มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ เริ่ม อาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2541 ]

ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต

โดย ดร. สาทิส อินทรกำแหง


33 กินอย่างมีสุขในหน้าร้อน

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมพลาดไปนิดหนึ่ง ไม่ได้ เขียนเรื่องสงกรานต์ไว้ล่วงหน้า เมื่อท่านผู้อ่านได้อ่านบทความชิ้นนี้อยู่ เทศกาลสงกรานต์ เพิ่งจะผ่านไปหมาดๆ เพราะฉะนั้น บทความอาทิตย์นี้ ก็ขออนุญาตพูดเรื่องปิดท้ายสงกรานต์ก็แล้วกันนะครับ

ระยะปีหลังๆ นี้ เราฉลองสงกรานต์กันมากขึ้นกว่าเดิม แต่ผมรู้สึกว่าเราสนใจสงกรานต์กันมากขึ้นนั้น คงเป็นเพราะเรื่องของวันหยุดระยะยาวมากกว่า ปัญหาก่อนสงกรานต์และระหว่างสงกรานต์ ที่เราพูดกันถึงมากที่สุดก็คือ เรื่องการเดินทางกลับบ้าน รถราติดกันอุตลุดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ก็เพราะคนแย่งกันหาพาหนะที่จะกลับบ้าน ทำอย่างไรจะหาตั๋วรถโดยสาร ตั๋วรถไฟ ตลอดจนตั๋วเรือบินได้ทันวันสงกรานต์ ปัญหานี้จะหนักที่สุดก่อนวันสงกรานต์ และก็จะหนักที่สุดอีกครั้งเมื่อหมดวันสงกรานต์แล้ว ทุกคนจะแย่งกันเดินทางกลับมาที่ทำงานของตนอีกครั้ง

บรรยากาศงานวันสงกรานต์ตอนหลังๆ นี้ จึงหนักไปในเรื่องของการเดินทางกลับบ้าน มากกว่าการเข้าวัดทำบุญและการไหว้ผู้ใหญ่ ลุงป้าน้าอาเหมือนครั้งก่อนๆ บวกกับการเที่ยวสนุกสนานสาดนํ้ากันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อบางแห่ง ความหมายของประเพณีสงกรานต์ จึงค่อนข้างจะเหลือน้อยเต็มที

ผมนึกไปถึงสมัยเมื่อยังมีความเก่าๆ หลงเหลืออยู่ เราเคยรอวันสงกรานต์อย่างใจจดใจจ่อ รอถึงวันสนุกสนานตามประเพณี แต่ก่อนที่จะสนุกสนานกันเองได้ ก็ต้องเข้าวัดทำบุญสรงนํ้าพระเสียก่อน ต่อจากนั้นก็ไปไหว้ขอพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ ต่อจากนั้นเราจึงจะสนุกสนานกัน

หน้าสงกรานต์ร้อนๆ อย่างนั้น รดนํ้ากันระหว่างเพื่อนฝูงต่างวัยต่างเพศทำกันพอดีๆ คือขออนุญาตผู้จะถูกรดเสียก่อน รดเขาที่มือและก็คงจะประพรมนํ้าหอมพอชื่นใจ ถ้าสนิทกันก็อาจจะขอทาดินสอพอง หรือแป้งหอมพอเย็นๆ หน้า เย็นแขน เย็นมือ ถ้าเป็นแขกต่างถิ่น คงจะต้องขออภัยล่วงหน้า และผสมนํ้าพอเป็นพิธี เราไม่ได้สาดกันโครมๆ อย่างเดี่ยวนี้

ดินสอพองและแป้งหอมนั้นทาแล้วเย็นดี คำอวยพรด้วยนํ้าใสใจจริงนั้นก็เย็นจับจิตจับใจไปด้วย

ตอนเย็นและตอนคํ่า บ้านผมที่โคราชจะมีการเล่นสะบ้า และรำโทน ซึ่งก็คือแม่บทของรำวงสมัยนี้ เขากินเหล้ากันสนุกสนานเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เอะอะโวยวายและทะเลาะตีรันฟันแทงกัน

หน้าสงกรานต์ผมไม่เคยพบเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือฆ่าฟันกันเลย บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า เพราะอะไร เห็น จะเป็นด้วยเรื่องนํ้าใสใจจริง ซึ่งมีต่อกันในวันสงกรานต์มากกว่า

อยากจะเสนอท่านผู้จัดสงกรานต์อะเมซซิ่งไทยแลนด์ ดูสักนิดว่า มีหนทางอะไรไหมที่ชักชวนให้ผู้ฉลองสงกรานต์ แสดงอัธยาศัยไมตรีต่อกันให้มากไว้ และก็เลิกสาดนํ้าแบบบ้าระหํ่าเสียที

