น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
เป็นเวรกรรมของชาวบ้านเรา หมดเรื่องน้ำผักปั่นซึ่งเป็นไฮไลท์ของสื่อชนิดต่างๆ ที่ช่วยกันกระพือข่าว จนโด่งดังไปทั่ว แต่เป็นข่าวด้านเดียวทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม คือเกิดความเชื่อผิด ๆ แล้วเกิดขบวนการหาประโยชน์จากความเชื่อนั้น ยิ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ มีการศึกษาสูง หรือเข้าใจจิตวิทยามวลชน ก็เกิดหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้องขึ้น เข้าลักษณะแชร์น้ำมันเข้าทุกที มีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อเข้าร่วมกิจกรรม ต้องเสียทั้งเงินทอง เสียเวลา และที่อันตรายคือ เสียโอกาสในการที่จะรักษาบำบัดโรคาพยาธิที่เบียดเบียนร่างกายอยู่ จริงอยู่ส่วนดีของของเหลวนั้น ซึ่งควรจะเรียกว่าอาหารชนิดหนึ่งย่อมมีแน่นอน ในทางสุขศึกษาแต่ไม่ได้มากมายดังโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งอะไรจะวิเศษปานนั้น เพียงเอาพืชผักและผลไม้มาปั่น แล้วจะรักษาโรคได้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ซึ่งไปคล้ายคลึงกับการโฆษณายา ต้องเรียกว่ายาเพราะ จัดจำหน่ายเป็นยารักษาโรคที่มีออกมากมาย แต่เป็นยาตัวเดียวกัน บ้างก็ออกมาเป็นรูปคนขี่ม้าบ้าง รูปตัวชื่อภาษาอังกฤษบ้าง โหมโฆษณาจนติดปากชาวบ้านว่ารักษาได้ตั้งแต่หูก็ดี โรคทางคอก็ดี ปากก็ดี ทุกส่วนของลำตัวไม่เว้นแม้ มดลูก ก็รักษาอาการอักเสบได้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ต้นทุนผลิตเม็ดหรือแค็ปซูลไม่กี่สตางค์ แต่ขายในตลาดเป็นบาท กำไรกี่ร้อยเท่า ซื้อหาได้ง่ายตามร้านขายยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทร้านขายของชำหรือแผงขายน้ำก็มีขาย
ชาวชนบทไทยบริโภคจนเด็กทารกฟันเหลืองเกือบทั้งประเทศ และไม่น้อยเสียชีวิตจากผลของยา เพราะยาตัวดังกล่าว ถ้าหมดอายุ แล้วจะมีผลต่อสมองมาก ยิ่งการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง เม็ดยาตากแดดตากลมอายุยิ่งสั้นเร็วขึ้น บริโภคเข้าไปก็จะเกิดผลต่อสมองเสียชีวิตได้ ต้องถือว่าเป็นวิกฤติทางการสาธารณสุขก็ว่าได้ บ่งสะท้อนว่าคนไทยเรายังขาดความยึดเหนี่ยว ทางความคิด ไม่รู้ว่าประเทศชาติเสียหายไปมากน้อยเพียงใด
กว่าที่หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรงจะเข้ามาดูแลชี้แจงก็ต่อเมื่อสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เชิญมาออกรายการคู่กับหมอที่มีประสบการณ์ทางเดียวกัน ถึงได้เห็นบุคลิกภาพสะท้อนออกมา ถึงความน่าเชื่อถือ เมื่อได้เห็นการโต้ตอบและบุคลิกภาพก็เกิดความเคลือบแคลงสงสัย จึงเกิดการตรวจสอบจนลงท้ายถึงกับแจ้งความถึงโรงถึงศาล ผลกระทบต่อสังคมในคราวนั้น มากพอสมควร ทางบวกก็มีพืชผักขายดีราคาแพงขึ้น บริษัทขายเครื่องไฟฟ้าก็ขายเครื่องปั่นอาหารได้เพิ่มขึ้นมากมายจนขาดสต็อก ทุกส่วนทุกฝ่ายได้หมดยกเว้นคนไข้ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ต้องเสียโอกาสในการรักษาโรค อย่างถูกต้องไป เพราะไปลุ่มหลงกับความเชื่อว่าเป็นทางเลือกในการรักษาโรคได้ด้วยน้ำดังกล่าว
