มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอกโดยได้รับอนุญาต จากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 22 ฉบับที่ 8 สิงหาคม 2541]

เมื่อลูกน้อยมีผื่น

พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ


"ลูก" คือ แก้วตา แก้วใจ สุดสวาทของพ่อแม่ ยามที่ลูกน้อยเจ็บไข้ได้ป่วย บุคคลที่เป็นทุกข์ใจมากที่สุด ก็คือ พ่อแม่นั่นเอง ถ้าลูกน้อยมีปัญหาทางผิวหนังเกิดขึ้นมา เป็นผื่นคัน ลุกลามใหญ่โต ทายาอย่างไรก็ไม่หายหรือมีปัญหาเกิดเป็นด่างเป็นดวงขึ้นมา ก็พลอยทำให้กังวลใจ คิดมากว่าจะเป็นโรคด่างขาวหรือไม่ บางคนลูกยังเป็นเด็กทารก ยังแบเบาะอยู่เลย สู้อุตส่าห์ดูแล ฟูมฟักเลี้ยงดูทะนุถนอมเป็นอย่างดี มดไม่ให้ไต่ เชื้อโรคไม่ให้ตอม พอได้เวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม อ้าว ! เหตุไฉน ลูกฉันถึงมีผื่นแดง ที่ซอกขาหนีบกับก้นได้ ต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสารพันปัญหาของลูกสุดที่รัก ของท่านทั้งหลาย แต่ท่านไม่ต้องกังวลใจ มีหนทางแก้ไขได้ เราน่าจะลองมาทำความรู้จัก กับผื่น ผิวหนังอักเสบพุพอง ผื่นผ้าอ้อมและกลากน้ำนม กันดีกว่านะคะ ถ้าสงสัยอย่างไร หรือไม่แน่ใจ ก็ควรจะพาบุตรหลานของท่านมาปรึกษาแพทย์ เพื่อความสบายใจ ไร้กังวล

โรคผิวหนังอักเสบตุ่มพุพอง ติดเชื้อแบคทีเรีย (Impettigo)
เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดพบบ่อยที่สุดคือ เบต้า ฮีโมไลติค สเตรปโตคอคคัส (group A, B-hemolytic streptococcus) รองลงมาคือ เชื้อสแตปไฟโลคอคคัส ออเรียส (staphylococcus aureus) ซึ่งเชื้อโรค 2 ชนิดนี้ จะก่อความวุ่นวายให้กับหนูน้อยดังนี้

ลักษณะผื่น
ระยะแรก จะมีผื่นสีแดง ต่อมาลุกลามกลายเป็นตุ่มน้ำพองออก จากนั้นกลายเป็นตุ่มหนอง บางครั้งตุ่มหนองนี้อาจมีขนาดใหญ่เห็นได้อย่างชัดเจนมาก
ระยะต่อมา ตุ่มน้ำและตุ่มหนอง นี้ จะแตกออก และจะมีสะเก็ดเหลืองกรังคลุมอยู่ด้านบน (golden-yellow crust) ต่อมาเมื่อสะเก็ดหลุดลอกออกอาจทิ้งร่องรอยสีดำคล้ำขึ้นได้ ทำให้ผิวหนังสีไม่เสมอกัน
ใครเป็นกันบ้าง
ส่วนใหญ่เป็นกันในวัยเด็กเล็กถึงวัยเรียน ตั้งแต่อายุ 2-12 ขวบ พบทั้งในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แต่ไม่พบในผู้ใหญ่
ตำแหน่งที่พบ
ส่วนใหญ่มักพบที่แขน ขา ใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่มือของเด็กเกาได้ถึง
อาการที่พบ
ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคัน ทำให้เด็กต้องเกาบ่อย ซึ่งการเกา การแกะนี้จะทำให้เชื้อโรค ลุกลามไปติดบริเวณใหม่ที่เกาไว้ ทำให้ลุกลามไปได้ทั่วบริเวณใบหน้า แขน ขา
ข้อควรระวัง
จริง ๆ แล้วโรคนี้ไม่น่ากลัวอะไรมาก เพียงแต่สร้างความรำคาญใจให้กับพ่อแม่ และตัวหนูน้อย แต่ปัญหาที่สำคัญคือ โรคนี้อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้คือ โรคไตอักเสบเฉียบพลัน (acute glomeru lonephritis) แต่พบไม่บ่อย เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งตกใจมากนะคะ
การรักษาและการป้องกัน
  1. ควรตัดเล็บเด็กให้สั้น จะได้ลดการเกา แกะ ลงได้บ้าง
  2. ยากินกลุ่มยาปฏิชีวนะ ชนิดฆ่าเชื้อแบคทีเรียนี้ได เช่น คล็อกซาซิลิน แอมพิซิลิน เพนนิซิลิน ฯลฯ
  3. ยากินกลุ่มแอนติฮิสตามีน ใช้กินเพื่อระงับอาการคัน เด็กจะได้ไม่เกา ป้องกันการลุกลามไปส่วนอื่นของร่างกาย เช่น คลอเฟนนิรามีน ฯลฯ
  4. ยาทาปฏิชีวนะ ใช้ทาผื่น แผลพุพอง เช่น การามัยซิน ฟูซิดิน แบคโทรแบน ฯลฯ

