คุณคิดว่าเป็นคนอ้วนหรือไม่
เกณฑ์ที่ใช้ในการดูว่า
เรามีน้ำหนักอยู่ในช่วงปกติ
หรือว่าเราเริ่มอ้วนแล้วก็คือ
ดัชนีน้ำหนักของร่างกาย
(Body Mass Index, BMI)
ค่า BMI นั้นค่อนข้างจะมีประโยชน์
ซึ่งสามารถคำนวณได้
จากน้ำหนักของร่างกายในหน่วยกิโลกรัม
หารด้วยความสูงของร่างกายยกกำลังสอง
ในหน่วยเมตร แล้วจึงนำค่าที่ได้
ไปเทียบกับมาตรฐาน ดังตัวอย่าง
ถ้าคนเรามีน้ำหนัก 85 กิโลกรัม
ในขณะที่สูง 1.72 เมตร
ค่า BMI สำหรับคนนี้จะมีค่า 28.7
การผันแปรของค่า BMI
ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง
สำหรับผู้หญิงถ้าค่า BMI ต่ำกว่า 18
จัดอยู่ในเกณฑ์ผอมเกินไป
ระหว่าง 18-20 จัดอยู่ในเกณฑ์ผอม
ระหว่าง 20-22 จัดอยู่ในช่วงปกติ
ถ้าอยู่ในช่วง 26-28
ก็เริ่มระวังตัวได้แล้วนะว่า
เราเริ่มอ้วนแล้ว
และถ้าหาค่า BMI
ออกมาอยู่ในช่วง 34-36 ก็แย่แล้วล่ะ
คุณเป็นโรคอ้วนซะแล้ว
สำหรับผู้ชายค่า BMI อยู่ในช่วง
18-19 จัดอยู่ในเกณฑ์ผอม
โดยเฉลี่ยทั่วไปผู้ชายจะมีค่า
BMI ในช่วง 21-22 แต่ถ้าคุณมีค่า
BMI ช่วง 24-25 ไม่ต้องตกใจ
คุณมีรูปร่างที่กำลังดีทีเดียว
แต่ถ้าเกินจากนี้ไปถึงช่วง 32-33
นั่นแหละคุณเป็นโรคอ้วนแล้ว
สำหรับคุณหมอจะใช้ Caliper
ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ของชิ้นไขมันในร่างกาย
วิธีนี้นิยมกันมาตั้งแต่ พ.ศ.2473
ส่วนอีกวิธีหนึ่งจะเป็นการคำนวณกลับวิธีนี้
จะให้ผลที่ค่อนข้างถูกต้องและแม่นยำ
แต่ว่าจะต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ
ทางด้านนี้ค่อนข้างสูง แต่ในปัจจุบันนี้
เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ทำให้มีวิธีที่ง่ายขึ้นคือการใช้
Bod pod ซึ่งมีลักษณะเป็นแคปซูล
พัฒนาขึ้นมาโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
วิธีนี้จะใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์
ในการวัดปริมาณอากาศในแคปซูล
เมื่อมีใครสักคนเข้าไปนั่งในแคปซูลนี้
คอมพิวเตอร์จะเริ่มการคำนวณ
เปรียบเทียบปริมาณอากาศ
น้ำหนักของคนนั้นทันที
เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักน้อยกว่ากล้ามเนื้อ
จึงเห็นได้ว่าถ้าคนที่มีรูปร่างใหญ่
แต่น้ำหนักน้อย
จะมีปริมาณไขมันในร่างกายสูงกว่า
ถ้าเรามีน้ำหนักมากกว่าปกติ 10%
แสดงว่าเราเริ่มที่จะอ้วนแล้ว
แต่ถ้ามากถึง 20% ก็จัดว่าเป็นโรคอ้วน
ในทางกลับกันถ้าเรามีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ
10% ก็จัดว่าเรานั้นผอมเกินไป
|
ตลอดระยะเวลาในศตวรรษที่ 20 ดูเหมือนว่า
การลดน้ำหนักให้ดูผอมนั้นเป็นที่นิยมกันมากในสังคมตะวันตก นักวิจัยชาวอเมริกาได้ติดตามผู้เข้าประกวดนางงามสหรัฐอเมริกา และนางแบบนิตยสารเพลย์บอยอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 พบว่านางแบบเหล่านี้จะมีรูปร่างเล็กลงทุกปี และพบว่าประมาณ 13% มีน้ำหนักต่ำกว่าพิกัดที่ควรจะเป็นในช่วงอายุและความสูงระดับนั้น แนวโน้มเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ.2483-2493 ซึ่งเป็นช่วงของสงคราม เป็นช่วงที่ขาดแคลนอาหารจึงทำให้นางแบบต่างๆ มีรูปร่างที่เล็กลง
ดูเป็นเรื่องที่น่าแปลกในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา
ซึ่งมีอาหารไม่เพียงพอ ประชากรกลับมีรูปร่างใหญ่กว่าชาวตะวันตกเสียอีก และในทวีปแอฟริกาตะวันตกได้มีการกระตุ้นให้สตรี
ที่ยังไม่ได้แต่งงานให้เพิ่มน้ำหนักของตัวเอง
เนื่องจากมีประเพณีที่เชื่อกันว่า
ผู้หญิงที่อ้วนจะสามารถมีบุตรได้มากกว่า ในทางกลับกัน
คนอ้วนทางแถบยุโรปกลับถูกกีดกันให้อยู่สังคมระดับล่าง
โดยเฉพาะสตรี ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว
หรือฐานะทางการงานจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคนทั่วไป
ที่ผ่านมาพูดถึงผลเสียของความอ้วนซะเป็นส่วนใหญ่
แต่คนอ้วนก็มีดีเหมือนกัน นักโภชนาการแห่งมหาวิทยาลัย
คิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า
เมื่อคนอ้วนออกกำลังกายทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักกว่า
จึงทำให้ร่างกายมีความสมบูรณ์กว่า
ส่งผลให้คนอ้วนเป็นโรคหัวใจวายน้อยกว่า
นอกจากนี้ผู้หญิงที่อ้วนจะได้เปรียบ เนื่องจากไขมันเป็นสิ่ง
|