อย่างอื่นที่ควรรู้ นอกจากการเหยียบคันเร่ง และเบรค
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 26-27 กันยายน 2541]
สารพัดคำถามเรื่องเบรก
รถยนต์แล่นได้ก็ต้องหยุดได้ เสาร์-อาทิตย์ที่แล้ว คอลัมน์ MOTORING นำเสนอความรู้ พื้นฐานเรื่องเบรก
ครั้งนี้ต่อเนื่องด้วยสารพัดคำถามที่พบบ่อยเฉพาะเรื่องเบรก
อาการผิดปกติของเบรกที่อันตรายฉับพลัน เป็นอย่างไร
ตามที่เรียกันทั่วไปว่า เบรกแตก คือมีการรั่วไหลของน้ำมันเบรก เช่น ลูกยางเบรกรั่ว หรือท่อน้ำมันเบรกรั่ว ทำให้มีการถ่ายทอดแรงดัน ไม่ได้เต็มที่คือ กดแป้นเบรกแล้วผ้าเบรกไม่ถูกดันตามปกติ ทำให้เบรกไม่อยู่
อาการที่เกิดขึ้นให้ทราบคือ เมื่อกดแป้นเบรกจะกดได้ลึกกว่าปกติ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ว่า การรั่วเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้ารั่วน้อยก็จะกดแป้นเบรกได้ลึกกว่าปกติลงอย่างช้า ๆ และอาจไม่ได้ลึกจนสุดถ้ายังมีอีกวงจรเหลือ หรือรั่วที่ชุดกระบอกเบรกเพียงบางล้อ แต่ถ้ารั่วมากก็จะกดแป้นเบรกได้ลึกกว่าปกติลงอย่างรวดเร็ว และอาจกดจนลึกสุด
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อเบรกจมลงกว่าปกติ ให้กดแป้นเบรกแบบย้ำแรง ๆ และถี่ ๆ เพื่อให้มีแรงดันเกิดขึ้นบ้าง พร้อมกับไล่ลดเกียร์ต่ำใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก
(ENGINE BRAKE) เพราะอาการที่พบส่วนใหญ่มักไม่ใช่เป็นการรั่วอย่างรุนแรง และระบบเบรกในรถยนต์ยุคใหม่มักแบ่งเป็น 2 วงจร วงจรละ 2 ล้อ เมื่อรั่วในระบบหนึ่ง อีกระบบหนึ่งก็ยังพอช่วยเบรกได้ พร้อมกับลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ไล่ลงมา เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกบ้าง เกียร์อัตโนมัติก็ไล่เกียร์ลงช่วยเบรกได้ โดยเริ่มตั้งแต่
ปิดปุ่ม OD แล้วค่อยเลื่อนมาที่เกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ อย่าข้ามจังหวะ เมื่อความเร็วต่ำลงพอสมควรแล้ว ก็ให้ใช้เบรกมือดึงแบบกดปุ่มค้าง สลับกับปล่อยถี่ ๆ อย่าดึงแรงอย่างดึงค้างเดี๋ยวล้อล็อก
ต้องดูระดับน้ำมันเบรกบ่อยไหม และจะยุบลงเร็วแค่ไหน
ตรวจสอบทุกครึ่ง - 1 สัปดาห์ ควรเติมให้เต็มขีดสูงสุดอยู่เสมอ
โดยปกติแล้ว ถ้าไม่มีการรั่วซึ่ม น้ำมันเบรกจะลดระดับลงช้ามาก
1-2 เดือนเติมในปริมาณน้อยมาก เพราะเป็นระบบปิด ดันไปดันมา มีลูกยางปิดหัวท้าย ไม่ควรเติมน้ำมันเบรกข้ามรุ่นกัน เพราะไม่ทราบว่าเมื่อผสมกันแล้ว จะทำปฏิกิริยาทางลบต่อกันหรือไม่
ถ้าน้ำมันเบรกมีการลดระดับลงเร็วกว่าที่เคย สงสัยได้เลยว่าอาจมีการรั่วซึมในจุดใด ๆ ต้องตรวจสอบหรือซ่อมแซม