อาหารประจำของวันสงกรานต์อย่างหนึ่งซึ่งผมจำได้ก็คือ เราจะไปที่ไหนก็มีอาหารเลี้ยงเราด้วยอัธยาศัยไมตรี อาหารนั้นก็คือขนมจีนนํ้ายา ที่ขึ้นชื่อของโคราชสมัยโน้นในเรื่องอาหารพื้นเมือง ก็คือขนมจีนนํ้ายาบ้านประโดก

ประโดก คือชื่อตำบลอยู่ตอนเหนือของโคราช ขนมจีนจะเป็นสีมอๆ เพราะทำจากข้าวซ้อมมือ ส่วนนํ้ายาก็เป็นนํ้ายาใสๆ แต่จะมีเนื้อปลาตำละเอียดละลายในนํ้ายานั้น รสชาติก็คือเผ็ดๆ เค็มๆ

เวลาจะกินเอานํ้ายาคลุกขนมจีนแล้ว ก็มีผักแนม คือยอดกระถิน และฝักกระถินอ่อน กินแล้วรสชาติเข้ากันดีเหลือเกิน คือ เผ็ด เค็ม มัน

ที่ของธรรมดาง่ายๆ ก็คือ นํ้ายาแบบนี้ไม่ต้องมีกะทิ เหมือนอย่างนํ้ายากรุงเทพฯ เป็นแต่เพียงผัดนํ้ายาให้หอม แล้วใส่เนื้อปลาตำละเอียดลงไป แล้วเติมนํ้าให้เดือด เติมเค็มตามชอบ

บางเจ้าก็ใส่ปลาร้าลงไปด้วย เคล็ดลับของการปรุงอาหารปลา รวมทั้งใส่ปลาร้าลงไปด้วยนี้ อยู่ที่ก่อนจะใส่ต้องให้นํ้าพริก หรือนํ้าแกงเดือดคลั่กเสียก่อน จึงจะใส่เนื้อปลาและปลาร้าลงไปได้ อย่าใส่ลงไปในขณะที่นํ้าแกงยังไม่เดือดเด็ดขาด

บางเจ้าเวลาตำเครื่องแกง เขาจะใส่กระชายลงไปด้วย ทำให้เครื่องแกงหอมขึ้น

ผมนึกถึงคำถามจากเพื่อนต่างประเทศผมคนหนึ่งที่ถามว่า "เมืองไทยของยูเป็นเมืองร้อน ทำไมจึงชอบกินเผ็ด"

ตอนนั้น ผมก็ยังนึกคำตอบเหมาะๆ ไม่ได้ เลยได้แต่ตอบด้วยการย้อนถามเขาไปว่า "ก็เมืองของยูเป็นเมืองหนาว ทำไมยูชอบกินไอศกรีม"

เพื่อนก็คงงง เขาคงนึกหาคำตอบไม่ทันเช่นกัน เลยไม่สามารถหาคำถามต่อไปมาย้อนผมได้

ตอนนี้ผมนึกขึ้นมาได้อีกอย่างหนึ่งว่า ตอนสงกรานต์อย่างนี้อากาศร้อนจัด อย่างที่โคราชสมัยที่คนยังไม่รู้จักแอร์ หรือพัดลมดีนั้น คงจะรู้ดีว่าหน้าร้อนที่โคราชนั้น ร้อนแทบจะตับแตกเพียงไร

แล้วหน้าร้อนตอนนั้น ทำไมเราถึงยิ่งกินเผ็ดมากๆ ผมมานึกดูตอนนี้ ได้คำตอบซึ่งน่าจะฟังได้หลายคำตอบ

คำตอบแรกก็คือ เรื่องสุขภาพ โคราชสมัยก่อนนั้นกันดารนํ้าเหลือแสนนะครับ เราไม่มีนํ้าประปาหรอกนํ้าดื่มเราดื่มนํ้าจากสระที่ขังไว้ คือสระแก้ว และสระขวัญ นํ้าในสระก็เป็นนํ้าฝนที่ขังไว้ แต่ก็มีรสกร่อย เพราะดินในสระเป็นดินเค็ม

นํ้าอีกแห่งหนึ่งคือนํ้าในลำตะคอง ซึ่งก็กร่อยและหน้าแล้งเกือบจะออกเค็มด้วยซํ้า เพราะดินที่โคราชนั้นเป็นดินเค็มเกือบทั้งหมด

สมัยก่อนเกลือที่กินในโคราชเป็นเกลือสินเธาว์ ไม่ใช่เกลือทะเล เกลือที่เขาทำนั้น เอานํ้าจากดินทรายไปต้ม เคี่ยวจนเป็นเกลือ

