มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอกจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ รายวัน 23 สิงหาคม 2541 ]

มารู้จักยาขยายหลอดลมกันเถอะ!

เรียบเรียงโดย เภสัชกรวิศาล สุทธิพัฒนางกูร โรงพยาบาลเสนา


โรคหอบหืด เป็นโรคที่เกิดจากหลอดลม มีความไวต่อสิ่งกระตุ้น มากเกินปกติ ผลคือทำให้หลอดลมของเรา มีการตีบตัน รวมทั้งมีการตีบตันของปอด ทั้งสองข้างด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยมาโรงพยาบาลไม่ทัน โรคนี้มักเป็นกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยพบว่า มักเริ่มเป็นกันตั้งแต่ อายุไม่ถึง 5 ขวบ สำหรับประเทศไทยเรานั้น มีผู้ประมาณการไว้ว่า มีผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด อยู่ประมาณ ร้อยละ 5 ของประชากรทั้งหมด สาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารหอบหืดนั้น ยังไม่ทราบกันแน่ชัด ว่า เกิดจาก อะไร กันแน่ แต่เราพบว่า ร้อยละ 40 ของผู้ป่วยโรคหอบหืด มีประวัติว่า คนในครอบครัว เป็นโรคนี้ด้วย ส่วนสาเหตุ อื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาหารหอบหืดนั้น คาดว่าเกิดจากสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น สารเคมี ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เป็นต้น และยังพบอีกว่า โรคนี้มีโอกาสเป็นได้เท่าๆกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

อาการสำคัญ เมื่อมีอาการจับหืด คือ ผู้ป่วยจะมีอาการหอบ เหนื่อย หาบใจไม่ออก และบางครั้ง จะหอบ จนตัวโยน มีเหงื่อออก และจะได้ยินเสียง วี๊ดในทรวงอก โดยอาการจับหืด มักจะเกิดขึ้น เมื่อได้รับ สิ่งกระตุ้น เช่น เมื่อมีการติดไข้หวัด อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ได้รับสารเคมี หรือควันบุหรี่ ออกกำลังกาย มากเกินไป หรือกินยาแก้ปวดบางชนิด อย่างเช่น แอสไพริน เป็นต้น ดังนั้น ผู้ป่วยต้งอพยายาม หาทาง หลีกเลี่ยง สิ่งกระตุ้นเหล่านี้ เพื่อป้องกัน และไม่ให้อาการจับหืด เลวลงมากกว่าที่ควรจะเป็น สำหรับ แนวทาง การรักษา ผู้ป่วยโรคหืดนั้น ขั้นแรก ผู้ป่วยต้องรู้ก่อนว่า สิ่งกระตุ้นอันไหน ที่ทำให้เกิดอาการจับหืด แล้วพยายามหาทางหลีกเลี่ยงมัน ส่วนการใช้ยารักษาป้องกัน อาการจับหืดนั้น ที่นิยมใช้กันอยู่ คือ ยาขยาย หลอดลม ซึ่งมีทั้งยากิน และยาพ่นเข้าลำคอ

ยาขยายหลอดลม ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ 2 กลุ่ม ซึ่งมีการออกฤทธิ์แตกต่างกัน แต่ผลสุดท้าย ก็ทำให้หลอดลมขยายตัวได้เหมือนกัน
กลุ่มแรกคือ ยาทีโอฟิลลิน ( Theophylline) , ยาอะมิโนฟิลลิน ( Aminophylline )
กลุ่มที่สอง คือ ยาเทอบูทาลีน ( Terbutaline ) และ ยาซาลบูทามอล ( Salbutamal )

