มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2541]

จิตวิเคราะห์เรื่องพฤติกรรมทางเพศของ บิลล์ คลินตัน

โดย ดร.วิลลภ ปิยะมโนธรรม


เรื่องสัมพันธ์สวาทอื้อฉาวระดับโลกของประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา กับนางสาวโมนิกา ลูวินสกี้ อดีตเจ้าหน้าที่ฝึกหัดประจำทำเนียบขาว กำลังเป็นที่กล่าวขวัญ กันอย่างสนุกปากไปทั่วโลกเวลานี้

จากรายงานของนายเคเนธ สตาร์ อัยการอิสระผู้ทำหน้าที่สอบสวนความผิดของ ประธานาธิบดี คลินตัน ทำให้ประชาคมโลกได้รู้เรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เกือบจะทุกซอกทุกมุม ตามกฎแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนของโลกยุคปัจจุบัน

เรื่องพฤติกรรมทางเพศของประธานาธิบดีคลินตัน เป็นหนึ่งในหัวข้อที่สังคมให้ความ สนใจกันอย่างมาก "ผู้จัดการรายวัน" สรุปพฤติกรรมทางเพศเด่น ๆ ของประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกาไว้ 3 ประเด็น ได้แก่

  1. เรื่องเส้นแบ่งระหว่าง "เพศสัมพันธ์" กับ "เพศสัมผัส"
    ในความคิดของประธานาธิบดี คลินตัน
  2. การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ยอมหลั่งของประธานาธิบดีคลินตัน
  3. การใช้ซิการ์ประกอบกิจกรรมทางเพศถือว่า
    ประธานาธิบดีคลินตัน มีความวิปริตทางเพศหรือไม่

โดย ดร.วิลลภ ปิยะมโนธรรม
เส้นแบ่งระหว่าง "เพศสัมพันธ์" กับ "เพศสัมผัส"
ในความคิดของประธานาธิบดีคลินตัน
คลินตันปฏิเสธว่าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ แต่มี เพศสัมผัส ดังนั้นเขาจึงถือว่า ตัวเองไม่ได้พูดโกหก เส้นแบ่งระหว่างเพศสัมพันธ์ กับเพศสัมผัสนี้ อธิบายได้อย่างไร

จริง ๆ แล้วในสังคมต่าง ๆ โดยเฉพาะในเมืองไทย ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายก็ต่อเมื่อ อวัยวะเพศชาย สอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้หญิง คิดกันเช่นนี้ มาตั้งแต่ไหนก็ไม่รู้ จะเป็นจิตใต้สำนึก หรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ จะถือว่าเสียหาย ก็ต่อเมื่อผู้ชายเอาอวัยวะเพศ สอดใส่เข้าไปข้างใน ถ้าผู้ชายไปออรัลเซ็กซ์ให้ หรือผู้หญิงไปออรัลเซ็กซ์ให้ กลับถือว่า ไม่เป็นการเสียตัว หรือเสียหาย กฎหมายก็ไม่ระบุว่าเสียหาย แค่อนาจาร คือการถูกเนื้อ ต้องตัวภายนอก จะไม่ถือว่าข่มขืน คือต้องสอดใส่เข้าไป สอดใส่ก็มีสองอย่างคือ สอดใส่ ทางอวัยวะเพศ หรือทางทวารหนัก ถ้าไม่สอดใส่ ยังไม่ถือว่า เป็นเรื่องของเพศสัมพันธ์ คือต้องเข้าไปข้างในเลย

การกอดจูบเรียกว่าการเล้าโลม หรือออรัลเซ็กซ์ เป็นแค่การเล้าโลม ไม่ใช่การร่วมเพศ ภาษาไทย แปลตรงตัวเลยว่าเป็น "เพศสัมผัส" แสดงว่าคลินตันไม่ได้โกหก

ก็ถือกันอย่างนั้น ที่ชาวบ้านเข้าใจกัน การร่วมเพศก็ต่อเมื่อต้องสอดใส่ ไม่ได้ร่วมเพศก็คือ ไม่ได้สอดใส่ แต่ผู้หญิงบางคน ก็ยึดว่า การแตะเนื้อต้องตัวก็คือเสียตัวไปแล้ว

