เมื่อเดือนที่แล้ว วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ขายดี
จนขาดตลาดจากตลาดยาเมืองไทย เพราะมีข่าวการระบาด
ของไข้หวัดใหญ่ในยุโรปคนไทยเลย เห่อกันไปฉีด
ทั้งๆ ที่วัคซีนที่มีจำหน่ายเป็นไข้หวัดใหญ่พันธุ์ปักกิ่งและพันธุ์ซิดนีย์ ถ้าเป็นพันธุ์อื่นก็ป้องกันไม่ได้และภูมิคุ้มกันจะเกิดอยู่ได้เพียงปีเดียว เขาแนะนำให้ฉีดเฉพาะผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ เช่นผู้สูงอายุหรือผู้เจ็บป่วย
ที่ภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งหากเป็นไข้หวัดใหญ่ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน
ได้ หรือผู้ที่จะเดินทางไปยังท้องที่ที่มีการระบาด องค์การอนามัยโลก
แนะนำให้แต่ละประเทศพิจารณาให้เหมาะสมกับพันธุ์ที่ระบาดในประเทศนั้นๆ
วัคซีนนี้ราคาหลอดละราว 500 บาท โดยปกติเมืองไทย
ก็มีไข้หวัดใหญ่พันธุ์ต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ อยู่แล้ว
ผู้ที่ร่างกายแข็งแรงดี เป็นไข้หวัดใหญ่ก็ป่วยเพียงไม่กี่วัน
และหายได้โดยไม่มีปัญหามากนัก
การฉีดวัคซีนโดยไม่มีความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์
ย่อมเป็นการสูญเปล่าทั้งสำหรับผู้ที่ต้องจ่ายแต่ละคน และเป็นการสูญเสียเงินของชาติรวมทั้งเงินตราต่างประเทศ
ในการนำเข้ายานี้เพราะเราผลิตไม่ได้ในประเทศ ยิ่งบางคนไม่จ่ายเงินเอง
แต่เบิกจากหลวงหรื อเงินของส่วนรวมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการสูญเสียโดยไม่สมเหตุสมผลและไม่คุ้มค่า ประมาณการได้ว่า
ประเทศไทยเสียเงินในการซื้อวัคซีนตัวนี้จากต่างประเทศหลายล้านบาท
นี่เป็นตัวอย่างของความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ค่าใช้จ่ายทำนองนี้มีอยู่มากมาย จน ขณะนี้คาดว่าคนไทย 61 ล้านคน ใช้เงินไปถึงปีละสี่แสนล้านบาทในด้านเกี่ยวกับสุขภาพ
และเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางส่วนก็เบิกจากงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งได้มาจากการเก็บภาษีอากร ตัวอย่างเช่น เงินสวัสดิการ
การรักษาพยาบาลข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจและครอบครัว
เมื่อ พ.ศ.2534 ใช้ไป ราว 4,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านบาท
ใน พ.ศ.2540 หรือเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวในเวลา 7 ปี ทั้งๆ ที่คนไทย
ไม่ได้เป็นโรคมากขึ้นถึงขนาดนั้น และเมื่อใช้ไปแล้วก็มิใช่ว่า
สุขภาพของคนไทยจะดีขึ้นเท่าใดนัก
สาเหตุของการเพิ่มค่าใช้จ่ายนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายตัว
ของเทคโนโลยีที่มีเพิ่มขึ้นมาก ทั้งยา อุปกรณ์และวิธีการต่างๆ
ล้วนมีราคาแพงขึ้นอย่างมาก เมื่อยี่สิบปีก่อนคงไม่มีใครนึกฝันว่า
จะมียาเม็ดละหลายร้อยบาท ยาฉีดชุดหนึ่งเป็นหมื่นบาท หรือตรวจพิเศษครั้งหนึ่งค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นบาท
หรือรักษาด้วยเครื่องรังสีครั้งละหลายแสนบาท หากเป็น
สิ่งจำเป็นและเป็นประโยชน์จริงก็พอทำเนา แต่การสูญเสีย
จากการใช้ที่ไม่คุ้มค่ามีอยู่มากมาย ตลอดจนความอยากไม่รู้จบ