ผื่นผ้าอ้อม (Diaper dermatitis)
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก เกือบ ๆ จะเป็นของคู่กันกับเด็กทารก
สาเหตุของผื่นผ้าอ้อม สาเหตุมักเกิดจากผิวหนังของเด็กทารกซึ่งบอบบางมาก สัมผัสอยู่กับปัสสาวะอุจจาระ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเป็นผื่นแพ้ขึ้นมา
ตำแหน่งที่พบ
มักจะพบบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม บริเวณขาหนีบ ก้น ต้นขา
ลักษณะผื่น
เป็นผื่นสีแดงชัดเจน ลามออกมา ไม่มีตุ่มหนองหรือสะเก็ดลอก
ข้อสังเกต
จะพบเด็กทารกมักจะร้องให้กวนบ่อยกว่าปกติ ร้องกระจองอแง ทั้งนี้เป็นเพราะไม่ค่อยสบายตัว ไม่สบายก้นนั่นเอง เนื่องจากมีผื่นแดงระคายเคืองอยู่
ปัญหาแทรกซ้อน
ถ้าเด็กทารกเป็นผื่นมานานมากกว่า 72 ชั่วโมง อาจจะพบเชื้อยีสต์แคนดิดา (Candida albicans) ร่วมด้วย
ข้อแนะนำ
ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ และทาแป้งเด็กทำให้ผิวหนังบริเวณนี้แห้งไม่อับชื้น
การรักษา
ควรพามาพบปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าเป็นผื่นแพ้ผ้าอ้อมจริง แพทย์จะให้ใช้ยาทากลุ่ม สเตียรอยด์อย่างอ่อนทา ผื่นแดงจะลดลง แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม ผื่นนี้เกิดจากเชื้อยีสต์แคนดิดา ถ้าใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ผื่นจะยิ่งลุกลามเป็นมากขึ้นกว่าเดิม จึงควรจะให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยดู จะดีกว่า ซื้อยามาทาเองนะคะ

โรคกลากน้ำนม (Pityriasis alba)
โรคนี้ชื่อว่า "กลากน้ำนม" แต่ความจริงไม่ใช่โรคกลากเกลื้อนที่เกิดจากเชื้อราใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่เกี่ยวกับน้ำนมหรือกินนมหก เลอะเทอะเรี่ยราดแต่อย่างใด โรคนี้เป็นภาวะที่ผิวหนัง ค่อนข้างจะไวต่อสายลม และแสงแดดและไม่เหมาะสมกับการว่ายน้ำ
ลักษณะผื่น
ลักษณะเป็นวงด่างขาว ขอบเขตไม่ชัดเจน อาจพบขุยลอกได้บ้างเล็กน้อย
ตำแหน่งที่พบ
ส่วนใหญ่พบที่บริเวณใบหน้า
ใครกันบ้างที่เป็นกลากน้ำนม
ส่วนใหญ่มักจะพบในวัยเด็ก ตั้งแต่อายุประมาณ 6-14 ปี พบทั้งในเด็กหญิงและเด็กชาย ในผู้ใหญ่พบได้บ้าง แต่น้อยกว่าในวัยเด็ก
อาการ
ไม่ค่อยมีอาการใด อาจคันได้บ้างแต่น้อย นอกจากนี้ โรคกลากน้ำนม ยังมักพบร่วมกับ โรคภูมิแพ้ผื่นคันในเด็ก (Atopic dermatitis) ได้บ่อยมาก
ข้อแนะนำ
  1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด อย่าให้บุตรหลานของท่านตากแดดตากลมมากนัก
  2. การว่ายน้ำ มีส่วนทำให้กลากน้ำนม เป็นวงด่างขาวชัดเจน ลามมากขึ้นได้แต่ในวัย เด็ก คงจะต้องชอบว่ายน้ำอยู่แล้ว ก็อาจจะให้ว่ายน้ำช่วงเวลาเย็น ๆ หรือตอนเช้า ซึ่งแดดไม่จัดมาก

วิธีการรักษา
  1. ยาทากันแดด ในกรณีที่ต้องตากแดดมาก แพทย์อาจจะให้ยาทากันแดดช่วยป้อง กัน ไม่ให้กลากน้ำนมลุกลามมากขึ้น
  2. ยาทากลุ่มสเตียรอยด์อย่างอ่อนสุด และยาทากลุ่มครีมเบสต่าง ๆ
  3. บางคนอาจหายเองได้ ถ้าหลีกเลี่ยงปัจจัยดังกล่าวข้างต้น

พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1