ผมอยากจะกลับไปพูดถึงว่า เรื่องประเภทนี้ ผู้หญิงหรือผู้ชายได้เปรียบกว่ากันแน่ ใครเป็นฝ่าย ได้เปรียบ เสียเปรียบ ชาวบ้านทั่วไปจะมองว่ าผู้ชายเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่จริง ๆ แล้ว ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่มีการศึกษา หรือตำแหน่งสูง หรือไม่เป็นที่รู้จัก ขอได้มีโอกาส กระทำทางเพศ กับผู้ชายที่โด่งดัง ก็กลายเป็นคนสำคัญขึ้นมา ผู้ชายไม่ว่าฉลาดแค่ไหน ก็อาจจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำได้ คือต้องการอธิบายว่า ทั่ว ๆ ไปนั้น ในบางกรณี คนยังเข้าใจผิด เราต้องดูเป็นกรณีๆไปว่า จริง ๆ แล้วผู้ชายได้เปรียบหรือเปล่า

เคยมีกรณีเด็กนักเรียนในมหาวิทยาลัยเวลาสอบไม่ดี ก็มาอ้อนอาจารย์ผู้ชาย เพื่อจะได้ เกรดดี ๆ คือให้อาจารย์ได้โอบได้กอด หรือได้มีเพศสัมพันธ์ ตรงกันข้าม ถ้านักเรียนผู้ชาย ทำข้อสอบไม่ดี ลองไปอ้อนอาจารย์ผู้หญิง อย่างนี้ ก็โดนตบซินะ ตรงนี้กลับมามองดูว่า ใครได้เปรียบกว่ากันแน่ คือถ้าผู้หญิงรู้จุดอ่อนตรงนี้ ก็สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ ในจุดนี้ได้



การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ยอมหลั่งของประธานาธิบดีคลินตัน
ตามข่าวระบุว่าคลินตันและลูวินสกี้มีกิจกรรมทางเพศกลายครั้ง แต่ครั้งแรก ๆ คลินตัน ไม่ยอมหลั่ง จนครั้งล่าสุดเมื่อถูกลูวินสกี้ร้องขอ จึงยอมเสร็จกิจด้วยการหลั่ง ในแง่จิตวิทยาวิเคราะห์อย่างไร

การไม่ยอมหลั่งในกรณีของคลินตัน ถ้าพูดอย่างเป็นกลาง มองอย่างนักวิชาการ ก็ต้องยอมรับว่า แข็งแกร่งมาก คืออายุกว่า 50 ปี เข้าไปแล้ว ตอนนั้นผู้หญิงอายุแค่ 20 เศษ ๆ เข้ามาขอ เข้ามาโอบ เข้ามากอด เข้ามาจูบ เข้ามาทำทุกอย่าง พูดง่าย ๆ ขอทำหน่อย ๆ ๆ ยังทนได้ ขนาดนั้น ขนาดยอมให้ทำ ยังไม่ยอมหลั่ง คือจิตใต้สำนึก เขาก็รู้ว่ามันไม่ถูกต้อง มันไม่ดี เรียกว่าคงต้องถูกรุกเร้ามาก่อนหน้านั้น ใครมันจะทนได้

ถ้าเรามองผู้ชายทั่วไป ถ้าหากมีผู้หญิงคนหนึ่งที่น่ารัก ยังสวย ๆ สาว ๆ เข้ามา พูดง่าย ๆ คือมาขอกอดหน่อยขอจูบหน่อย ขอทำออรัลเซ็กซ์ให้ อาจจะไม่ต้องขอนะ คือ ก้มลงทำไปเลย ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็คือต้องยอมปล่อย คือเป็นแง่จิตวิทยา ผู้หญิงที่รู้จุดอ่อนตรงนี้ ก็จะรุกไปที่อวัยวะเพศของผู้ชาย คนไหนจะทนไหว

วิเคราะห์จากพฤติกรรมตรงนี้นั้น ผมว่าคลินตันเก่งมาก ที่ว่ากลั้นไว้ได้หลายครั้ง จนสุดท้ายผู้หญิงต้องอ้อนวอนว่าขอเถอะ ๆ จังหวะนั้นแบบว่า ทนได้หลายครั้ง แล้วยอมให้ออกครั้งสุดท้ายนี้ ก็ถือว่าเก่งมาก คือถ้าเป็นคนอื่น ผมว่าก็ต้องลงร่วมเพศแล้ว คือเปิดโอกาสให้ทุกอย่างหมดแล้ว แต่คลินตันยังมีความอดทนมาก ไม่ยอมร่วม ถ้าเรามองแง่เดียว ก็อาจจะหาว่าคลินตันเลว ทำตัวไม่เหมาะสม แต่ถ้าเราเอาตัวเราเข้าไปเปรียบ จะเห็นว่าเขาเหนือกว่าผู้ชายทั่ว ๆ ไป