ในสภาวะคับขันและจำเป็น ที่น้ำมันเบรกรั่วหรือหมดสนิทตามป่าตามเขา สามารถใช้น้ำละลายสบู่หรือผงซักฟอกเติมแทนชั่วคราว (เพื่อมิให้เกิดสนิมง่าย) เมื่อพ้นสภาวะคับขันต้องถ่ายทิ้งให้หมดจด ซ่อมแซมและเติมน้ำมันเบรกตามปกติ แต่โดยส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้พบสภาวะคับขันและจำเป็นถึงขนาดนั้น ใช้น้ำมันเบรกเติมตามปกติดีกว่า
จุดไหนของน้ำมันเบรกที่มักจะรั่ว
เมื่อหมดอายุ
การถ่ายทอดแรงดันด้วยน้ำมันเบรก ต้องมีลูกยางคอยรีดปิดหัว-ท้าย เพื่อมิให้มีการรั่วซึม และมีการเคลื่อนตัวทุกครั้งที่มีการกดหรือปล่อยเบรก โดยแต่ละจุดมักมีอายุการใช้งานเกิน 2-3 ปีขึ้นไป
การรั่วซึมจึงเกิดขึ้นได้ 3 ชิ้นส่วนหลักคือ แม่ปั๊มตัวบน กระบอกเบรกที่ล้อ และท่ออ่อน ซึ่งตัวอ่อนมักจะเกิดอาการรั่วช้ากว่า แต่ส่วนใหญ่มี 9 จุดจริงคือ 1 แม่ปั๊มบน
4 กระบอกเบรกที่ล้อ และท่ออ่อน 4 เส้น
การซ่อมแซมเมื่อลูกยางเบรกรั่ว ต้องขึ้นอยู่กับว่าจุดที่ลูกยางเบรกรั่ว ตัวผิวกระบอก ที่ลูกยางต้องสัมผัสมีร่องรอยมากหรือไม่ เพราะถ้ามีรอยมาก แม้เปลี่ยนลูกยางไปแล้ว ก็ยังรั่วจากการไม่แนบสนิทขึ้นได้ จึงต้องเปลี่ยนทั้งชุด ไม่ใช่เฉพาะตัวลูกยาง แต่ถ้าดูแล้วพบว่าตัวผิวของกระบอกยังเรียบพอสมควร ก็ให้ใช้กระดาษทรายละเอียดขัด และเปลี่ยนเฉพาะตัวลูกยางได้
ลักษณะการซ่อมอาจต้องขึ้นอยู่กับผู้จำหน่ายอะไหล่ด้วยว่ามีการแบ่งจำหน่าย เฉพาะลูกยาง หรือต้องรวมทั้งชุด
ส่วนในกรณีที่ท่ออ่อนน้ำมันเบรกรั่ว ต้องเปลี่ยนเท่านั้น และในการใช้งานทั่วไปกับท่อยางเบรกมาตรฐานก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถักก็ไม่มีอะไรติดลบ นอกจากเสียเงินและหาซื้อยากสักหน่อย
ที่บอกว่าควรเปลี่ยน หรือไล่น้ำมันเบรก เพื่อไล่ความชื้นออก ถ้าไม่ทำจะเป็นอะไรไหม และถ้าจะทำเองมีวิธีอย่างไร
ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำมันเบรกตามกำหนดที่แนะนำ และผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ ก็ไม่ค่อยปฏิบัติกัน ส่วนใหญ่มักไม่เห็นผลในทันที แต่ก็ทำให้ลูกยางเบรก มีอายุสั้นลงบ้าง และน้ำมันเบรกเดือดได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนน้ำมันเบรกด้วยวิธีง่าย ๆ ทำได้โดยดูดน้ำมันเบรกออกจากกระปุกเดิมให้หมด เติมน้ำมันเบรกลงไปสักครึ่ง (ถ้ามีเอบีเอสให้ถอดฟิวส์ของเอบีเอสออก) แล้วไล่น้ำมันเบรก เหมือนกับไล่ลมออกจากระบบเบรกและย้ำหนัก ๆ จนสุดซ้ำประมาณ 10 ครั้ง แล้วกดแช่ แรง ๆ คลายหัวไล่น้ำมันเบรกที่ล้อแล้วปิด ทำซ้ำในแต่ละล้อ 5-15 ครั้ง จนกว่านำมันเบรกใหม่ จะไหลออกมา และต้องคอยเติมน้ำมันเบรกไม่ให้พร่องจนหมด เพราะอากาศจะแทรกเข้าไป ในระบบเบรกได้ ไล่ทำจนครบทุกล้อ เสียน้ำมันเบรก 1-2 กระป๋อง แต่ถ้าไม่สะดวก ก็ควรใช้บริการตามอู่ ร้านเบรก หรือศูนย์บริการทั่วไปได้ ในราคาไม่เกิน 1,000 บาท
