โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
อาทิตย์นี้ขอต่อ FASJAMM ตัวที่ 3 คือ S ซึ่งเป็นตัวย่อของ SLEEP คือการนอน
นอน จำเป็นสำหรับชีวิตของเราอย่างเหลือแสน ถ้าโดยเฉลี่ยคนเรานอนวันละ 8 ชั่วโมง นั่นก็หมายความว่าในชั่วชีวิตของเรา เราเสียเวลาให้การนอนถึงหนึ่งในสามของชีวิตทั้งหมด
สมมติว่าเขาตายเมื่ออายุ 60 ปี เขาก็ต้องใช้เวลานอนทั้งหมดในชีวิตของเขาถึง 20 ปี
ถ้าเปรียบเทียบตามตัวเลขอย่างนี้ น่าอัศจรรย์ใจนะครับ นอนเข้าไปได้อย่างไรตั้ง 20 ปี
แสดงว่าการนอนเป็นส่วนสำคัญที่สุด ส่วนหนึ่งของชีวิต เราจำเป็นต้องนอน ไม่นอนไม่ได้
เคยมีรายงานของสงครามเย็น และระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองว่า เมื่อจับทหารหรือเจ้าหน้าที่ของฝ่ายตรงข้ามได้ จะมีการสอบสวนนักโทษเหล่านั้น มีการพยายามอย่างสูง ที่จะต้องล้วงความลับของฝ่ายตรงข้าม
ถ้าบอกก็ดีไป ถ้าไม่บอกก็ต้องทรมานกัน วิธีทรมานที่นับว่าสาหัสที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ แกล้งไม่ให้นักโทษได้นอน ทรมานไม่ให้นักโทษได้นอนหลายวันหลายคืนติดๆ กัน
ปรากฏว่าสมองของนักโทษเริ่มเลอะเลือน และเมื่อทนต่อการอดนอนไม่ได้ ถึงกับคลั่งไคล้และต้องยอมสารภาพ คายความลับออกมา
นั่นแสดงว่าการนอนนั้นสำคัญ และจำเป็นสำหรับมนุษย์อย่างเหลือเกิน
เคยถามและศึกษากันมาเป็นเวลานานเป็นพันๆ ปี แล้วว่าทำไมคนเราต้องนอน และที่คู่กันมากับการนอนก็คือ การฝัน ก็เลยถามกันว่าทำไมคนเราต้องฝันด้วย
สมัยก่อนเรายังไม่มีการทดลองทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการนอน เราจึงมองการนอนไป ในเรื่องของความลึกลับ หรือไสยศาสตร์ และเมื่อมาถึงการฝัน ความเชื่อในเรื่องลึกลับก็ยิ่งมีมากขึ้น
แต่ในสมัยหลังๆ นี้ เราสามารถจะศึกษาถึงการทำงานของสมองได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง เรารู้จักการทำงาน และการติดต่อระหว่างทุกส่วนของสมองเป็นอย่างดี และเราก็รู้จักเรื่องการนอนดียิ่งขึ้น
เรารู้ว่ารานอนเพราะร่างกายต้องการพักผ่อน เรารู้ว่าทุกนาทีโดยธรรมชาติร่างกายสร้างพิษหรือท็อกซิน สะสมในร่างกาย ถ้าไม่สามารถกำจัดพิษออกจากร่างกาย เราก็จะเจ็บป่วยถึงตายได้
การนอนเป็นทางออกสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ร่างกายจะระบายท็อกซินออกจากร่างกายได้
เมื่อเราอดนอนเพียงสักสองวัน นอกจากสมองของเราจะไม่ทำงานแล้ว เรายังรู้สึกสะลึมสะลือเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวา นั่นก็เป็นเพราะพิษหรือท็อกซินคั่งค้าง ทั้งในสมองและร่างกายของเรา
ศาสตราจารย์หลุย เวสท์ จิตแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ศึกษาเรื่องการนอนของสัตว์และมนุษย์ และลงลึกไปจนถึงเรื่องของความตาย กล่าวไว้ว่า การหลับคือโอกาสที่มนุษย์ได้เรียนรู้ถึงความตาย เพราะการหลับคือการตายระยะสั้นๆ ของมนุษย์ ส่วนความตายนั้น คือการหลับชั่วกาลนาน
และการหลับของมนุษย์และสัตว์ชั่วระยะคืนหนึ่งๆ นั้น มักจะเป็นไปตามเวลาของโลกหมุน คือเมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง ก็จะเกิดเวลากลางวัน และกลางคืน
การนอนของมนุษย์จึงเป็นไปตามธรรมชาติ ตามหลักของโลกซึ่งต้องหมุนรอบตัวเอง การนอนตามธรรมชาติ และเป็นไปโดยธรรมชาตินี้เอง จึงเป็นหลักสำคัญอันหนึ่ง ของการปฏิบัติตัวแบบชีวจิต
ตามหลักชีวจิตจะไม่เน้นตรงที่ว่าต้องนอนให้ได้คืนละ 8 ชั่วโมง
เราจะไม่เน้นตรงที่เวลาของการนอน แต่จะเน้นที่คุณภาพของการนอน
คือนอนแล้วต้องหลับสนิท และหลับลึก