ผู้ชายอย่างคลินตัน วิเคราะห์ว่าเซ็กซ์จัดไหม
ในจิตวิเคราะห์นั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าใครคนไหนที่มีความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะทะเยอทะยานในตำแหน่งสูง ๆ ทางการเมืองหรือใน ทางสังคม เรียกว่าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง เป็นคนที่อยากดัง จะเป็นคนมีอารมณ์ทางเพศสูง คือคนอารมณ์ทางเพศสูงนี่ มันจะมีแรงผลักดัน ให้มีความทะเยอทะยาน ให้ไปถึงตำแหน่งสูง ๆ พูดง่าย ๆ คนอารมณ์เพศน้อย จะไม่ค่อยรู้สึกอยากใหญ่โต หรืออยากทำอะไรมากเกินเหตุ คนที่มีความอดทน เป็นคนเก่ง มีความขยัน มักจะเป็นคนมีอารมณ์ทางเพศสูงทั้งนั้น

เกี่ยวกับฮอร์โมนด้วยหรือเปล่า
เกี่ยวกับฮอร์โมนด้วย เกี่ยวกับอารมณ์ด้วย เราดูไปได้ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกา ในเมืองไทยนี้ก็ด้วย โดยเฉพาะสองกลุ่ม คือนักการเมืองกับดารา จะเห็นชัดมาก เพราะฉะนั้นไม่ใช่คลินตันคนเดียว ถ้าเราดูนักการเมืองที่ตำแหน่งสูง ๆ ส่วนใหญ่พวกนี้ มักจะมีอารมณ์เพศสูง แต่ทั้งนี้ยกเว้นนักการเมืองตำแหน่งสูง ๆ ที่ไม่ได้มาจากความทะเยอ ทะยานของตัวเอง อย่างเช่นพล.อ.เปรม หรืออย่างท่านคนไหนที่เขาเชิญมาเอง โดยไม่ได้ลงเลือกตั้งนี่หรืออย่างทำตัวปกติ ไม่อยากดัง แต่มันดังขึ้นมาเอง อย่างดร.สาทิส ชีวจิต ท่านดังขึ้นมาเอง ไม่ใช่เพราะทำตัวอยากดัง ไม่ใช่ทะเยอทะยานสูง สังคมเป็นคนผลักดันขึ้นมา อันนี้ยกเว้น



การใช้ซิการ์ประกอบกิจกรรมทางเพศถือว่า
ประธานาธิบดีคลินตันมีความวิปริตทางเพศหรือไม่
คลินตันมีการใช้ซิการ์ร่วมประกอบกิจกรรมทางเพศ
ถือว่ามีความวิปริตทางเพศหรือเปล่า

ถ้ามองคนที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ ถือว่าพวกวิปริต เป็นพวกที่ชอบใช้สิ่งของ ประกอบกิจกรรม
ทางเพศ แต่ต้องมองว่า sehtishim คือ คนที่ชอบเอาวัตถุสิ่งของ มาสอดใส่กับตัวเอง คือ
ลูวินสกี้ต่างหาก ดังนั้นถือเป็นความผิดปกติของลูวินสกี้ ไม่ใช่คลินตัน ถ้าคลินตันชอบเอา
กางเกงใน เสื้อใน ของผู้หญิงมาดม แล้วมีความสุขทางเพศ อันนั้นจึงถือว่าคลินตัน วิปริตทางเพศ ในกรณีนี้ มองไปลึกกว่านั้น คือเป็นการร้องขอจากลูวินสกี้ คือคลินตัน คงพยายามจะยับยั้ง ไม่ยอมร่วม ลูวินสกี้คงทนไม่ไหว จึงร้องขอให้ใช้ซิการ์แทน เพราะฉะนั้น อาจจะไม่ถือว่าผิดปกติ ไม่วิปริต แต่เป็นการใช้สิ่งของแทน เพราะคลินตันไม่ยอมจะมีสัมพันธ์ด้วย