ใช้ำน้ำมันเบรกมาตรฐาน DOT ไหนดี
รถยนต์ทั่วไปใช้ DOT3-4 แต่ถ้ามีโอกาสใช้ DOT4 ย่อมดีกว่า ส่วน DOT5 นั้นยังไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรนักสำหรับการใช้งานทั่วไป
หม้อลมเบรก แม่ปั๊มตัวบน หรือชุดเบรกที่ล้อ ของเก่าเชียงกงน่าสนใจไหม
ส่วนใหญ่เป็นอะไหล่ของรถยนต์ญี่ปุ่น
หม้อลมเบรกเชียงกงส่วนใหญ่ มีสภาพดี น่าสนใจ
ส่วนแม่ปั๊มเบรกตัวบนหรือชุดเบรกที่ล้อก็ยังน่าสนใจพอสมควร แต่ต้องไม่ตากแดดตากฝนจนน้ำเข้าไปกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในได้ เมื่อซื้อมาแล้วควรถอดชิ้นส่วนและลูกยางล้างทำความสะอาดก่อนนำมาใช้งาน
การเลือกของเก่าเชียงกงในกรณีนี้มาใช้ ควรกระทำก็ต่อเมื่อมีความเสียหายเกินกว่า จะเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนหรือลูกยางภายในได้
เมื่อซื้อชุดดิสก์หรือดรัมเบรกของเก่าเชียงกงมาใช้ ต้องถอดออกมาเจียร์เรียบ ก่อนนำมาใช้เสมอไปหรือไม่
สภาพของตัวดิสก์หรือดรัมเบรกอาจมีสนิมเกาะอยู่ แต่ก็เหมือนกับ กรณีของการเปลี่ยนผ้าเบรกคือไม่จำเป็นต้องทำเสมอไป โดยดูให้ละเอียดว่าผิวของดิสก์หรือดรัมเบรกนั้นเรียบพอหรือไม่ ถ้าเรียบพอก็ใช้กระดาษทรายขูดสนิมออกก็พอ เพราะผ้าเบรกจะช่วยขูดต่อไปในการใช้งาน
รถยนต์ทั่วไปจำเป็นต้องเปลี่ยน ไปใช้ผ้าเบรกเกรดเอ็มไหม
ถ้าผู้ขับเท้าขวาหนักสักนิด หรือเครื่องยนต์แรงมากสักหน่อย ก็ควรเลือกใช้ผ้าเบรกเกรดเอ็ม เพราะทนความร้อนได้สูงขึ้น แต่ในช่วงความเร็วต่ำยังทำงานได้ดี และไม่ต้องการการอุ่นผ้าเบรกให้ร้อน
ผ้าเบรกเกรดเอ็มจะกินดิสก์หรือดรัมเบรก มากกว่าปกติไหม
เป็นไปได้ที่ผ้าเบรกเกรดเอ็มจะกินดิสก์หรือดรัมเบรกมากกว่า ผ้าเบรกพื้นฐานเกรดเอส เพราะเมื่อผ้าเบรกต้องทนความร้อนสูงขึ้น ก็ต้องมีเนื้อแข็งขึ้น ซึ่งมักจะมีการผสมโลหะเข้าไป แต่ก็มิได้หมายความว่าจะแข็งมาก ๆ
ส่วนใหญ่อาจขูดดิสก์หรือดรัมเบรกมากขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่มากนักและถ้ามีคุณภาพดี ก็จะกินเรียบใกล้เคียงกันตลอดหน้าสัมผัส จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลนัก
ตอนเบรกแล้วผ้าดิสก์เบรก มีเสียงดังรบกวน จะทำอย่างไร