คนไข้บ้างคนเสียโอกาส ไม่เพราะตัวเองแต่เพราะคนใกล้ชิดไปหลงเชื่อโฆษณาแล้วมาชักจูง บ้างก็บังคับให้คนไข้ทำตามที่ผู้ใกล้ชิดเชื่อหรือควรจะเรียกว่าหลงเชื่อ ในช่วงดังกล่าวมีผู้ป่วยไตวายและเสียชีวิตจากโรค โดยเฉพาะโรคทางระบบขับถ่ายของไต และโรคเบาหวาน และโรคทางระบบเผาผลาญผิดปกติเพิ่มขึ้น (แม้จะไม่มีตัวเลขแน่ชัด) จากการละเลยการรักษามาตรฐาน ได้ประสบกับตัวผู้เขียนเองที่หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วย โรคมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรีนั้น มีไม่น้อยที่ผู้ปวยต้องเสียโอกาสในการรักษาหายขาด จากโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกและรังไข่ บ้างหยุดการรักษาทั้งที่ยังไม่ได้ทันเริ่มต้น การรักษาจำเพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้มะเร็งปากมดลูก เพราะก่อนจะเข้าสู่ขบวนการ รักษาจำเพาะเช่นการฉายแสงต้องมีการตรวจพิเศษหลายขั้นตอนเพื่อวางแผนการรักษาได้ถูกต้อง ช่วงเวลาดังกล่าวคนไข้มะเร็งสภาพจิตจะเหมือนกับคนเรือแตกลอยคอเคว้งคว้างอยู่ในกลางทะเล เพียงเส้นฟางลอยผ่านมาก็เกาะยึดไว้ก่อน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นจุดอ่อนทางการแพทย์ ที่ไม่สามารถที่จะเข้าไปดูแลในส่วนดังกล่าวได้เต็มที่ ซึ่งทุกหน่วยงานที่ทำงานดังกล่าวนี้ ได้พยายามดำเนินการในจุดที่เกิดขึ้น
คลื่นลูกแรกผ่านไป คิดว่าสภาพสังคมโดยเฉพาะทางการสาธารณสุขจะสงบ เว้นได้ไม่กี่เดือน ก็มีน้อง"ทสึนามิ" คลื่นยักษ์พอสมควรทีเดียวก็โผล่มา แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้แปลกไปจากคราวก่อน ๆ ที่เป็นผักผลไม้ มาครั้งนี้เป็นธัญญพืช ที่กล่าวว่าเป็นคลื่นน้อง ๆ ทสึนามิ เพราะความฮือฮาทางสังคม มีมากและเป็นเรื่องน่าเชื่อถือ เนื่องจากผู้ที่ออกมาเผยแพร่มีความรู้สูง มีหน้าตาทางสังคม ที่สำคัญมีความปรารถนาดีและที่ทราบไม่มีประสงค์ทางธุรกิจ แต่เนื่องจากเนื้อหาของการปฏิบัตินั้นมากขั้นตอน และค่อนข้างยุ่งยากต่อการปฏิบัติ ทำให้มีการนำไปปฏิบัติเพียงบางส่วนไม่ครบองค์ กอปรกับมีผู้ฉวยโอกาสในทางการค้า ได้ออกผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในราคาที่แพงมากอย่างไม่น่าเชื่อ และเนื่องจากคนกลุ่มนี้ได้ประโยชน์ก็เลยช่วยโหมโฆษณาเผรแพร่ออกไป แต่เผยแพร่ไปเพียงส่วนที่จะมีผลต่อผลิตภัณฑ์ของตนเอง และการโฆษณาชวนเชื่อก็ขยายวงมีผลกระทบกว้างออกไปจนเรียกได้ทั่วประเทศ
เมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้เอง มีการประชุมระดับชาติเกี่ยวกับการควบคุมและรักษา โรคมะเร็งแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งปัจจุบันรัฐได้สนใจเข้ามาดูแลผลักดัน โครงการดังกล่าว เพราะจากสถิติการตายจากโรคมะเร็งมีตัวเลขสูงขึ้น ๆ ทุกปี ขณะนี้จะเป็นรองก็จาก การตายจากอุบัติเหตุ และโรคหลอดเลือดหัวใจเท่านั้น ในที่ประชุมก็ได้มีการกล่าวถึงผลกระทบถึงความเชื่อดังกล่าว ซึ่งมีผลกระทบต่อการรักษา ในสถาบันที่ทำงานอยู่ มีไม่น้อยกว่าสิบรายที่ผู้ป่วยขาดการรักษาต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฉายแสงรักษา ซึ่งปัจจุบันรังสีหรือแสงที่ใช้รักษาก็พัฒนาไปมาก