โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง
อาทิตย์ที่แล้ว ผมขอให้ระวังไข้หวัด อาทิตย์นี้ก็ยังขอให้ระวังอยู่ต่อไป เพราะไข้หวัดยังไม่หมด พร้อมกันนี้ ก็ขอพูดถึงอาการเจ็บป่วยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะติดตามโรคไข้หวัด คือ โรคท้องเดิน หรือท้องร่วง
พอดีกำลังจะเข้าหน้าร้อนแล้วนะครับ ควรจะต้องดูแลตัวเองเรื่องท้องไส้ หรือระบบย่อยไว้ให้ดีเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้
เมื่อกระเพาะ/ลำไส้ถูกรบกวน จะด้วยอาการเป็นพิษหรือมีเชื้อโรคติด เข้าไปในระบบย่อยก็ตาม ผนังลำไส้เล็กของเราจะไม่สามารถดูดซึมสารอาหาร ซึ่งถูกย่อยออกไปแล้วได้ จึงทำให้เกิดอาการท้องเดินหรือถ่ายไม่หยุด
สาเหตุแท้จริงนี้เกิดขึ้นได้หลายอย่าง เกิดขึ้นเพราะอาการแพ้บ้าง เพราะใช้ยาปฏิชีวนะมากจนเกินไปบ้าง เกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อบิดบ้าง เกิดจากอาหารเป็นพิษบ้าง เกิดจากการใช้ยาถ่ายบ่อยๆ หรือสวนทวารโดยวิธีผิดๆ บ้าง
นอกไปจากนั้น สาเหตุทางจิตใจ ก็ยังทำให้เกิดการผิดปรกติกับระบบย่อยได้ ความเครียดก็ดี ความโกรธหรือความโศกเศร้าเสียใจก็ดี ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็ดี สามารถทำให้เกิดความผิดปรกติกับการขับถ่าย จนถึงการท้องเดินท้องเสียได้
อาการท้องเดินหรือท้องเสีย บางครั้งก็เกิดขึ้นเหมือนโรคติดต่อตามฤดูกาลได้ อย่างเช่นอาหารเป็นพิษ ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยในหน้าร้อน
หน้าร้อนกลายเป็นฤดูกาลของโรคท้องเดิน-ท้องเสีย ก็เพราะหน้าร้อนเป็นฤดูซึ่งโรงเรียน และมหาวิทยาลัยปิดเทอมยาว ในขณะเดียวกันคนไทย ที่พอจะปลีกตัวไปไหนๆ ได้ ก็จะออกท่องเที่ยวกับครอบครัวที
ไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ ก็จะนัดพบสนุกสนานเฮฮา ตามร้านอาหารและร้านเหล้า
หน้าร้อนซึ่งจะเป็นฤดูกาลพิเศษ ที่คนไทยชอบกิน ชอบเที่ยว และชอบดื่ม
และเรามักจะกินไม่เลือก และดื่มจนเกินความพอดี
อาหารเป็นพิษจนกระทั่งลุกลามไป ถึงอาการหนักหนาสาหัสเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ ก็เกิดขึ้นได้เพราะฤดูกาลเช่นนี้แหละ
เพราะฉะนั้น ที่ผมอยากจะเตือนเป็นข้อแรกก็คือ จะไปพักผ่อนหรือนัดเพื่อนฝูง สนุกสนานเฮฮากันอย่างไร ก็ทำกันเถิดครับ ปีหนึ่งได้พักผ่อนหย่อนใจก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าตามใจตัวจนเลยเกินไป
แรกทีเดียวขอให้ระวังเรื่องอาหาร อย่ากินของหลากหลายและสั่งอาหาร มากองที่โต๊ะพะเนินเทินทึกจนเกินไป อย่าไปนึกว่าไม่ได้กินเต็มที่มานานแล้ว คราวนี้ได้มาเที่ยวสนุก ก็เลยกินเสียเต็มที่ อย่าสั่งอาหารมากมายฟุ่มเฟือย สั่งอย่างสองอย่างกินให้อร่อยๆ ก็พอแล้ว และข้อสำคัญ ตรวจดูให้ดีๆ ว่าอาหารนั้นใหม่-สด และสะอาดหรือเปล่า
สิ่งสำคัญซึ่งจะเตือนเกี่ยวกับอาหารก็คือ อย่ากินเหล้ามากๆ เวลาไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม จะหนีไม่พ้นเรื่องกินและดื่มจนเกินพอดี
อย่าสั่งอาหารพวกยำ พวกพล่า หรือพวกแซบๆ โดยเฉพาะพวกอาหารทะเล ถ้าไม่สด หรือมีสารพิษ เช่น ยาดองศพ ฟอร์มาลินมากๆ เอามาพล่า มายำ กินเข้าไปก็เท่ากับกินยาพิษดีๆเรานี่เอง
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการประชุมทางการแพทย์ที่เชียงใหม่ มีการกินเลี้ยงใหญ่ ในเมนูอาหารมียำทะเลอยู่ในนั้นด้วย กินอาหารมื้ออร่อยเข้าไป ผู้เข้าร่วมประชุมเกิดอาการจากอาหารเป็นพิษ ต้องเข้าโรงพยาบาลกันเกือบทุกคน บางคนต้องอยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนครึ่ง นี่ขนาดเป็นหมอเองนะครับ