โดยปกติแล้วผ้าดิสก์เบรกต้องมีแผ่นโลหะบาง ๆ รองก่อนจะประกบ กับลูกสูบของชุดก้ามเบรก (คาลิเปอร์) เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือน จนเกิดเสียงรบกวน โดยที่ในการซื้อผ้าเบรกชุดใหม่มักจะไม่มีแผ่นนี้มาให้ ต้องใช้แผ่นเดิม หากช่างลืมใส่หรือคิดว่าไม่สำคัญก็อาจเกิดเสียงรบกวนเมื่อเบรกได้
ไม่ว่าจะมีแผ่นโลหะบาง ๆ รองก่อนประกบกับลูกสูบของชุดก้ามเบรกหรือไม่ ถ้ากังวล ควรใช้น้ำยาสเปรย์พิเศษที่ฉีดแล้วเป็นคราบเหนียว ฉีดไว้หลังผ้าดิสก์เบรกด้วย
ถ้ายังมีเสียงรบกวนอยู่และใช้ผ้าเบรกมีมาตรฐานเชื่อถือได้ก็ต้องสันนิษฐานว่า หน้าสัมผัสของตัวดิสก์เบรกหรือผ้าเบรกไม่เรียบพอ ให้ถอดออกมาเจียร์เรียบพร้อมขัดหน้าสัมผัสของผ้าเบรกให้เรียบแล้วใส่กลับเข้าไป
เมื่อกดเบรกแล้วพวงมาลัยสั่น
จะแก้ไขอย่างไร
ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าล้อและยางถ่วงได้สมดุลแล้ว และระบบช่วงล่างเป็นปกติ สันนิษฐานได้ว่า จาน-ดิสก์เบรกคด เมื่อเบรกจึงจับตัวไม่สม่ำเสมอจนเกิดอาการสั่น ให้ถอดดิสก์เบรกออมาเจียร์เรียบ ถ้าบางจนไม่สามารถเจียร์เรียบได้แล้วก็ต้องเปลี่ยนใหม่
จะทราบได้อย่างไรเมื่อผ้าเบรกหมด
ตรวจสอบด้วยตาเปล่าเป็นหลัก ถ้าเป็นดิสก์เบรกแล้ว กระทะล้อ
เป็นลายโปร่ง ก็พอจะสอดส่องเข้าไปได้โดยไม่ต้องถอดล้อ ส่วนดรัมเบรกมักจะต้องถอดล้อออกก่อน แล้วที่ฝาครอบดรัมเบรก อาจมีช่องให้มองเข้าไปได้หรืออาจต้องถอดดรัมเบรกออกมาดู รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มักมีระบบไฟเตือนเมื่อผ้าเบรกหมดแสดงขึ้นบนหน้าปัด แต่ก็ไม่ควรรอให้ไฟเตือนขึ้น ควรตรวจสอบแบบพื้นฐานกันก่อน
ผ้าดิสก์เบรกบางรุ่นอาจมีการฝังโลหะอ่อนไว้ลึก ๆ เมื่อผ้าเบรกใกล้หมดก็จะขูดกับดิสก์เบรกและมีเสียงดังแหลม ๆ ให้ทราบ โดยไม่ทำ ความเสียหายเหมือนผ้าเบรกหมดสนิท
ผ้าเบรกหรือดรัมเบรกต้องถูกอัดติดไว้กับแผ่นเหล็กจึงไม่ควรรอให้ผ้าเบรกหมดสนิท เพราะแผ่นโลหะจะไปขูดจนดิสก์หรือดรัมเบรกเป็นรอยลึกได้
ไม่ควรใช้จนผ้าเบรก
บางกว่า 2-3 มิลลิเมตร เพราะถึงแม้จะยังพอใช้ได้ แต่เนื้อผ้าเบรกที่โดนความร้อนมานาน
นั้น เสื่อมสภาพลงมากแล้ว และเสี่ยงต่อการหมดก่อนเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกอย่างน้อย
ครั้งละ 2 ล้อซ้าย-ขวา และต้องใช้ผ้าเบรกเนื้อเดียวกัน การซื้อผ้าดิสก์เบรกที่ไม่ใช่จาก ศูนย์บริการ ต้องบอกยี่ห้อ รุ่น ปีและเครื่องยนต์ให้ละเอียด เพื่อมิให้ได้ผ้าเบรกผิดรุ่นมา เมื่อเปลี่ยนแล้ว เก็บผ้าเบรกเก่าไว้สัก 1 ชิ้น เพื่อนำไปเทียบขนาดในการซื้อครั้งต่อไป
ถ้าใช้ผ้าเบรกเกรดอาร์ในการใช้งานรถยนต์ทั่วไป จะมีอาการอย่างไร
