โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
เราปั้นชีวิตของเรามาได้ 4 ตัว แล้วนะครับ F-A-S-T- ยังเหลืออีก 3 ตัว คือ A-M-M ก็จะจบ แล้วเราก็จะรู้จักตัวเราเองดีขึ้นทั้งกายและใจ
อาทิตย์นี้ขอคุยต่อถึงตัวที่ 5 คือ A ซึ่งหมายถึง ANGER หรือ ความโกรธ
เรามี A ซ้ำกันอยู่ 2 ตัวนะครับ A ตัวแรกคือ APPETITE หรือความหิวและความอยาก ซึ่งเราได้พูดกันมาแล้ว
A ตัวที่สองคือ ANGER หรือ ความโกรธ ซึ่งเราจะคุยกันในอาทิตย์นี้
ถ้าจะใช้วิธีของชีวจิตเพื่อปรับตัวเราเอง ให้มีความสุขทั้งกายและใจ ตัว A ตัวหลังนี้ จะเป็นตัวที่ยากที่สุดและหนักที่สุด ในการปฏิบัติหรือควบคุมตัวเอง
เราจะต้องกำจัดความโกรธของเราให้หมดไป หรืออย่างน้อยที่สุด ก็พยายามลดความโกรธของเราให้น้อยลงๆ ทุกขณะ หรือทุกชั่วลมหายใจของเรา
นี่แหละครับคือเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตของเราก็ว่าได้
เพราะความโกรธนั้น ดูเหมือนจะมีอยู่ในตัวเรามาตั้งแต่เกิด เมื่อเราโตขึ้นหรืออายุมากขึ้น ความโกรธก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
แรกเริ่มเดิมที เรามีความโกรธเมื่อเราถูกขัดใจ อะไรก็ตามทีเมื่อถูกขัดใจ หรือไม่ได้อย่างใจ เราก็จะโกรธ
นี่เป็นความโกรธธรรมดาๆ เห็นได้ง่าย
แต่เมื่อเราโตขึ้น จะรู้จักเรียกร้องสิ่งต่างๆ ให้แก่ตัวเรามากขึ้น มีความต้องการมากขึ้น เมื่อเรียกร้องแล้วไม่ได้อย่างใจ ความโกรธจะมีมากขึ้น
ความโกรธเช่นนี้ไม่ใช่ความโกรธธรรมดาๆ ซึ่งเห็นได้ง่ายเสียแล้ว เพราะมันจะเป็นความโกรธหลายชั้นหลายเชิง ลึกซึ้งกว่าความโกรธธรรมดาๆ
เป็นความโกรธซึ่งมีความอยาก ความโลภเข้ามาผสมเป็นพื้นฐานอย่างสำคัญ
เมื่อมีความโลภเข้ามาผสมแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะไปเจอรากฐานหรือสาเหตุสำคัญอีกตัวหนึ่ง คือความหลง
เมื่อความโกรธมารวมกับความโลภ ความหลงเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ความโกรธธรรมดาๆ เสียแล้ว มันจะกลายเป็นความโกรธซึ่งทำลายตัวเอง และทำลายโลกทั้งโลกให้ย่อยยับไปได้
สมกับคำพระที่ท่านสอนไว้ไม่มีผิด กิเลสใหญ่ที่ทำให้โลกเป็นนรกไปได้ ก็เพราะโลภ โกรธ หลงนี่แหละครับ
เพราะฉะนั้น คงจะต้องรู้จักความโกรธกันสัก 2 ลักษณะกันก่อนนะครับ
ขอแยกแบบง่ายๆ ว่าความโกรธแบบธรรมดาๆ นั้น เป็นความโกรธแบบเด็ก
ส่วนความโกรธแบบซับซ้อน ซึ่งมีความโลภ ความหลงรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นความโกรธแบบผู้ใหญ่
ความโกรธแบบเด็กนั้น เห็นได้ง่ายจริงๆ ครับ ผมว่าเป็นความโกรธชนิดที่เป็นธรรมชาติด้วยซ้ำไป