จนไม่มีผลแทรกซ้อน มากมายดังแต่ก่อน เหมือนกับออกไปเดินตากแดด 5-6 นาที แต่ด้วยความเชื่อฝังหัวเพราะถูกถ่ายทอด บอกเล่ามาถึงอันตรายจากการฉายแสง และความเชื่อที่ว่า การฉายแสงเป็นการรักษาประคับประคอง ไม่ใช่มุ่งหาย พอมีการโฆษณาโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปากคำคนใกล้ชิดถึงทางเลือกใหม่ในการรักษา ยิ่งมีบุคคลอ้างอิงได้ว่า เป็นมะเร็งแล้วใช้ขบวนการดังกล่าวแล้วหายก็เลยโดดร่มการรักษา คือหนีการรักษา บางรายใช้การรักษาจวนจะครบอยู่แล้วหนีหายไป น่าเสียดายโอกาสทอง เพราะอีกไม่ถึงปี เธอก็ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง ในสภาพของร่างกายที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นซากศพ เพราะโรคร้ายได้ลุกลามแพร่กระจายไป สิ่งซึ่งทางแพทย์จะทำได้คือ การแก้ไขเพื่อประคับประคอง ไม่สามารถจะให้การดูแลมุ่งให้หายได้ ทำได้เพียงให้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้น ไม่เจ็บปวด ให้สารอาหารให้การขับถ่ายเป็นไปได้
จากการแลกเปลี่ยนสนทนาแทบทุกหน่วยงานรักษา จะพบผู้ป่วยในลักษณะดังกล่าวที่ว่านี้ นับเป็นการสูญเสียทั้งโอกาสรักษาโรค สูญเสียเวลา และสูญเสียงบประมาณ เพราะการรักษาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ก่อประโยชน์อันใด กลับทำให้คุณภาพชีวิตเลวลงเร็วกว่าที่คิด ถ้าเชื่อในเรื่องบาปบุญมีจริง ผู้ที่เผยแพร่ความเชื่อดังกล่าวโดยไม่สมบูรณ์ คงจะบาปมาก เพราะได้ทำลายคนป่วยไข้ไปมากมาย ก็เป็นความโศกเศร้าเสียใจที่จะพบเห็นได้เสมอ ที่หน่วยงานดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งนี้เพราะความเชื่อที่ว่า "มะเร็งรักษาไม่หายขาด" นั่นเอง
ทั้งสองลัทธิ คือ น้ำผักและเมล็ดธัญญพืช ซินโดรม (Syndrome) นั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย เป็นที่ยอมรับ มีเหตุมีผลอธิบายได้ แต่มีประโยชน์ และได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อนำมาใช้ให้ถูกต้อง คือ นำมาใช้ในเชิงป้องกันไม่ใช้ในเชิงรักษาโรค เป็นที่ยอมรับว่าพืชผักสด และผลไม้นั้นมีวิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็น และมีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งมีสารต้านมะเร็งอยู่ด้วยในพืชผักที่มีสี เช่น ฟักทอง แครอท ก็จะมีสารเม็ดสี ซึ่งเป็นสารต้นทางของการสังเคราะห์วิตามินเอ จะช่วยป้องกันเซลล์ ไม่ให้ง่ายต่อการเกิดการเปลี่ยนแปลงของยีนส์เป็นเซลล์มะเร็ง พืชผักตระกูลกระหล่ำทั้งหลาย ก็มีสารเคมีกลุ่มหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านมะเร็ง ผลไม้มากชนิดมีวิตามินซี และผักหลายชนิด มีวิตามินอี ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารที่เรียกว่า กลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์ คือ ขัดขวางการเติมออกซิเจน ในอนุมูลอิสระ ที่จะไปทำให้หน่วยพันธุกรรมเสียหายและเซลล์กลายเป็นมะเร็ง