สำหรับยาในกลุ่มแรกนั้น ความนิยมในการใช้ อาจลดลงไปบ้าง เนื่องจากยา มีช่วง ความปลอดภัย ในการใช้ ยาต่ำ ต้องมีการติดตามการใช้ยาอย่างใกล้ชิด ถ้าผู้ป่วยใช้ยาไม่ถูกต้องง ก็อาจทำให้เกิดพิษ จากการใช้ยาได้ ส่วนยาในกลุ่มที่สองนั้น จะมีความปลอดภัยในการใช้ยาสูงกว่า แต่ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของยา สั้น ทำให้ผู้ป่วยต้องกินยาวันละหลายๆครั้ง โดยทั่วไปแล้ว แพทย์อาจสั่งใช้ยาร่วมกัน เพื่อทำให้ ควบคุม อาการ จับหืดได้ดีขึ้น และมักใช้ยาต่างหลุ่มกัน ร่วมกัน มากกว่าที่จะใช้ยากลุ่มเดียวกัน เพราะนอกจาก จะไม่ช่วย ทำให้ การควบคุม การจับหืด ได้ดีขึ้นแล้ว ยาอาจหักล้างฤทธิ์กันเองได้ ส่วนยารักษาอาการหอบหืดอื่น ที่ยังมีการใช้กันบ้าง ได้แก่ยากลุ่ม สเตียรอยด์ ( Stearoid ) แต่มักให้ในช่วงสั้นๆมากกว่า เนื่องจากยา มีอาการข้างเคียงมาก และมักจะนิยมใช้ ชนิดสูดพ่นมากกว่า

เมื่อคุณได้รับยามาจากเภสัชกร ก่อนที่คุณจะกินยานั้น ควรตรวจสอบดูก่อนว่า ยานั้นชื่อยาอะไร มีวิธีกิน อย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คุณควรกินยา ตามที่แพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด อย่ากินยามาก หรือน้อยกว่า ที่แพทย์สั่ง เพราะยาขยายหลอดลมบางชนิด อย่างเช่น ยาทีโอฟิลลิน ( Theophylline ) มักทำเป็นผลิตภัณฑ์ แบบชนิดออกฤทธิ์ยาวนาน ( Sustain release ) เพื่อให้ยา ค่อยๆออกฤทธิ์ และออกฤทธิ์ได้นาน ถ้าคุณกินยา มากกว่าที่แพทย์สั่ง อาจเกิดอาการสะสมของยา จนเกิดพิษจากยาได้ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว เมื่อคุณกินยา ขยายหลอดลม แล้ว มีอาการใจสั่นมาก เหงื่อออกมากผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน ให้รีบมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการ ของการใช้ยา เกินขนาดก็เป็นได้

โรคหอบหืด เป็นโรคเรื้อรัง ที่ต้องใช้เวลาในการรักษาที่ยาวนาน ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุม ไม่ให้เกิดอาการหืดจับ บางครั้งคุณอาจมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ และต้องไปซื้อยามากินเอง เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาไอบรูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการปวด ต่างๆ แต่ตัวยาสองตัวนี้ อาจจะกระตุ้น ทำให้เกิดอาการหืดจับได้ หรือยาอื่นๆ อย่างเช่น ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ที่ชื่อ ยาไซเมททิดีน (Cimetidine) อาจทำให้ระดับยา ทีโอฟิลลิน ในเลือดสูงขึ้น จนอาจถึงขีดที่เกิดพิษจากยาได้ ดังนั้นก่อนที่คุณ จะซื้อยามากินเอง โดยไม่มีใบสั่งแพทย์ ควรบอกเภสัชกรก่อนทุกครั้งว่า คุณเป็น โรคหอบหืด อยู่ เพื่อเภสัชกรจะได้เลือกยาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณให้

การดูแลรักษาตัวเองของผู้ป่วย ได้แก่การกินยาอย่างต่อเนื่อง ไม่ซื้อยามากินเอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนมาพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบการทำงานของปอดเป็นระยะๆ ก่อนออกกำลังกาย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ที่จะทำให้เกิดอาการหืดจับ สิ่งเหล่านี้ ถ้าคุณปฏิบัติได้ จะทำให้หารควบคุมโรคหอบหืดได้ผลดีที่สุด และยังทำให้คุณภาพชีวิต ของคุณดีขึ้นอีกด้วย


[BACK TO หู คอ จมูก] [ BACK TO เรื่องยา ]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1