ที่เกิดขึ้นจากความคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะช่วยได้
หากจะลองมาวิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหานี้เป็นข้อๆ
ก็อาจจะแยกหลายประเด็น คือ
ความต้องการที่ไม่รู้จักพอ เป็นสาเหตุหนึ่งของความฟุ่มเฟือย เมื่อก่อนนั้นสภาพที่เป็นไปตามธรรมชาติ เราก็ยอมรับไปได้
แต่ปัจจุบันคนเรามีความอยากไม่รู้จบ จากโอกาสที่เทคโนโลยีนำมาให้
มีกรรมวิธีเสริมสวยต่างๆ ทั้งด้วยยา และวิธีการต่างๆ ตลอดจน การผ่าตัด ผู้ที่สวยอยู่แล้วต้องการให้สวยมากขึ้นไปอีก มุ่งไปสู่ดวงดาว ไม่รู้จักจบจักพอ หากอ้วนไปก็ต้องลดให้ผอมลงหรือป้องกันความอ้วนจนเกิดทุกข์ในลักษณะต่างๆ ศีรษะล้านก็ต้องใช้วิก หรือวิธีการแยบยลต่างๆ แนวโน้มนี้เกิดจากทั้งผู้ที่อยากเอง และผู้ให้บริการที่เร่งโฆษณาในรูปแบบต่างๆ
อีกกรณีหนึ่งคือ ความอยากจะไม่แก่ ความอยากจะไม่ตาย ต้องพยายามยืดออกให้ได้ไม่ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่าย
หรือเกิดความทุกข์ทรมานเพียงใด ขณะนี้มียาที่อ้างว่าช่วยชะลอความแก่ ช่วยลดการหลงลืมช่วยสร้างความกระชุ่มกระชวยและเป็นหนุ่มเป็นสาว ที่อาจมีบางคนที่เป็นโรคบางชนิดจะได้ประโยชน์อยู่บ้าง
แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาตินั้น
จะไม่ได้ประโยชน์หรือได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเจ็บป่วยหนักและไม่มีทางรอด ก็ใช้วิธีการอย่างพิสดารในการยืดความตายให้ช้าออกไป ในบรรดาค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคของแต่ละบุคคลจะแพงมากที่สุด
ในระยะสุดท้ายของชีวิตก่อนตาย การยอมรับความตาย
หรือยอมให้ตายโดยดุษณี และรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไม่ใช่
เพียงลดความสิ้นเปลือง ยังช่วยลดความทุกข์ทรมานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
การรับเทคโนโลยีมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย
เราพิจารณารกลั่นกรองอย่างหละหลวม ไม่เกิดผลดีกับสุขภาพอย่างแท้จริง
และไม่คุ้มค่า บางทีก็เป็นโทษด้วยซ้ำมีตัวอย่างกรณีทำนองนี้มากมาย ผู้ป่วยสูงอายุท่านหนึ่งมีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทั้งเบาหวาน
ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ แถมรู้สึกว่าความจำไม่ค่อยดีด้วย แต่ละวันรับประทานยากว่าสิบเม็ดที่ได้มาจากหมอสามคน
และจากเพื่อนแนะนำมาด้วย ใครว่าอะไรดีก็รับมาลอง
ครั้งหลังสุดเป็นยาช่วยความจำด้วย ราคาเม็ดละร้อยกว่าบาท ราคายารวมแล้ววันละเกือบพันบาทหรือเดือนละเป็นหมื่นบาท โดยที่ยาบางอย่างไม่มีหลักฐานว่าได้ประโยชน์จริง แถมยังไม่ตระหนักว่ายาที่รับประทานเข้าไปนั้นตีกันและเกิดโทษด้วย
นักธุรกิจผู้หนึ่งมีเงินมาก ต้องทำงานหนัก อดนอนเป็นประจำ เครียดและรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ยิ่งมีปัญหาในงานที่แก้ไม่ตกอาการยิ่งมาก แพทย์รับเข้านอนในโรงพยาบาลหนึ่งคืน น้ำเกลือหนึ่งขวด รู้สึกอาการดีขึ้นคงเป็นจากการได้พักน้ำเกลือหนึ่งขวดนั้น มีหลักฐานทางวิชาการชัดเจนว่าไม่สามารถทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ คงมีลักษณะเป็นพิธีกรรมทำนองอาถรรพเวท เป็นเครื่องกำกับให้นอนอยู่กับเตียง และช่วยให้จิตใจสบายขึ้นความเชื่อทำนองนี้เกิดขึ้น
