มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
[ คัดลอก จากนิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 21 ฉบับที่ 318 สิงหาคม 2541 ]
กรน อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
พ.ญ.ลำดวน นำศิริกุล
ในปัจจุบันเราพบว่า การกรนเกิดจากการที่อากาศเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง จากการมีกล้ามเนื้อทางเดินหายใจที่หย่อนยานเกินไป โดยทั่วไปมักพบบริเวณลิ้นไก่ เพดานอ่อนและบริเวณต่อมทอนซิล
เสียงกรน ในขณะที่นอนจะมีเสียงดังคร็อกฟี้ เสียงแรก (คร็อก) เป็นเรื่องที่เป็นปัญหา ที่เราสนใจทางการแพทย์ เนื่องจากเสียงคร็อกนี้เอง ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ที่หย่อน ขวางทางเดินหายใจ ส่วนเสียงฟี้ เป็นเสียงลมหายใจออกมา ซึ่งไม่มีความสำคัญ ทางการแพทย์มากนัก การกรนพบได้ประมาณ 1 ใน 10 ของประชากรทั่วไป แต่ในผู้สูงอายุ มากกว่า 60 ปี พบว่าอาจนอนกรนได้ถึงร้อยละ 50 พบ อาการกรนในผู้ชายมากกว่าในผู้หญิง เนื่องจากในผู้สูงอายุ และคนอ้วน จะมีเนื้อเยื่ออ่อนที่นุ่มหย่อนกว่าคนหนุ่มสาว ส่วนในผู้ชาย ที่มีการกรนมากกว่าผู้หญิงนั้น สันนิษฐานว่า เกิดความแตกต่างของระดับฮอร์โมนเพศ เนื่องจากพบว่า ผู้ป่วยที่กรนสามารถบรรเทาได้ โดยการให้ยาในกลุ่มโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนของเพศหญิง
ปัญหาที่เกิดจากการกรน
ผลของการกรนนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการตีบตันของทางเดินหายใจ ถ้าขนาดของ ทางเดินหายใจลดลงไม่มาก การกรนก็จะน้อย แต่ถ้าแคบมาก การกรนก็มาก ผลตามมา ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว การกรนจะทำให้เกิดผลกระทบ 2 ด้าน คือ
ปัญหาทางสังคม มีตั้งแต่รบกวนผู้อื่น คนข้างเคียงที่นอนด้วย ความสัมพันธ์ระหว่าบุคคล แย่ลง เกิดการหย่าร้างของสามีภรรยา
ปัญหาทางการแพทย์ เกิดภาวะการหยุดหายใจจากการอุดตันขณะนอนหลับ โรคความดัน โลหิตสูง โรคหัวใจ อาการง่วงในช่วงกลางวัน การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
ถ้าตัวเราหรือญาติพี่น้องของเรากรนมากกว่าปกติ เราควรค้นหาว่าการกรนนั้น มีปัญหาต่อผู้ป่วย หรือไม่ โดยมีหลักดังนี้
- ถามประวัติการเจ็บป่วย ตลอดจนถึงการใช้การบันทึกเสียงกรน
- ตรวจหู คอ จมูก เนื่องจากปัญหาการกรนและการหยุดหายใจขณะนอนหลับจะเป็น
ปัญหาของทางเดินหายส่วนบน ซึ่งสามารถตรวจหาพยาธิสภาพโดยง่าย โดยแพทย์หู คอ จมูก การตรวจที่สำคัญได้แก่
- ตรวจหาทางเดินหายใจและทางเดินอาหารส่วนบน ตรวจดูจมูกเพื่อค้นหาความผิด
ปกติต่าง ๆ เช่น การคดงอของแผ่นกั้นโพรงจมูก ริดสีดวงจมูก การบวมพองของเยื่อบุจมูก เนื้องอก การอักเสบของจมูก และไซนัส ตรวจดูเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิลทั้งหมด ผนังคอ ลิ้นกระดูกขากรรไกร และลำคอส่วนต้น ทั้งนี้เพื่อค้นหาว่ามีการหย่อนยาน ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ เนื้องอก หรือมีการตีบตันของช่องทางเดินหายใจ ในบริเวณนั้น ๆ หรือไม่ เพราะเป็นต้นเหตุของการนอนกรนได้
- ตรวจกล่องเสียง
- การตรวจด้วยกล้องเพื่อตรวจทางเดินหายใจส่วนบน โดยเฉพาะในรายที่ตรวจยาก
หรือต้องการตรวจที่ละเอียดพิเศษ ซึ่งอาจตรวจไม่พบจากการตรวจด้วย กระจกสะท้อนทั่วไป
- การตรวจพิเศษ ส่วนมากจะทำเพื่อการวินิจฉัยและการวางแผนการรักษาได้แก่
- การบันทึกเสียงขณะนอนหลับ
- Poly Somnoqraphy เพื่อตรวจหาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ ใช้ในการ วางแผน
การรักษา เป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหายใจในขณะนอนหลับ ข้อมูลที่เราจะได้จากการทำ
Poly Somnoqraphy คือ
- ดูคลื่นสมองเพื่อดูระดับความตื้นลึกของการหลับ
- ดูการเคลื่อนไหวของลูกตาขณะหลับเพื่อบันทึกการหลับ ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวลูกตาเร็ว (Rapid eye movement - REM)
- ดูการทำงานกล้ามเนื้อ เป็นข้อมูลของกล้ามเนื้อบริเวณคาง และทางเดินหายใจว่ามีการตึงตัวหรือหย่อนยานเท่าไร