เคยเห็นเด็กอ่อนเวลาแกหิวไหมครับ พอไม่ได้กิน แกก็ร้องไห้จ้า ดินรนฟาดมือฟาดเท้าไปตามเรื่อง
พอแกได้กินอิ่มก็ยิ้ม-แย้ม หัวเราะเอิ๊กอ๊ากน่ารักน่าเอ็นดู
ความโกรธแบบนี้เป็นความโกรธธรรมดาๆ และคนภายนอกก็เห็นและเข้าใจได้ง่าย และก็จะยอมรับว่าเป็นความโกรธ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่อหิวก็ต้องโกรธอย่างนี้เรียกกันว่า "โมโหหิว" เมื่ออดนอนไม่ได้นอนก็หงุดหงิด ถ้าเป็นเด็กก็ร้องไห้โยเย เป็นผู้ใหญ่ก็อารมณ์ร้าย อาละวาดไปได้หลายอย่าง แล้วแต่แบบฉบับของแต่ละคน
แต่ความโกรธซึ่งมีทั้งความโลภความหลงอยู่ด้วยนี่ซิครับ อันตรายเหลือแสน อันตรายสำหรับตัวเอง และอันตรายสำหรับสังคมและส่วนรวมด้วย
ความโกรธเช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ เกิดจากการสะสมความต้องการซึ่งจะมากขึ้นๆ ทุกที แล้ว แต่สิ่งแวดล้อมภายนอก คืออำนาจวาสนา ทรัพย์สินเงินทอง
ยิ่งคลุกคลีกับอำนาจวาสนาและเงินทองมากๆ ก็เกิดความหลง หลงตัวเอง หลงว่าอำนาจวาสนาเหล่านั้น เป็นยอดปรารถนาในชีวิตของตน
และก็เกิดความโลภ ตรงที่ว่า จะต้องสะสมอำนาจวาสนาและเงินทองให้มากขึ้นๆ จนกระทั่งมองดูตัวเองแท้ๆ ไม่เห็น เพราะมีแต่ความโลภ ความหลงบดบังไว้หมดสิ้น
และเมื่อมีความโลภ ความหลงมากๆ ไม่ได้ อะไรอย่างใจ ไม่ได้การตอบสนองอารมณ์ของตน ก็เกิดความโกรธอย่างรุนแรง
การตอบสนองต่ออารมณ์หรือปฏิกิริยาของท่านเหล่านี้ ก็ความโกรธ และสิ่งที่จะตอบสนองความโกรธของตนเองนั้น ก็คือการอาละวาด การเรียกร้องทุกทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยกลอุบายต่างๆ เพื่อให้ความต้องการของตนเองสัมฤทธิผลให้ได้
การอาละวาดเพราะความโกรธเช่นนี้ เป็นผลร้ายอย่างยิ่งต่อการทำลายตนเอง และทำลายสังคม
แพทย์และนักจิตวิทยาหลายคน อย่างเช่น ศาสตราจารย์ลีโอนาร์ด เบอร์โควิทซ์ แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เป็นต้น ให้ความเห็นว่า ความโกรธกับการอาละวาดนั้น เป็นคนละเรื่อง
เขาให้ความเห็นว่า ความโกรธเป็นเรื่องของอารมณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นแต่ละครั้งแต่ละคราว แล้วแต่มีอะไรมากระตุ้น แต่การอาละวาดนั้นจะเกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยา ซึ่งเมื่อทำซ้ำๆ ซากๆ แล้วก็จะกลายเป็นความประพฤติ หรือพฤติกรรมประจำ ตัวอย่างเช่น เวลาหิวขึ้นมาก็จะมีอาการ มือไม้สั่น ท่าทางงุ่นง่าน นั่นคืออาการโกรธ
แต่เมื่อโกรธขึ้นมาแล้ว จะต้องรีบไปหาอะไรกิน สมมติว่าคนคนนั้นทำงานอยู่ในโรงงาน ซึ่งมีโรงอาหาร เวลากินก็ต้องทำตามระเบียบ คือต้องไปเข้าคิวแล้วก็สั่งอาหารตามแผนกต่างๆ เพื่อเลือกอาหารที่ตัวต้องการ
