ลูกอาจจะมีความชอบที่ไม่ตรงกับพ่อแม่ ก็เป็นเรื่องที่ค่อยๆ
แก้ไขให้ตรงกัน ข้อสำคัญอย่าตามใจลูกจนเกินไปถ้า 'ความชอบ'
ของลูกนั้น มันเป็นความชอบที่เกินความพอดีของครอบครัว
เมื่อเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม มาถึง
ก็เป็นเดือนซึ่งคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกๆ จะต้องนั่งคิดแล้วคิดอีกกันอีกครั้ง
ว่าจะให้ลูกทำอะไรดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนต่างๆ
จะประกาศหยุดยาว ที่เรียกว่าปิดเทอมใหญ่ ทำให้เด็กๆ
ทั้งเด็กเล็กเด็กโต ที่ยังต้องไปโรงเรียนหรือไปมหาวิทยาลัย
ไม่ต้องไปเรียนหนังสือ
สำหรับบ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่ มีปู่ย่าตายาย หรือญาติพี่น้องอยู่ร่วมครอบครัวเดียวกันหลายคน
อาจไม่ต้องมีเรื่องต้องปวดหัวเท่าไร ว่าจะให้ลูกทำอะไรดี เพราะอาจจะไหว้วานให้เป็นภาระหน้าที่ของญาติผู้ใหญ่ ที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันอยู่แล้วช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย
ซึ่งท่านก็คงเต็มใจช่วยไม่มีปัญหาอะไร
แต่สำหรับครอบครัวที่ไม่มีญาติผู้ใหญ่อยู่ด้วย
จะทำอย่างไรดี เป็นปัญหาที่พ่อแม่ต้องขบคิดแน่นอน
เพราะจะปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังคงไม่ค่อยดีแน่นอน
ยิ่งลูกเล็กๆ ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ถ้าลูกที่โตขึ้นมาหน่อยพอจะช่วยตัวเองได้แล้วก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะวางใจได้เสมอไป
เมื่อถึงเวลาปิดเทอมใหญ่ สถานที่ที่ควรให้ลูกไปใช้ชีวิต
มากที่สุดคือ ให้ไปอยู่กับคุณปู่คุณย่า หรือไปอยู่กับคุณตาคุณยาย
ถ้าปู่ย่าตายายเสียไปแล้ว ก็ให้คิดถึงลุงป้าน้าอา รองๆ ลงมาตามลำดับ
การให้ลูกไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ จะทำให้เด็กได้เรียนรู้
การใช้ชีวิตในชีวิตประจำวันแตกต่างไปจากที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ เด็กจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น
นอกจากญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ที่บ้านนั้นแล้ว ยังอาจจะมีลูกหลานที่อยู่บ้าน
ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน เด็กก็จะได้มีเพื่อนเล่นเพื่อนทะเลาะ รู้จักเรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักศิลปะของการครองใจคน
เด็กจะเรียนรู้และปรับตัวโดยอัตโนมัติว่าจะทำตัวอย่างไร
ให้เป็นที่รักของผู้คน ในบ้านหลังใหม่ที่เขาต้องไปใช้ชีวิตอยู่ช่วงสั้นๆ
2-3 เดือน เพราะถ้าเขาไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่
เขาก็จะอยู่อย่างมีความทุกข์ แต่โดยธรรมชาติของเด็กทั่วๆ ไป เขาพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว
จุดดีอีกอย่างหนึ่งของการให้ลูกไปอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่
กับญาติผู้ใหญ่ก็คือ ลูกของเราจะได้อยู่กับคนที่รักลูกของเรา