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- การเคลื่อนไหวของทรวงอก ซึ่งจะบอกว่า ผู้ป่วยมีการใช้กำลัง และความพยายามในการหายใจ มากน้อยเพียงไรขณะที่มีการอุดตัน ของทางเดินหายใจ
- วัดลมหายใจทางจมูกและปาก
- วัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับ
- ท่านอน
- Multiple Sleep Latency test (MSLT) คือระยะเวลาที่บุคคลหนึ่งใช้ในการเริ่มนอน
จนถึงช่วงเวลาที่หลับสนิท โดยทั่วไป การทดสอบนี้มักทำในห้องปฏิบัติการ ค่าปกติ บุคคลทั่วไป มักใช้เวลาก่อนที่จะหลับสนิทไม่น้อยกว่า 6-15 นาที แต่ในผู้ป่วยที่มีปัญหาการหยุดหายใจจากการอุดตันขณะนอนหลับมักมีค่า MSLT น้อยกว่า 4 นาที ซึ่งอธิบายจากการที่ผู้ป่วยไม่เคยได้รับการพักผ่อน ที่แท้จริงในขณะที่นอนแต่ละครั้ง ทำให้ผู้ป่วยหลับง่ายและเร็วกว่าคนปกติ
- เอกซเรย์เพื่อดูขนาดของทางเดินหายใจ และความผิดปกติของตำแหน่งสำคัญต่างๆ
ภายในทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ลำคอส่วนบน ต่อมแอดดินอยด์ (ต่อมนี้มีผลต่อทางเดินหายใจ ถ้าต่อมนี้บวม จะทำให้หายใจขัด) ต่อมทอนซิล โคนลิ้น และลำคอส่วนล่าง
การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการกรนหรือการหยุดหายใจขณะนอนหลับ จะมีหลักกว้าง ๆ ดังนี้
- ลดปัจจัยต้นเหตุ
- ท่านอน ในขณะนอนตะแคงผู้ป่วยจะมีอาการน้อยกว่าท่านอนหงาย บางรายใช้ลูก
เทนนิสติดที่หลังชุดนอนเพื่อเตือนให้ตัวเองนอนตะแคง ก็สามารถช่วยได้พอสมควร แต่ค่อนข้างที่จะน่ารำคาญ
- ความอ้วน การลดความอ้วนทำให้เนื้อเยื่อทางเดินหายใจลดขนาดลง ระบบทางเดินหายใจก็จะกว้างขึ้น การกรนก็จะลดลง
- งดการดื่มแอลกอฮอร์และยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท เพราะยากล่อมประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อหย่อน
- โรคทัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ก็เป็นสาเหตุให้นอนกรนได้
- การรักษาทางยา ใช้ยากระตุ้นศูนย์การหายใจ หรือยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบการนอน การใช้ยาเหล่านี้จะต้องให้แพทย์ดูแลใกล้ชิด
- การรักษาโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจพิเศษ เพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจไม่แคบลงขณะหลับ เช่นเครื่อง CPAP หรือใช้ Tongue-relaiming device เพื่อช่วยไม่ให้ลิ้นตกไปด้านหลัง
- การรักษาโดยการผ่าตัด เพื่อรักษาผู้ป่วยนอนกรนและอุดกั้นทางเดินหายใจ มีจุดประสงค์เพื่อขยายเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น โดยการผ่าตัดส่วนที่ปิดกั้นทางเดินหายใจออกไป
การเลือกวิธีรักษาผู้ป่วยนอนกรน หรือSleep apnea syndtome (การหยุดหายใจขณะ
หลับ) นี้ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างตั้งแต่ความรุนแรงของโรค สาเหตุการเกิดโรค ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาผู้ป่วยต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ตามความเมาะสม
สรุป การกรนเกิดจากมีการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ ถ้ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจไม่มากก็ไม่มีผลต่อสุขภาพ แต่ถ้ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจมากอาจทำให้มีการหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ การนอนหลับนั้นจะไม่สนิททำให้มีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ ดังนั้นถ้าเราหรือญาติของเรามีอาการกรนดังมากผิดปกติ ควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดและหาหนทางรักษาต่อไป ถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสมผู้ป่วยจะมีการฟื้นตัวของร่างกายและสมรรถภาพในการทำงาน ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พ.ญ.ลำดวน นำศิริกุล
[ BACK TO LIST]
มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]
Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600