ผ้าเบรกเกรดอาร์เนื้อแข็งและทนความร้อนสูง จึงต้องการการอุ่น ให้ผ้าเบรกร้อน พอสมควรก่อน ในการเบรกครั้งแรก ๆ หรือในขณะที่ผ้าเบรกยังไม่ร้อน จะมีอาการลื่นเหมือนเบรกไม่ค่อยอยู่ แต่พอร้อนได้ที่แล้วก็เบรกได้ดี
การเปลี่ยนมาใช้ผ้าเบรกเกรดเอ็มหรืออาร์ จะกินจานเบรกมากไหม และต้องเปลี่ยนเป็นจานแบบพิเศษด้วยหรือไม่
เนื้อผ้าเบรกเกรดเอ็มหรืออาร์ย่อมมีเนื้อแข็งกว่าเกรดเอสแบบมาตรฐาน จึงต้องกินจานเบรกให้เป็นรอยมากกว่าปกติบ้างแต่ก็ไม่มากจนน่ากังวล โดยปกติไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นจานเบรกแบบพิเศษ เมื่อเปลี่ยนมาใช้ ผ้าเบรกเกรดเอ็มหรืออาร์ นอกจากเมื่อเปลี่ยนแล้วยังไม่พอใจในประสิทธิภาพ
เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ ๆ จะต้องรันอินผ้าเบรก เหมือนกับเครื่องยนต์ใหม่ ๆ หรือไม่ เห็นช่างส่วนใหญ่กระแทกเบรกเอี๊ยดอ๊าด
จำเป็นต้องปรับสภาพของหน้าสัมผัส ไม่ว่าจะมีการเจีย ร์ดิกส์หรือดรัมเบรก หรือไม่ก็ตาม เพราะยังไงหน้าสัมผัสก็คงไม่สนิทกันเต็มที่ เมื่อเปลี่ยนผ้าเบรกออกมาแล้ว ต้องเข้าใจว่าเมื่อหน้าสัมผัสยังไม่สนิทกัน การเบรกอาจจะมีการลื่น ๆ บ้าง ให้ทำการปรับหน้าสัมผัสโดยเหยียบเบรกเบา ๆ - ปานกลาง ทิ้งช่วงแล้วเหยียบซ้ำโดยทั่วไปสักไม่กี่สิบครั้งก็ใช้ได้ดีแล้ว ไม่ควรกระแทกเบรกแรง ๆ อย่างที่ปฏิบัติกันผิด ๆ เพราะผ้าเบรกอาจไหม้ได้
ดิสก์เบรกต้องดีกว่าดรัมเบรกเสมอไปไหม
ต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดด้วย เช่น ขนาด ชนิดของผ้าเบรก ฯลฯ ดิสก์เบรกจานเล็ก ๆ ผ้าเบรกแย่ ๆ อาจจะแย่กว่าดรัมเบรกขนาดใหญ่
ผ้าเบรกดี ๆ ก็เป็นได้ เช่น รถยนต์รุ่นหนึ่ง ดิสก์เบรก 4 ล้อแบบพื้น ๆ อาจมีประสิทธิภาพของระบบเบรก แย่กว่าอีกรุ่นที่ใช้ดิสก์เบรกหน้าดี ๆ กับดรัมเบรกหลัง ก็เป็นได้
ทำไมจึงแนะนำว่า ไม่ควรเจียร์ดิสก์หรือดรัมเบรกทุกครั้ง ที่เปลี่ยนผ้าเบรก ทั้งที่ถ้าเจียร์ก็แพงขึ้นไม่เท่าไร และมีหน้าสัมผัสเรียบดี
เพราะดิสก์หรือดรัมเบรก มีการกำหนดความบางต่ำสุดที่สามารถใช้งานได้ ยิ่งเจียร์ก็ยิ่งบาง เมื่อต้องเปลี่ยนราคาก็หลายพันบาท จึงควรเจียร์เมื่อไม่เรียบจริง ๆ เพื่อให้ใช้งานได้คุ้มค่า และในรถยนต์แต่ละรุ่นก็มีกำหนดความบางต่ำสุดไว้ต่างกัน
ทำไมถึงเรียกดิสก์เบรกแบบมีครีบ ระบายความร้อน ทั้งที่ไม่เห็นมีครีบ มีแต่ช่องรอบๆ
ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน เกือบจะถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ของชุดเบรกหน้าในรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว โดยมีรูปร่าง คือ คล้ายดิสก์เบรก
2 แผ่น มาประกบห่าง ๆ กันแล้วมี ครีบภายในยึดติดกัน ทำให้มีพื้นที่ โลหะสัมผัสถ่ายเทความร้อนกับอากาศมากขึ้น และไม่กินผ้าเบรกเหมือนกับแบบเจาะรู
