทธศาสนา ซึ่งกำลังถูกปองร้าย โดยกลุ่มบุคคลและขบวนการที่ดำเนินงาน อย่างมีแผน มีกลุ่มบุคคลระดับสูง เป็นเสนาธิการ มีกำลังเงินมหาศาล มีอำนาจรัฐ และ อำนาจสงฆ์ในมือ

การสัมมนาที่มีบุคคลระดับสูงอดีตรองนายกรัฐมนตรี ระดับหัวหน้าพรรค ให้ความสนใจ นับตั้งแต่คุณสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี คุณกร ทัพพะรังสี หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา รองนายกรัฐมนตรี และ คุณเฉลิม อยู่บำรุง รองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และอดีตรัฐมนตรี

สามบุคคลชื่อดังของชาติ ให้เกียรติพระ ให้ความสำคัญ และมาร่วมในการอภิปรายบรรยายแนวคิดแนวนโยบาย ด้วยความรักและเห็นความสำคัญในพุทธศาสนา 

ท่ามกลางพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เกือบห้าพันรูป ที่มากันอย่างคับคั่ง ทั้งที่กระแสสื่อโจมตีอย่างหนัก ออกข่าวอย่างหนัก เพื่อหวังให้ ล้มการสัมมนาครั้งนี้ แต่การณ์กลับตรงกันข้าม

ผมเห็นพระทั่วประเทศหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย มาด้วยความเชื่อมั่น มาด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอยให้มีการประชุมลักษณะนี้ มานานแล้ว ผมเห็นพระระดับ พระสังฆาธิการที่ทักทายกันด้วยความสนิทสนม ด้วยเสียงอันดัง แสดงความคุ้นเคย รอยยิ้มที่ส่งให้กัน และความรู้สึกที่ดี และฟังการบรรยาย ด้วยความเอาใจใส่อย่างจริงจัง

หลายท่านบอกว่า น่าจะมีอย่างนี้ตั้งนานแล้ว

ต้องขอกราบแสดงความยินดี ต่อหลวงพ่อกิตติวุฑโฒ ผมเห็นท่านยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม ไม่คาดคิดว่า จะประสบความสำเร็จสูงถึงขนาดนี้

วันนี้ เป็นวันแห่งการติดปีกอินทรีสีเหลืองทองอร่าม เป็นการประกาศชัยชนะของคนทำความดี ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยทุกชนิด เป็นการแสดงพลังเงียบที่น่าพิศวง ของวงการสงฆ์ทั่ว ประเทศ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในขณะที่ฝ่ายปีศาลร้าย กำลังกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ที่แผนร้าย ล้มเหลวสิ้นเชิง

อาเมน

กาขาว


1