ในธัญญพืชก็มีสารดังกล่าว และยังมีส่วนสำคัญต่อร่างกายอย่างมากโดยเฉพาะสตรีเพศ คือ เส้นใยหรือกากจำพวกเส้นใยไฟเบอร์ที่ช่วยเอื้อต่อการป้องกันมะเร็งทั้งทางตรง และทางอ้อมได้ เส้นใยซึ่งไม่ย่อยสลายในลำไส้ จะเป็นตัวคอยกระตุ้นลำไส้ให้บีบตัวทำให้ ไม่มีการคั่งค้างของ ของเสียในลำไส้ ซึ่งในกากอุจจาระจะมีทั้งแบคทีเรีย และสารก่อมะเร็งปนอยู่ ถ้าสัมผัสกับผนังลำไส้นาน ๆ จะดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตแล้วกระจายไปทั่วร่างกาย ไปก่อให้เกิดมะเร็งในที่ ๆ ไวต่อ สารก่อมะเร็งได้ และสารก่อมะเร็งที่สัมผัสกับผนังลำไส้นาน ๆ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นมะเร็งที่ผนังลำไส้ได้อีกเช่นกัน ดังนั้นคนท้องผูกจึงมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ได้มาก
นอกจากนั้นเส้นใยไฟเบอร์ ยังทำตัวเหมือนกับเป็นฟองน้ำคอยดูดซับกรดน้ำดีไว ้ไม่ให้ ก่อปฏิกิริยา กับแบคทีเรียในทางเดินอาหารซึ่งอาจจะก่อให้เกิดสารเคมีที่กลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ และยังช่วยควบคุมสมดุลของระดับฮฮร์โมนเพศหญิงที่ถูกขับถ่าย ปนมากับน้ำดี ไม่ให้ถูกดูดซึม ย้อนกลับเข้าสู่ร่างกายอีก ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศสมดุล ฮฮร์โมนเพศนี้ถ้ามีปริมาณมาก จะก่อให้เกิด ผลกระตุ้นต่อเยื่อบุของระบบอวัยวะสืบพันธ์สตรี จนกลายเป็นมะเร็งไปได้ ทางอ้อมของการบริโภคทั้งน้ำพืชผักปั่นนอกจากได้กาก หรือไฟเบอร์ และสารต้านมะเร็งแล้ว ยังเป็นสารกลุ่มที่มีแคลอรี่ต่ำ ถ้าบริโภคอย่างถูกต้องเป็นประจำย่อมควบคุมน้ำหนักได้ดี เป็นอาหารลดน้ำหนักคงพอได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องคำนึงถึงคือ โปรตีนซึ่งเป็นสารอาหาร กลุ่มสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อขบวนการควบคุมระบบภูมิต้านทานของร่างกายนั้น จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการป้องกันการติดเชื้อ และการควบคุมการเกิดการทำลายมะเร็ง โปรตีนนั้นมีน้อยมากในธัญญพืช ยกเว้นตระกูลถั่ว และโปรตีนที่สำคัญที่ร่างกายสร้างไม่ได้นั้น จะมีในเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ คุณค่าของโปรตีนนั้นจำเป็นมากต่อสุขภาพร่างกาย เมื่อย่อยสลายเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะดูดซึม และเข้าสู่เซลล์ระบบหนึ่งที่สำคัญคือ ระบบเม็ดเลือดขาว ที่อยู่ทั้งในไขกระดูกและในต่อมต่าง ๆ จะเข้าไปเป็นสารสร้างออกมาเรียกว่า แอนตี้บอดี้ (Antibody) มีหน้าที่เป็นทหารตำรวจในร่างกายคอยทำลายสิ่งแปลกปลอม ทั้งเชื้อจุลินทรีย์ และทั้งเซลล์มะเร็ง ซึ่งเชื้อ จุลินทรีย์นั้นเข้าสู่ร่างกายได้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เราหายใจเข้าปอด จุลินทรีย์โดยเฉพาะไวรัส ซึ่งเล็กมาก จะผ่านเข้าสู่ถุงลม และเข้าสู่ร่างกายได้ เวลาเราเคี้ยวอาหารก็ดี แปรงฟันก็ดี หรือมีบาดแผลตามผิวหนัง ล้วนเป็นช่องทางให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกายได้ ก็ได้สารแอนตี้บอดี้นี้ คอยทำลายไม่ให้สิ่งแปลกปลอม เข้าไปซ่องสุมกำลังจนเกิดอันตรายต่อร่างกาย