เป็นการนอนเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี หลับแล้วตื่นขึ้นมาก็มีแรง สดชื่น จะช่วยสร้างสุขภาพทั้งกาย และใจให้สมบูรณ์ด้วย
นอนอย่างนี้ นอนเพียง 5 หรือ 6 ชั่วโมงก็เหลือเฟือ ไม่ต้องการเวลานอนซึ่งจะมากไปกว่านี้
ทั้งนี้ เพราะเมื่อเราหลับสนิทและหลับลึกแล้ว เราจะได้ตัวยาวิเศษเกิดขึ้นในตัวเราเอง
ยาวิเศษนั้นก็คือ โกร๊ธฮอร์โมน (GROWTH HORMONE)
โกร๊ธฮอร์โมนนั้น ผมเคยเล่าให้ฟังมาแล้วว่า เมื่อเราเกิดมาแต่แรก เจริญเติบโตขึ้นมาเต็มที่ได้ ก็เพราะโกร๊ธฮอร์โมน
ถ้าไม่มีโกร๊ธฮอร์โมน ระบบสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ร่างกาย ก็ไม่สามารถจะตั้งต้นได้
และเราก็คงตายเสียตั้งแต่ตอนที่เราเกิดมา จากครรภ์มารดาของเราแล้ว
โกร๊ธฮอร์โมน เป็นยาวิเศษประจำตัวเราตั้งแต่เราเกิด
แต่มีข้อเสียอยู่ว่า เมื่อเราเจริญเติบโตเต็มที่ คือเมื่อประมาณอายุ 20-25 ปี โกร๊ธฮอร์โมนก็จะหลั่งน้อยลงไป หรือไม่หลั่งเลยสำหรับคนบางคน
ร่างกายของเราจึงเกิดอาการแก่ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
บางคนพออายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป โกร๊ธฮอร์โมนก็หยุดหลั่งเลย
คนคนนั้นจึงดูแก่หง่อม เสียตั้งแต่อายุยังไม่ครบเกษียณด้วยซ้ำไป
จึงได้มีการศึกษาเรื่องโกร๊ธฮอร์โมน และได้พบวิธีแก้ไขและชะลอความแก่ได้ โดยหาทางให้โกร๊ธฮอร์โมนหลั่งอยู่เสมอ แม้แต่จะอายุมากแล้วก็ตาม
มีอยู่หลายวิธีที่จะทำให้โกร๊ธฮอร์โมนหลั่งได้ หนึ่งในหลายวิธีนั้นก็คือ การฝึกตัวเองให้รู้จักนอนหลับให้สนิท และหลับได้ลึก
แปลกนะครับ ที่เรานอนกันมาตลอดชีวิตของเรา เรานอนกันโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องศึกษาเล่าเรียนกัน แล้วเรื่องอะไรเราถึงจะต้องมาเรียนมาฝึกเรื่องวิธีนอนด้วย
ต้องเรียนครับ เพราะทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตไปในทางที่ผิดธรรมชาติกันมาก เรานอนกันทุกวันก็จริง แต่เรานอนผิดๆ นอนแล้วก็กระสับกระส่าย บางครั้งเราก็ป่วยด้วย เวลาจะนอนก็นอนไม่ถูกต้อง นอนไม่หลับสนิทและนอนหลับไม่ลึก
บางทีเราเครียดมากๆ มีปัญหาในชีวิตประจำวัน มีปัญหาเรื่องการงาน ปัญหาเรื่องครอบครัว เราก็เก็บไปคิดจนนอนไม่หลับ
ปัญหาต่างๆนั้น บางทีก็หมดไปแล้ว แต่เราก็ยังนอนไม่หลับอยู่ เพราะอะไร
เพราะเวลาที่เราเครียด เนื่องจากมีปัญหาต่างๆ มารุมล้อมนั้น ร่างกายของเราเกร็งไปหมด พอแก้ปัญหาได้การเกร็งก็ดี สภาพของท็อกซินหรือพิษต่างๆ ก็ดี ยังตกค้างอยู่ในร่างกายของเรา
ลองสังเกตดูสภาพร่างกายเราตึงไปหมด เราเจ็บเราปวดกล้ามเนื้อ เราเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดต้นคอ เหล่านี้เป็นต้น
ลองแก้ง่ายๆด้วยวิธีชีวจิตดีไหมครับ
1. แก้การเกร็งของร่างกายเสียก่อน แก้ด้วยการคลายเกร็งตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
2. นอนหงายราบบนพื้น ปล่อยน้ำหนักของร่างกายทั้งหมด ให้เหมือนกับเราจมไปบนพื้น
3. เริ่มแก้เกร็งที่แขนซ้าย กำมือจนแน่น กำให้เกร็งไปหมดทั้งแขน นับหนึ่งถึงสิบช้าๆ แล้วคลายมือโดยเร็ว แขนทั้งแขนจะค่อยๆ อ่อนตัวลง ถ้ายังอ่อนไม่หมด กำมือซ้ำอีก
4. ทำแบบเดียวกันกับแขนขวา
5. เหยียดและเกร็งเท้าและขาซ้าย แล้วปล่อย ทำเช่นเดียวกันกับขาขวา
6. ยกคอให้คางจดอก แล้วหมุนคอซ้ายไปขวา คางจดอกอีกครั้ง หมุนขวาไปซ้าย
7. แขม่วท้องให้ลึก แล้วหายใจยาวๆ เข้าออก ต่อจากนั้นหายใจตามปรกติ
8. เมื่อรู้สึกว่าร่างกายหย่อนคลายหายเกร็งแล้ว ให้หายใจตามสบาย และทำสมาธิไปด้วย จนหลับไป.
main |