อย่างแท้จริง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ นอกจากนั้น ญาติผู้ใหญ่ส่วนมากก็จะมี
ความเมตตา ให้กับลูกของเราด้วย
ซึ่งช่วยทำให้เด็กอยู่อย่างมีความสุข
สำหรับครอบครัวไหนที่หาญาติผู้ใหญ่ไม่ได้จริงๆ
ก็ไม่ต้องกลุ้มใจ ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยแนะนำให้ลูกทำ
กิจกรรม คือ ทางเลือกอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ระดับหนึ่ง
ของการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ช่วงปิดเทอม
ปัญหาอยู่ที่ว่า "กิจกรรม" ประเภทไหนหรือกิจกรรมอะไรที่ควรให้ลูกทำ สิ่งที่พ่อแม่ควรจะพิจารณาน่าจะเริ่มต้นจาก "อายุ"
พ่อแม่ควรดูกิจกรรมที่เหมาะสมกับ "อายุของลูก"
ไม่ใช่เลือกกิจกรรมที่เหมาะกับใจของพ่อแม่แต่เพียงอย่างเดียว หรือไม่ควรปล่อยให้ลูกไปทำกิจกรรมกับกลุ่มอายุที่ห่างกันเกินไป เพราะอาจจะสร้างปัญหาให้ลูกเกิดความทุกข์มากกว่า
จะเกิดความสุขช่วงปิดเทอม
ตามธรรมดา กิจกรรมสำหรับเด็กจะแบ่งอายุออกเป็นกลุ่มๆ ลูกของเราอยู่ในกลุ่มอายุไหน ก็ควรให้ไปอยู่ในกลุ่มอายุนั้น ยกเว้นว่าจะเป็นเด็กพิเศษหน่อย ที่มีความพร้อมทั้งทางร่างกาย และจิตใจที่จะปรับเข้ากับกลุ่มที่เล็กกว่าหรือโตกว่าได้
ถัดมาก็จะพิจารณาจาก "ความชอบ" ของเด็ก
พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมากับมือ ย่อมจะพอรู้ว่า ลูกชอบอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อรู้แล้วก็หา "กิจกรรม" ประเภทนั้นให้ลูกทำ
ถ้าพ่อแม่ไม่รู้ก็ไม่ต้องตกใจ ให้หาเวลาที่เหมาะสมพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้ ลูกอาจจะมีความชอบที่ไม่ตรงกับพ่อแม่ ก็เป็นเรื่องที่ค่อยๆ
แก้ไขให้ตรงกัน
ข้อสำคัญ อย่าตามใจลูกจนเกินไป ถ้า "ความชอบ"
ของลูกนั้น มันเป็นความชอบที่เกินความพอดีของครอบครัว
เช่น ถ้าลูกบอกว่าอยากให้พ่อแม่ส่งไปเข้าคอร์สเรียนภาษาที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายนับแสนบาท ซึ่งถือเป็นเงินที่มากสำหรับครอบครัว คุณพ่อคุณแม่อย่ากลัวที่จะพูดความจริงกับลูก
ต้องบอกให้ลูกเข้าใจว่า ฐานะทางบ้านเป็นอย่างไร
จะสนับสนุนลูกได้แค่ไหน ถ้าให้ไปสหรัฐอเมริกาไม่ได้
ก็อาจให้ไปประเทศที่ใกล้ๆ กับประเทศไทย เช่น สิงคโปร์
ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะน้อยกว่าสหรัฐอเมริกา
ข้อสำคัญคือ ถ้าปล่อยให้ลูกไปต่างประเทศไกลๆ
โดยไม่เคยไปมาก่อน อาจจะทำให้ลูกเกิด "การช็อกทางวัฒนธรรม"
ขึ้นมาได้ ถ้าเริ่มเดินทางไปต่างประเทศจะประเทศเพื่อนบ้าน
ที่วัฒนธรรมไม่แตกต่างจากเรามาก เด็กก็จะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวได้ดี
เมื่อมีโอกาสไปไกลๆ ในวันหนึ่งข้างหน้า
การหาอะไรให้ลูกทำช่วงปิดเทอมใหญ่ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าช่วยดูกันให้ดี หลายๆ วิธีหลายๆ
แบบที่แนะนำมา อาจจะพอมีประโยชน์กับบางบ้านบ้าง
อย่าลืม!....ปิดเทอมนี้ หาสิ่งดีๆ ให้ลูกทำกันบ้างล่ะ
กนกวลี
|