ขณะเดียวกัน เซลล์ในร่างกายก็จะมีการแบ่งตัวตลอดเวลามากบ้าง น้อยบ้างแล้วแต่ แต่ละเนื้อเยื่อ แต่ละอวัยวะ และทุกครั้งที่มีการแบ่งตัวเพื่อขยายพันธุ์ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับอันตราย จากสารก่อมะเร็ง ซึ่งอาจจะเป็นทั้งสารเคมี เชื้อจุลินทรีย์ จากรังสี จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เข้าไปทำลาย เชื้อหน่วยพันธุกรรม หรือพิมพ์เขียวชีวิต ถ้าถูกกระทำซ้ำ ๆ เซลล์ก็จะเริ่มสะสมความผิดปกติ และถ่ายทอดมาเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือเป็นเซลล์อันธพาล ควบคุมการเจริญไม่ให้รูปร่างเปลี่ยนแปลงไป ขบวนการนี้จะเกิดอยู่ตลอดเวลา พอเกิดอันธพาลขึ้น ขบวนการรักษาความปลอดภัยภายในร่างกายหรือระบบภูมิคุ้มกันคือ แอนตี้บอดี้ ก็จะเข้าไปทำลายทันที ไม่ทันได้แบ่งตัวเพิ่มลูกออกหลาน ถ้าระบบภูมิค้มกันผิดปกติ หรือตกต่ำไม่กล้าแข็ง พวกเซลล์มะเร็ง หรือเซลล์อันธพาล ก็จะรีบแบ่งตัวออกลูกหลานเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ ก็จะมีระบบป้องกันตัวเองเหมือนบ่อนแถวในกรุง ที่มีการวางกับดัก ป้องกันเป็นเชิงชั้น จนตำรวจไม่สามารถเข้าไปทำลายขุดรากถอนโคน ได้ก็จะค่อย ๆ บ่อนทำลายสังคมไป เรื่อย ๆ และเท่านั้นไม่พอ ยังส่งสมาชิกเล็ดลอดไปตั้งชุมชนที่อื่นเป็นบ่อนวิ่งบ้าง บ่อนลอยฟ้าบ้าง ทำลายสังคมไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะกลายเป็นโคลัมเบียไป
จะเห็นว่าโปรตีนนั้นสำคัญกับอนาคตสุขภาพของร่างกายมนุษย์มาก ถ้าขาดโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่ ได้จากเนื้อสัตว์ แล้วภูมิคุ้มกันของร่างกายจะค่อย ๆ ตกต่ำลงจนในที่สุดก็จะต้านภัยมะเร็งไม่ได้ เคยพบคนไข้ทานมังสวิรัตอย่างเข้มงวดมาเป็นสิบ ๆ ปี ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นโรคโลหิตจาง ทั้ง ๆ ที่ในพืชผักมีธาตุเหล็กมาก แต่ก็ขาดโปรตีนที่จะสร้างเม็ดเลือด และยังมีผลทำให้ระบบอื่น ๆ รวนเรไปด้วย การบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ นั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก ต้องได้ครบทุกหมู่อาหาร ถ้าไม่ได้จากอาหารก็ต้องเสริมได้จากทางอื่น ๆ อาจจะจากยา หรืออาหารเสริม เคยมีผู้รายงานการศึกษาพบว่ามะเร็งนั้นอาจจะมีโอกาสหายได้เอง แต่ในอัตราส่วน หนึ่งต่อสองหรือสามแสนราย ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายที่ต่ำมาก ๆ และต้องเป็นมะเร็งที่ไม่รุนแรง หรือระยะลุกลามมาก อธิบายได้ว่าเพราะภูมิต้านทาน หรือแอนตี้บอดี้ ในระบบภูมิคุ้มกัน ของบุคคลนั้นแข็งแรงมาก และในทางปฏิบัติจริงนั้นมีมะเร็งบางชนิด หรือที่รู้จักกันว่าลูคิเมีย ก็สามารถจะมีชีวิตยืนยาว ได้เกือบเท่าคนปกติ เพียงแต่จะอ่อนแอ และต้องเข้ารับการแก้ไขสุขภาพ บ่อย ๆ เท่านั้น
จะเห็นว่าข้อดีของสองอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีประโยชน์มากหากเข้าใจถ่องแท้ แล้วนำมาใช้ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ กระทรวงสาธารณสุขซึ่งดูแลเรื่องนี้อยู่ ก็คงจะเข้าใจถึงผลกระทบต่อสังคมในทางลบที่เกิดขึ้น จึงได้มีการออกมาแนะนำถึง กฎเกณฑ์การบริโภคที่เหมาะสมสิบกว่ามาตรการให้ประชาชนได้เข้าใจ ก็ยังดีที่มีปฏิกิริยาออกมาแม้จะช้าไปบ้างก็ตาม ดังเพลงที่กำลังฮิตว่า "มาช้าดีกว่าไม่มา"
น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
main |