มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ เริ่ม อาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2541 ]

ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต

โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง


25 FASJAMM (8) MEMORY หรือความจำ

วันนี้ขอคุยถึงเรื่องตัวที่ 6 FASJAMM คือ M ซึ่งหมายถึง MEMORY หรือความจำ
M ตัวนี้ไม่ได้หมายถึงความจำเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการจะให้เป็นความหมายรวม ของการทำงานของสมอง ของความคิดทั้งหลายทั้งปวงด้วย

M จึงหมายถึงสมอง หมายถึงการทำงานของสมอง หมายถึงสมรรถภาพของสมองด้านความจำ ด้านความคิด ความอ่าน และโดยเหตุที่สมองเป็นตัวควบคุมการทำงานทุกส่วนของร่างกาย จึงหมายถึงการประสานงานในการทำงานของร่างกายด้วย

ผู้ที่มี FASJAMM ดี ควรจะมีสมองแจ่มใสคิดและตัดสินใจได้ฉับไวรวดเร็ว มีความจำดี บางคนอายุยังไม่มาก แต่มักจะบ่นว่าตนเองความจำเสื่อม บางคนวิตกกังวลอย่างเหลือเกินว่า คงจะเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับสมองเสียแล้ว

ก่อนที่จะตื่นตกใจว่าความจำเสื่อม หรือมีโรคร้ายแรงเกี่ยวแก่สมอง ขอให้เราพิจารณาดูเสียก่อนว่าความจำคืออะไร ก่อนที่เราจะจะอะไรได้ เราจะต้อง "รู้" เสียก่อนว่าสิ่งที่เราจะรู้ หรือเรียนรู้นั้นคืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร

อย่างเช่น ช้าง นก และปลา มีความแตกต่างกันเราจะ "รู้ " แต่แรกว่า ช้างมีสี่ขา รูปร่างใหญ่โต มีหู มีหนังหนา มีขน ส่วนนกนั้นมีปีกบินได้ มีสองขา ส่วนปลานั้นว่ายน้ำได้ ไม่มีขา มีครีบ และมีเหงือก เหล่านี้เป็นต้น

เรา "รู้" ว่าช้างต่างกว่านกและปลา เรารู้ว่าช้างเป็นสัตว์เดรัจฉาน นกเป็นสัตว์ในอากาศ และปลาเป็นสัตว์ในน้ำ ต่อไปเมื่อเราเห็นม้า ก็รู้ว่าเป็นสัตว์เช่นเดียวกันกับช้าง แต่ต่างกว่าช้าง ตรงที่ไม่มีงวง ไม่มีงา และวิ่งเร็วกว่าช้าง

เมื่อเห็นวัว เห็นควาย เราก็รู้ว่ามันเป็นสัตว์ต่างกว่าช้าง ต่างกว่าม้า เพราะเราจำช่างจำม้าได้ และต่อไปเมื่อเห็นอะไรนี้แล้ว เราก็รู้จักเปรียบเทียบกับสิ่งที่เห็นตอนแรก เพราะเราจำสิ่งที่เราเห็นตอนแรกได้ และจำสิ่งที่เห็นต่อ ๆ มาได้ เพราะรู้จักเปรียบเทียบกัน

นี่คือกระบวนการของการจำ และความจำ

ที่นี้สมมติว่าอยู่ ๆ เราเห็นสัตว์ตัวหนึ่ง แล้วก็เกิดสงสัยว่านี่คือ วัวหรือควายกันแน่ เพราะเราลืมลักษณะแน่นอนของวัวและควาย เราจึงนึกไม่ออกว่า สัตว์นั้นเป็นวัวหรือเป็นควาย

ถ้าเป็นเช่นนี้จึงจะเหมาว่า เราความจำเสื่อมหรือ ผมว่าคงไม่ใช่ ที่เราจำไม่ได้เพราะเราจัดกระบวนการ (ORGANIZE) การ "รู้" และการจำของเราไม่ถูกต่างหาก

โดยเหตุนี้สมัยนี้ จึงมีการสอนวิธีจัดกระบวนการจำ เพื่อให้เราจำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และมีความจำดีขึ้น อย่างเช่น การจำชื่อคน เขาจะสอนให้นึกถึงชื่อของคน โดยไปผูกไว้กับลักษณะของสิ่งของหรือสถานที่ สมมติว่า ชายแปลกหน้าคนนั้นชื่อ นายนกเขา เวลาจะจำชื่อของเขาก็ให้นึกถึงนกซึ่งบินมาจากเขา มีอยู่มากมายหลายวิธีที่จะทำให้เราจำชื่อคนได้มากขึ้น และมีอยู่มากมายหลายวิธีเหมือนกัน ที่จะช่วยให้เราจำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเราได้ดีขึ้น