เรากินนํ้ากันดิบๆ ยิ่งหน้าแล้ง ยามสงกรานต์ ด้วยแล้ว นํ้าก็เหลือน้อยจึงค่อนข้างขุ่น สุขภาพชาวโคราชที่ไม่ค่อยดีนัก ก็เพราะกินนํ้าสกปรกในสมัยก่อนนั้น ที่ทนกันอยู่ได้คงเป็นเพราะภูมิต้านทานยังดีอยู่กระมัง

แต่บ้านผมยังเคราะห์ดี เพราะเรามีถังซีเมนต์ ใหญ่รองนํ้าฝนไว้กินตลอดปี แถมเรายังมีตุ่มนํ้าอีกเป็นสิบๆ ใบอยู่รอบบ้าน นํ้าดื่มจึงไม่สู้จะเป็นปัญหา

แต่ชาวบ้านที่ไม่มีตุ่มจะเก็บนํ้าฝน ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบทางเดินอาหาร ผมจำได้ว่าเคยเห็นคนท้องโตมากพอสมควร เขาจะเรียกคนเหล่านั้นว่า เป็นโรคท้องมาน ซึ่งก็คงจะเป็นพยาธิมากมายอยู่ในท้องในไส้เหล่านั้น พยาธิมากๆ รวมทั้งกินของดิบๆ ด้วย ก็คงจะถึงขั้นมะเร็งตับด้วย แต่เขาไม่รู้จักกันเรื่องมะเร็งสมัยนั้น

เรื่องการกินเผ็ดก็คงเป็นยาแบบชาวบ้านได้อย่างหนึ่ง เพราะเผ็ดพริกนั้นทำให้กินข้าวได้ ทั้งยังแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารบางอย่าง เช่น โรคบิด และอาเจียนได้ด้วย

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อกินเผ็ดมากๆ เหงื่อก็ออกมาก ผมพบความจริงอย่างหนึ่งว่า หน้าร้อนจัดนั้น ถ้าคุณทำอะไรก็ได้ ให้เหงื่อแตกพลั่กๆ แล้วคุณจะรู้สึกเย็นสบาย ยิ่งอยู่กลางทุ่งหรือที่โล่งมีลมพัดกระพือตลอดเวลา จะรู้สึกเย็นสบายปลอดโปร่งดีนักแล

ตกลงถ้าอยากจะเย็นสบายในหน้าร้อนๆ ก็ต้องใช้ความร้อน ทำนองหนามยอกหนามบ่งนั่นแหละ

เมื่อเผ็ดมากๆ ก็ย่อมจะกินข้าวได้มากๆ ข้าวในระหว่างสงกรานต์นั้น ก็คือขนมจีนซึ่งทำจากข้าวซ้อมมือ จึงเป็นอาหารที่ได้ประโยชน์เต็มที่ ผสมกับนํ้ายาซึ่งมีเนื้อปลาล้วนๆ ได้โปรตีน และยังตามด้วยผักสดๆ คือ ยอดกระถินและฝักกระถินอ่อนเข้าด้วย อาหารมื้อนั้นหรือตลอดวันนั้นแซบหลาย และได้ประโยชน์ครบถ้วน

ที่ทำให้ท้องไส้สบายดี เหลือหลายอีกอย่างก็คือ กระชาย ชาวบ้านคงจะไม่ค่อยรู้เรื่องกระชายเป็นยา มากเท่าใดนักหรอก แต่เขาก็คงจะจำกันได้มาแต่ปู่ย่าตายายแล้วว่า กินกระชายแล้วทำให้รู้สึกแข็งแรง หัวใจเต้นดีตามปรกติ มิหนำซํ้าปัสสาวะก็จะคล่องสดใสเป็นพิเศษ ข้อนี้กระมังที่ทำให้บางคนเหมาเอาว่า กระชายเป็นยาบำรุงทางเพศ นอกไปจากนั้นกระชายยังช่วยแก้โรคท้องได้อีก ปวดมวน ท้องขึ้น ท้องเดินก็แก้ได้

นํ้ายาหม้อนั้นซึ่งมีเครื่องแกงนี้พริกนำหน้า ผสมด้วยกระชายจึงกลายเป็นยา และอาหารอร่อยโดยไม่รู้ตัว

ที่เรา (สมัยก่อน) กินกันเป็นประจำและเป็นประเพณี ก็เพราะมันเข้ากับบรรยากาศ เข้ากับวิถีชีวิตเรียบง่าย และก็เป็นยาและอาหารอร่อยด้วย

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะความเป็นไปซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาตินั่นเอง.

สาทิส อินทรกำแหง

[กลับไปสารบัญชีวจิต]   [BACK TO LISTS - FOODS]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1