อยากสวย หน้าใส รักษาได้ด้วยตัวเราเอง
ดูเคล็บลับนี้ไว้ แล้วตัดสินใจด้วยตนเอง
เรื่องการปรับสภาพผิวหน้าให้เนียนใสด้วยวิธีไอออนโตนี้ ดูจะเป็นเรื่องฮิตติดลมบนเป็นที่สนอกสนใจของสาวๆ ทั้งหลาย จนถึงขั้นที่ไม่เล่าให้ฟังคงจะไม่ได้แล้ว
การปรับสภาพผิวด้วยวิธี Iontophoresis หรือที่เรียกย่อๆ ว่า
ไอออนโต ที่กำลังฮือฮาว่าเป็นของใหม่ในขณะนี้นั้น
แท้ที่จริงแล้วเริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่ ค.ศ.1747 คือ นับได้ 253 ปีแล้ว
คำว่า Iontophoresis มาจากภาษากรีก แปลว่า การนำเอาประจุไฟฟ้าเข้าไป
นำมาใช้ทางการแพทย์ เพื่อทำให้ยาซึมผ่านผิวหนังลงไปได้มากขึ้น
ที่นิยมนำมาใช้มากที่สุดได้แก่ การใช้รักษาโรคเหงื่อออกมากผิดปกติ จึงเริ่มมีการใช้ไอออนโตมารักษาตั้งแต่ ค.ศ.1936-1948
โดยใช้เครื่องมือไอออนโต และสารเคมีเป็นแค่น้ำประปาธรรมดา นอกจากนั้นก็มีการใช้สารเคมีต่างๆ มาใช้กับเทคนิคนี้
เพื่อรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น ใช้เมลาดินีนรักษาโรคด่างขาว,
ใช้ยาชาลิโดเคน เพื่อทำให้เกิดการชาเฉพาะที่ของผิวหนัง, ใช้โซเดียมซาลิไซเลทในการรักษาหูดที่ฝ่าเท้า, ใช้ซิงค์ออกไซด์
ในการรักษาแผลที่ผิวหนัง จนมาถึง ใช้กรดวิตามินเอและเอสโตรเจน ในการรักษาแผลเป็นจากสิว
สำหรับการนำไอออนโตมารักษาฝ้านั้น
อดีตนักวิจัยสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสำหรับอเมริกา กล่าวว่า
เมื่อ ค.ศ.1993 มีงานวิจัยของคณะแพทย์ญี่ปุ่นตีพิมพ์
ในวารสารการแพทย์ชื่อ "Skin Surgery" ว่าใช้ Iontophoresis
ของวิตามินซีมารักษาฝ้า และรอยดำจากการเกิดผื่นแพ้สัมผัส สามารถทำให้รอยดำเหล่านี้จางลงได้บ้าง
วิธีไอออนโตนั้น จัดเป็นเพียงเทคนิคเสริมในการรักษาฝ้า
และผู้ป่วยก็จะต้องเข้าใจว่า ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดๆ
ที่จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ
ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าไม่ว่าจะเป็น แสงแดด, ความร้อน
และต้องคำนึงถึงเวลาและค่าใช้จ่ายด้วย เนื่องจากเทคนิคไอออนโต
เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ จึงไม่แนะนำให้ไปรับบริการ
จากสถานเสริมความงาม เพราะนอกจากจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้ผล ยังมักมีราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผลด้วย บางแห่งคิดค่าทำไอออนโต
ครั้งละหลายพันถึงหมื่นบาท ทั้งๆ ที่ราคาควรอยู่ประมาณ
ครั้งละ 500-1,000 บาท
นอกจากนั้นผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาตัวที่จะนำมาทำไอออนโต ผู้ที่มีบาดแผลที่ผิวหนัง หรือผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะทำ และผู้ที่มีประวัติโรคลมชัก
ไม่สมควรทำไอออนโต นอกจากนั้นการมีสุขภาพผิวที่ดียังมีปัจจัยหลังคือ การหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด การงดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดอง
ของเมาเสพย์ยาเสพติด รับประทานอาหารให้ครบหมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
นพ.ประวิตร พิศาลบุตร
|