วิธีต่าง ๆ เหล่านี้ คือ กลอุบายในการจัดระบบจำให้เป็นหมวดหมู่ นั่นก็คือ การจัดระบบและระเบียบของสมองของเราให้ถูกต้อง

เมื่อจัดระบบความจำแล้วก็ยังลืมอยู่อีก ก็ต้องมาพิจารณาหรือตรวจดูการทำงานของสมอง (FUNCTION) แล้วละว่ามีอะไรผิดปรกติไปหรือเปล่า ตามปรกติแล้ว เซลล์ของร่างกายก็เหมือนชีวิตของคนต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายเมื่อหมดอายุก็จะมีเซลล์ให้เกิดมาแทนที่ แต่เซลล์ของสมองไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าตายไปแล้วก็ตายไปเลย ไม่มีเกิดใหม่

ร่างกายของเราจะเจริญเต็มที่ เมื่อประมาณอายุ 20-25 ปี พอเจริญเต็มที่ไม่โตไปกว่านั้น สมองจะเริ่มเสื่อมก่อนเพื่อน เซลล์ของสมองจะตายไปวันละหลายพัน จากการศึกษาเรื่องของสมองของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ เราพบว่า สมองจะหดตัวลงทุกขณะ และถ้าลองชั่งน้ำหนักของสมองดู เราจะพบสมองน้ำหนักลดลงประมาณปีละ 1 กรัม

เมื่อลองศึกษามันสมองของผู้สูงอายุดู จะเห็นความแตกต่างจากมันสมอง เมื่อตอนเป็นหนุ่มสาว ได้ชัดเจน รอยต่อของสมองแต่ละส่วนจะกว้างและลึกกว่าเดิม ช่องว่างภายใน (VENTRICLES) จะกว้างมากขึ้น เซลล์ประสาทที่ยังเหลืออยู่ก็เสื่อมคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เขาเรียกว่า สมองน้อย (CEREBELLUM)

ส่วนสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น ก็คือ เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง จะตีบลีบเล็กลงกว่าเดิมทำให้ออกซิเจน และสารอาหารขึ้นไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง และทำให้การลำเลียงของสกปรกหรือท็อกซิน ออกจากสมองได้ยากยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าตกใจอย่างยิ่งก็คือ ความเสื่อมต่าง ๆ ของสมองเหล่านี้ ซึ่งรวมทั้งความจำเสื่อมนั้น มักจะติดตามด้วยความคิดความอ่าน ความฉลาดเฉลียวของผู้นั้นเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน จนในบางครั้งหรือในบั้นปลายของชีวิตคนผู้นั้น จะมีอาการเหมือนเด็ก ๆ ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักตอบสนองทำอะไรเหมือนคนโง่ หรือเป็นที่หัวเราะเยาะสนุกสนานของคนอายุน้อยกว่าอย่างเวทนายิ่ง

ที่น่าสงสารคือ อาการหลงลืม ซึ่งเกิดแก่ผู้สูงอายุการ หลงลืมเช่นนี้หลายคนจะหนักหนา จนถึงกับหลง ๆ ลืม ๆ อย่างหนัก กินแล้วบอกว่าไม่ได้กิน จำชื่อ จำหน้าจำตาของคนใกล้เคียงก็ยังไม่ได้ อาการเช่นนี้ คือ อาการที่เราเรียกว่า SENILE DEMENTIA ซึ่งเป็นอาการหลงลืมหนักหนาสาหัสพอ ๆ กับผู้ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ (ALZHEIMER' DISEASE)

ระหว่างความจำเสื่อมของผู้สูงอายุ (SENILE DEMENTIA) กับอัลไซเมอร์นั้น ต่างกันก็ตรงที่ว่า ความจำเสื่อมนั้นมักจะเป็นกับผู้สูงอายุ แต่ถึงจะหลงลืมอย่างไร ก็ยังพอมีการตอบสนองได้บ้าง แต่อัลไซเมอร์นั้นลืมหมดท่าเดียว การตอบสนองแทบจะไม่มีเลย การจะเป็นโรคนี้ บางทียังไม่ได้ทันแก่ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ได้มีการทดลองและศึกษาถึงความเสื่อมของสมองว่า เกี่ยวกับอายุรุ่นไหนมากที่สุด

ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่หรือสมัยใหม่ เราพบว่า คนประมาณอายุ 50 หรือเริ่มจะ 50 ขึ้นไป จะมีอาการเสื่อมทางสมองค่อนข้างจะเร็วมาก คือ เป็นทันทีทันใด

ปรากฏว่าคนรุ่นนี้ ความคิดความอ่านในการวางแผนการล่วงหน้า ความรอบคอบเสื่อมลง

ความสามารถที่จะพิจารณาเปรียบเทียบสองสิ่งหรือหลาย ๆ สิ่งก็เสื่อมลง เช่นเดียวกับความสามารถเกี่ยวกับความรู้เก่า ๆ เช่น คณิตศาสตร์ การใช้คำพูดก็เสื่อมลงและช้าลงด้วย

สัมผัสต่าง ๆ เลวลง ตา หู จมูก ลิ้น เสื่อมการรับรู้แม้แต่การรู้สึกร้อนหนาวก็เปลี่ยนแปลงไป ถ้าหนาวก็จะหนาวมาก ถ้าร้อนก็จะร้อนมากเช่นเดียวกัน

ถ้าดูความเป็นไปของสมอง ซึ่งจะเสื่อมลงตามอายุ ก็เป็นเรื่องซึ่งน่าเป็นห่วง แต่ถ้าหากความเป็นไปของคนสมัยใหม่ปรากฏว่า มีความเสื่อมทางสมองมากกว่าคนสมัยก่อน และเร็วกว่าคนสมัยก่อน ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง

สมองเป็นส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา อะไรหนักหนาเกิดแก่สมองของเรา ชีวิตเราก็เหมือนคนตายทั้งเป็น ฉะนั้นมาช่วยกันป้องกันและแก้ไข เพื่อไม่ให้เราตายทั้งเป็นเสียก่อน ดีไหมครับ FASJAMM ของเราจะได้ดีขึ้น

เราเริ่มด้วย NEUROTRANSMITTER ก่อนดีไหมครับ นิวโรทรานสมิตเตอร์ ตัวนี้ คือ สารสำคัญของสมอง หน้าที่สำคัญคือ ตัวเชื่อมที่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของสมองติดต่อกัน และทำงานร่วมกันได้ ถ้าไม่มีสารตัวนี้ ก็เหมือนคอมพิวเตอร์ซึ่งสายไฟเสียแหละครับ เครื่องทั้งเครื่องพังไปเลย

ถ้าเราจะให้นิวโรทรานสมิตเตอร์ทำงานได้ดี สมองทุกส่วนจะดีตามไปด้วย เราจะต้องหาอาหารดี ๆ ไปเลี้ยงนิวโรทรานมิตเตอร์ อาหารนี้ก็คือ กลูโคส

กลูโคส มาจากคาร์โบไฮเดรต ข้าว ก็คือ คาร์โบไฮเดรต และข้าซ้อมมือข้าวกล้อง เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดีจะสร้างกลูโคสที่ดีไปเลี้ยงสมองได้
กินข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้องเป็นประจำเถิดครับ

น้ำอาร์ซี ที่ผมเคยแนะนำก็สร้างกลูโคสที่ดี และเป็นอาหารสำหรับสมองที่ดี แต่ควรจะทำกินเองนะครับ อย่าไปซื้อที่เขาทำสำเร็จรูปมาแล้ว

นอกจากนั้นยังมีอาหารบำรุงสมองอีก คือ จมูกข้าว ผักใบเขียวจัด ถั่วเหลือง ถั่ว ข้าว และธัญพืช ซึ่งไม่ได้ขัดขาว แคนตาลูป มะเขือเทศ ใบสะระแหน่ เมล็ดทานตะวัน กล้วย มันเทศ มันฝรั่ง เหล่านี้เป็นอาหาร บำรุงสมอง

และควรจะกินอาหารเสริมประเภท วิตามินบี 1 และแอมมิโน แอซิค บำรุงสมอง คือ กลูตามีน และร่วมกับวิตามิน บีคอมเพล็กซ์ ก็น่าจะสมบูรณ์ขึ้น

FASJAMM ของคุณก็จะดีตลอดไปนะครับ

สาทิส อินทรกำแหง


[กลับไปสารบัญชีวจิต]   [BACK TO LISTS - FOODS]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1