แต่ในการผลิตได้หล่อออกมาเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด เรียกในศัพท์ภาษาอังกฤษว่า VENTILATED DISC แต่ในภาษไทยก็นิยมเรียกกันว่า ดิสก์แบบมีครีบระบายความร้อน หรือช่องระบายความร้อน ก็เข้าใจได้เหมือนกัน
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างดิสก์เบรกขนาดเดียวกัน ที่มีครีบช่อง ระบายความร้อนกับไม่มี แล้วใช้กับคาลิเปอร์ และผ้าเบรกรวมถึงอุปกรณ์อื่น เหมือนกัน ทำไมแบบมีครีบระบายความร้อน จึงให้ประสิทธิภาพในการเบรกสูงกว่า ทั้งที่มีพื้นที่สัมผัสของผ้าเบรกเท่ากัน
เพราะในการเบรกจะมีความร้อนเกิดขึ้น ถ้าตัวดิสก์เบรกหรือผ้าเบรก ร้อนเกินไป ก็จะลื่นและลดประสิทธิภาพในการเบรกลงหรือถ้าร้อนมาก ๆ ผ้าเบรกก็อาจไหม้ได้ ดังนั้นชุดเบรกที่ร้อนน้อยกว่าจึงมีประสิทธิภาพโดยรวมสูงกว่า
ดิสก์เบรกต้องตั้งระยะห่าง
ของผ้าเบรกไหม
ไม่ต้องและตั้งไม่ได้ เพราะผ้าดิสก์เบรกจะถอยตัวเองออกมาเฉียดตัวดิสก์เบรกอยู่เสมอ ไม่มีอาการห่างเกินไป
ดรัมเบรก ต้องตั้งระยะห่าง
ของผ้าเบรกไหม
ผ้าดรัมเบรกจะถอยมาห่างจากตัวดรัมเบรกแล้วด้วยแรงดึงของสปริง จึงต้องตั้งระยะห่าง โดยมีทั้งแบบปรับตั้งระยะห่างอัตโนมัติ หรือต้องปรับเอง บางแบบตั้งไม่ยาก โดยขับรถยนต์ถอยหลัง แล้วดึงเบรกมือขึ้น หรือต้องถอดออกมาตั้ง
เมื่อมีไฟเตือนเกี่ยวกับเบรกขึ้น แสดงว่าน้ำมันเบรกหรือผ้าเบรกหมด
ต้องแล้วแต่ว่ารถยนต์รุ่นนั้นมีไฟเตือนดวงเดียวหรือแยกกัน
ต้องศึกษาในคู่มือ
ทำไมปิกอัพบางคันเบรกแล้ว ล้อหลังล็อกบ่อย
เพราะปิกอัพส่วนใหญ่มีการติดตั้งวาล์วปรับแรงดัน น้ำมันเบรก ในล้อหลัง ให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบ หรือปรับตั้งทุก 3-6 เดือน มิฉะนั้นอาจเกิดการ
ล็อกของล้อได้ง่าย
ส่วนใหญ่ที่เกิดปัญหาจะเป็นเพราะไม่มีการดูแลวาล์วปรับแรงดันนี้ หรือมีการยกหรือลด ความสูงของตัวลดที่เสมือนมีการบรรทุกหนักตัวรถเตี้ยลง แต่จริง ๆ แล้ว ๆ ไม่ได้บรรทุก
หลังพ้นจากการลุยน้ำ เบรกแล้วลื่น ๆ ควรทำอย่างไร
เป็นธรรมดาของระบบเบรกที่ต้องลื่นเหมือนเบรกไม่อยู่เมื่อต้องลุยน้ำ เพราะผ้าเบรกและดิสก์หรือดรัมเบรกเปียกน้ำ ต้องทิ้งระยะห่างจากรถยนต์คันหน้ามากกว่าปกติ
เมื่อพ้นจากการลุยน้ำ ให้เบรกซ้ำ ๆ เพื่อให้เกิดความร้อนและไล่น้ำออกไป ดิสก์เบรกจะไล่น้ำได้เร็วกว่าดรัมเบรกที่เป็นคล้ายฝาครอบอยู่
วรพล สิงห์เขียวพงศ์
[ BACK TO LIST]
ห้องสมุด E-LIB [ hey.to/yimyam ] [ pantip.com/ELIB ]
Best view with [IE3.02] [NETSCAPE 4.05] [OPERA 3.21]