แต่คนผู้นี้จะไม่ยอมเข้าคิว แทรกคนโน้นแย่งคนนี้ เอาอาหารของตัวก่อน ทำอย่างนี้ทีไรก็จะได้อาหารกินก่อนคนอื่นคราวนั้น
เขาก็จะทำต่อไปทุกครั้งจนเป็นนิสัย นี่คือพฤติกรรมประจำตัว
โปรเฟสเซอร์ เบอร์โควิทซ์ เน้นว่าควรจะเข้าใจว่า ระหว่างความโกรธกับพฤติกรรมนั้นต่างกัน ต้องแยกกันให้ถูก เวลาจะแก้ไขจะได้แก้ไขได้ถูกต้อง
จะแยกกัน หรือจะรวมกัน อย่างไรก็ตามที ผมเห็นว่าในเรื่องของความโกรธนั้น เป็นต้นเหตุสำคัญ ถ้าแก้ความโกรธหรือระงับความโกรธได้เสียก่อน การแก้พฤติกรรม หรือสันดานนั้นก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น
เพราะถ้าเริ่มด้วยความโกรธก่อนอย่างเดียว ก็จะเห็นได้ชัดว่ามันทำลายตนเองได้อย่างสาหัสเลยทีเดียว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั้นเราจะเห็นได้ชัด อย่างเช่น หัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ฮอร์โมนหลายสิบชนิดเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นต้น
ยิ่งสภาพร่างกายบกพร่อง หรือโรคภัยไข้เจ็บมาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ความโกรธนั้นก็ทำให้ถึงตายได้ อย่างคนเป็นโรคหัวใจ หรือคนที่ความดันโลหิตสูง พอโกรธจนหน้าเขียว ก็เกิดอาการ HEART ATTACK ได้ หรือ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตกได้ ถ้าไม่ตายก็คางเหลือง นั่นแหละครับ
เพราะฉะนั้นต้องแก้นะครับ เรื่อง A ตัวที่สอง คือ ANGER หรือความโกรธนี้
วิธีแก้นะครับ
1. ต้องมีสติ เวลาโกรธขึ้นมา กุมสติให้รู้ตัวว่า นี่เรากำลังโกรธแล้วนะ เราจะสังเกตได้ง่ายๆ นะครับ เวลาที่เราโกรธ เราจะรู้สึกวูบขึ้นมาที่หน้าเรา มือไม้สั่น และมันจะรู้สึกเหมือนมีอะไร มาดันภายในตัวเรา อยากจะระเบิดออกมาข้างนอกให้ได้ นั่นแหละเรากำลังโกรธแล้ว
2. เมื่อรู้ว่าโกรธ รีบหายใจยาวๆ ทำกายของเราให้สงบและผ่อนคลาย ยิ้มปลอบใจตัวเองเสียหน่อยก็ได้ แล้วเราจะมองเห็นปัญหาที่ทำให้เราโกรธ และจะแก้ปัญหาทำได้อย่างใจเย็น
3. ขณะที่เราโกรธจนลืมตัวนั้น ผลจะตกอยู่แก่ร่างกายของเรา เช่น ท้องผูก ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ ปวดหัว เป็นต้น แก้ด้วยการคลายเกร็ง และผ่อนคลาย (RELAXATION) ตามวิธีที่ได้บอกไว้เมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน จำได้ไหมครับ
4. สำหรับท่านที่โกรธแบบผู้ใหญ่ คือมีทั้งโกรธ โลภ หลง อยู่ด้วยนั้น คงจะต้องพูดกันยาว ขอต่ออาทิตย์หน้านะครับ รับรองว่าทำให้ท่านดีขึ้นได้
ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า ท่านอยากจะแก้ไขหรือเปล่า?
main |