ท่านที่ชอบไปต่างประเทศ ยิ่งต้องระวังให้มาก คอยฟังข่าวต่างๆ ให้ดี บางครั้งจะได้ยินว่าในประเทศต่างๆ ที่คุณจะเดินทางไปนั้น กำลังมีโรคระบาด เช่น ไข้หวัด หรือไข้รากสาด เป็นต้น อย่างเช่น ฮ่องกงหรือประเทศจีน หรืออเมริกาใต้ หรืออินเดีย เป็นต้น คงจะเคยได้ยินว่ามีฮ่องกงฟลู มีไวรัสตับ เอ อักเสบในจีน มีไข้หวัดในคาซาบลังกา มีโรคท้องเดินในเดลฮี เป็นต้น
ถ้าจำเป็นต้องไป ต้องระวังเรื่องอาหารและน้ำให้มากๆ
นอกจากนั้น เวลาเดินทางไม่ว่าจะในประเทศ หรือนอกประเทศ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา ก็จะเกิดอาการร่วม เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ เป็นต้น คุณควรจะมียาแก้ปวดท้อง ยาแก้ปวด และยาแก้ไข้ติดตัวตามไปด้วย
เอาละครับ ทีนี้ก็มาถึงวิธีแก้และป้องกันด้วยตัวเองเสียก่อน
ถ้ารู้สึกว่ากำลังมีอาการผิดปรกติทางระบบย่อย หรือครั่นเนื้อครั่นตัว การป้องกันขั้นแรกก็ลองคั้นมะนาวสัก 2-3 ลูก ผสมน้ำสักหนึ่งแก้วดื่มก่อนอาหาร และในขณะเดียวกันพอกินอาหารเสร็จ จะตามด้วยโยเกิตชนิดแท้ๆ ไม่ปรุงรสสักหนึ่งถ้วย ก็จะทำให้ท้องไส้ดีขึ้น แต่ถ้าจะให้สะดวก ตามร้านขายยาบางแห่งจะมีโยเกิตชนิดเม็ด (Acidophilus) ขาย ซื้อติดตัวไว้เวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกดี ถ้าคุณหาได้ก็กินหลังอาหาร (ทันที) สักครั้งละ 3 เม็ด หรือ 3 แคปซูล ก็จะปลอดภัยดี
โปรดสังเกตอีกอย่างนะครับว่า อาการท้องเดินหรือท้องร่วงธรรมดาๆ มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน โดยคุณไม่รู้ตัวล่วงหน้า และในเมื่อมันเป็นท้องร่วงธรรมดาๆ ก็จะเป็นระยะสั้นๆเพียง 2-3 วัน
ถ้าเป็นอย่างธรรมดาเช่นนี้ ก็ควรจะพัก ทันทีและใช้ยาแก้ท้องเดิน
หรือจะใช้ยากลางบ้านแบบสมุนไพร คือเปลือกจากต้นฝรั่ง ถากออกมาสักหนึ่งฝ่ามือ 2 ชิ้น แล้วปิ้งไฟให้เกรียม ชงน้ำดื่มก็จะช่วยได้ดีเหมือนกัน
แต่บางรายนี่เป็นมากจนถึงอาเจียน และถ่ายเป็นเลือด คงจะต้องไปปรึกษาแพทย์ทันทีเลยนะครับ
แต่ถ้าอาการท้องร่วงเกิดขึ้นกับเด็กๆ ต้องระวังมากอย่างยิ่งเลยนะครับ คงจะต้องหาหมอด่วน และในระหว่างเรายังติดต่อแพทย์ไม่ได้ มีคำแนะนำจากนายแพทย์ไฮม์ลิช (HEIMLICH) คนที่คิดวิธีแก้อาการช็อก อาหารติดคอด้วยการเอามือประสานกัน กระแทกหน้าอก คนที่อาหารติดคอนั้นแหละครับได้แนะนำว่า เพื่อแก้อาการขาดน้ำและช็อกว่า ให้ดื่มน้ำหนึ่งแก้วผสมน้ำตาลหนึ่งช้อนชาและเกลือกับเบกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชาด้วย
คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก WHO ให้ดื่มน้ำผสมเกลือแกงประมาณ 1/4 ช้อนชาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่จะต้องเดินทางไปไหนมาไหน จนไม่สามารถจะหาแพทย์ได้ ทันท่วงที วิธีปฏิบัติง่ายๆ ก็คือ นอนพักเสียก่อน และเมื่อท้องไส้ดีขึ้นพอจะกินอาหารได้ก็ใช้อาหารบริสุทธิ์ คือให้กินแต่ข้าว (ซ้อมมือ) และกล้วยน้ำว้าในวันแรก วันที่สองและสาม ให้กินอย่างเดิม แต่เพิ่มพวกผัก เช่น บรอกเคอรี่ ผัดกาดจอ (แบบภาคเหนือ) กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ และหัวไชเท้าได้
สำหรับพวกผักนั้น วิธีทำก็คือ ใช้นาบในกระทะ วิธีทำแบบนี้ทำได้ง่ายๆ ให้คุณหั่นผักเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผัดในกระทะ โดยไม่ใช้น้ำมัน เมื่อเวลาจะกินกับข้าวก็ใช้สาหร่ายทะเลฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยผสมกับเกลือป่นคั่วกับงา จะทำให้มีรสเค็มๆ มันๆ อร่อยดี
และควรจะใช้วิตามินและแร่ธาตุกินด้วยนะครับ คือวิตามินบี คอมเพล็กซ์ 100 มก. วิตามินซี 1,000 มก. แมกนีเซียม 500 มก. และโปแตสเซียม 100 มก. ด้วย
ใช้วิตามินและแร่ธาตุเช่นนี้เพื่อแก้การขาดน้ำ และแร่ธาตุ เนื่องมาจากท้องร่วงได้ครับ
ขอให้เที่ยวให้สนุก และปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บนะครับ.
main |