ผมมองตั้งแต่ต้นว่า ผู้หญิงคนนี้ (โมนิกา ลูวินสกี้) มองได้ว่า ไม่ได้เสียเปรียบ เป็นคนได้เปรียบ มองเห็นจุดอ่อนในเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า บางครั้งผู้ชายที่ไม่ระวังตัว โดยเฉพาะพวกนักการเมือง ที่มีตำแหน่งสูง คิดว่ายอมให้จูบให้กอดอย่างเดียว มันก็อาจเลยเถิดไปที่ละนิด ในสังคมไทยต้องระวัง โดยเฉพาะนักการเมืองใหญ่ ๆ กับเลขาฯ นี้ก็ต้องระวัง มีโอกาสได้ที่จะเจอเหมือนคลินตัน



วัฒนธรรมว่าด้วยซิการ์
"ซิการ์ปกตินั้นเขาใช้สูบกันไม่ได้เอาไว้สำหรับทำอย่างอื่น"
"นนทิวัฒน์ ประภานนท์" GM ของบริษัทสยามฮาวาน่า บริษัทนำเข้าซิการ์ ที่ใหญ่ที่สุด ของเมืองไทยตอนนี้ ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงกรณีมีข่าวว่าประธานาธิบดีคลินตัน ได้ใช้ซิการ์ เป็นอุปกรณ์ในการประกอบกิจกรรมทางเพศกับนางสาวโมนิกา ลูวินสกี้

เล่าถึงวัฒนธรรมการสูบซิการ์ให้ฟังหน่อย
ซิการ์ปกตินั้น เขาใช้สูบกันไม่ได้เอาไว้สำหรับทำอย่างอื่น ซิการ์มวนหนึ่ง มีองค์ประกอบ ด้วยกัน 3 ส่วน

  • ส่วนข้างในที่เรียกว่า Filler ส่วนนี้สำคัญที่สุด รสชาติของซิการ์นั้นมาจากตรงนี้
  • ส่วนชั้นกลาง หรือที่เรียกว่า binder เป็นตัวยึดไส้ในเอาไว้
  • ส่วนชั้นนอกนั้น เรียกว่าเปลือก หรือ Wrapper เป็นตัวห่อหุ้มชั้นนอก
ส่วนการสูบซิการ์นั้น ก็เป็นเรื่องรสนิยม ของแต่ละคน ว่าชอบสไตล์ไหน ซิการ์มีหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นขนาด หรือรสชาติ ของซิการ์เอง ซิการ์ที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกคือซิการ์ของคิวบา

คลินตัน สูบซิการ์ชนิดใด พอจะทราบไหม
ไม่ทราบเหมือนกัน แต่คาดว่าไม่น่าจะเป็นของคิวบา เนื่องจากมี กฎหมายที่ห้ามซิการ์คิวบา ขายในอเมริกา แต่คนอเมริกันก็ยอมรับว่า ซิการ์ของควิบาดีที่สุดในโลก ซูเปอร์สตาร์ดังๆ ที่เป็นคนอเมิกัน ที่สูบซิการ์นั้น สูบของคิวบาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นดาราดังอย่าง อาร์โนล ชวาสเนกเกอร์ หรือนักบาสเกตบอลชื่อดัง อย่างไมเคิล จอร์แดน ผู้หลงใหลในรสชาติ ของซิการ์ ก็สูบซิการ์คิวบา โดยไปซื้อ มาจากนอกประเทศ ส่วนคลินตัน ในฐานะ ประธานาธิบดี คงไม่กล้าสูบ เพราะผิดกฎหมาย คงจะสูบ ระดับรอง ๆ ลงมา อาจจะเป็น ของโดมินิกัน ฮอนดูรัส นิคารากัว หรือไม่ก็ของอเมริกาเอง ที่ปลูกที่รัฐ คอนเน็คติกัต ก็เป็นได้

ในฐานะเป็นคนที่ชื่นชอบ ในซิการ์ รู้สึกอย่างไร ที่ประธานาธิบดีคลินตัน นำเอาซิการ์ ไปประกอบกิจกรรมทางเพศ
ผมคิดว่าสไตล์การสูบซิการ์ของแต่ละคน มีความแตกต่างกันไป บางคนก็ชอบรสชาติเข้มข้น รุนแรง บางคนก็ชอบนุ่ม ๆ อ่อน ๆ และบางคนก็ชอบสไตล์ robusto (ขนาดใหญ่ ๆ อ้วน ๆ ) บางคนก็ชอบ corona (ขนาดกลาง) ดังนั้น การที่คลินตัน เอาซิการ์ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจาการสูบแล้ว มันก็เป็นสิทธิ เป็นสไตล์ของเขา


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1