เพราะเคยเห็นผู้ป่วยที่อาการหนักไปโรงพยาบาล
ก็ได้รับน้ำเกลือแล้วรอดชีวิตได้
หารู้ไม่ว่าการเข้าโรงพยาบาลเป็นการเพิ่มความเสี่ยง เพราะโรงพยาบาลเป็นที่สะสมเชื้อโรคร้ายต่างๆ อยู่ แถมเป็นเชื้อที่เคยผจญกับยามามากและดื้อยาด้วย
ยิ่งร่างกายไม่แข็งแรง ควรอยู่ห่างโรงพยาบาล นอกจากจำเป็นจริงๆ เท่านั้น นี่ยังไม่นับค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นพันเป็นหมื่น หากลองพิจารณาให้ดี
จะเห็นว่าโรงพยาบาลเป็นที่ที่ต้องจ้างแพทย์ พยาบาลและบุคลากรต่างๆ ไว้ ตลอดจนลงทุนในอุปกรณ์ราคาแพง ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวของโรงพยาบาลต้องสูง และควรใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น
กรณีคลอดบุตรด้วยการผ่าตัดทางหน้าท้องก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
มีรายงานการศึกษาว่า การมีระเบียบให้เบิกค่าผ่าตัดคลอดบุตร
จากสวัสดิการหรือประกันสังคมได้ จะทำให้อัตราการผ่าตัดเพิ่มสูงขึ้นมาก การผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้องนับเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญ สามารถช่วยชีวิตทั้งแม่และลูกได้ในกรณีคลอดยากหรือคลอดผิดปกติ
เช่น กระดูกเชิงกรานของแม่แคบและเด็กโต รกเกาะต่ำ
หรือเกิดสภาพแทรกซ้อนระหว่างค ลอดจนเด็กหัวใจเต้นผิดปกติ เป็นต้น การนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะการใช้เพื่อกำหนดเวลาตกฟาก
ของลูกที่ดูดวงไว้ ยิ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด
ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ การพยาบาลและกิจการสุขภาพต่างๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้มนุษย์ในโลกมีอายุยืนยาวขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้นมาก
ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาโรคที่เคยร้ายแรง และเป็นอันตรายมากอยู่
แต่เดิมนั้นกลับสามารถ ได้รับการบำบัดปัดเป่าได้ เราคงไม่กลับไปยุคหินและไม่ใช้เทคโนโลยีที่มีประโยชน์
หรือกลับไปเน้นวิธีการแบบโบราณ หากเจ็บป่วยไม่มากจะใช้สมุนไพร
ช่วยรักษาบรรเทาอาการก็คงจะดี เพราะโดยทั่วไปราคาถูกกว่า
และหาได้ง่ายในประเทศ แต่ถ้าเป็นมากและสมุนไพรยังไม่มีหลักฐาน
ให้มั่นใจได้ว่าจะช่วยได้จริง เราก็ควรจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
แม้ว่าจะมีราคาค่าใช้จ่ายสูง จุดสำคัญจึงเป็นการพิจารณา
คัดสรร กลั่นกรองเทคโนโลยีมาใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมในแต่ละกรณี
คนไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อง่าย โดยไม่ได้พิจารณา
ข้อมูลหลักฐานให้ถ่องแท้ แถมยังชอบลองอีก แม้แต่แพทย์ พยาบาลและนักวิชาชีพก็ได้รับการสอนมาให้เชื่อตามตำรา การสร้างความสามารถในการใช้วิจารณญาณยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งแพทย์และคนไข้จึงถูกหลอกได้ง่าย กรณีเมลาโธนินเป็นตัวอย่างที่ดี จากการที่ในสหรัฐอเมริกามีการต่อสู้กันทางการค้าและการเมือง จนรัฐสภาออกกฎหมายเกี่ยวกับสารที่มาจากธรรมชาติให้สามารถขายได้
โดยไม่ต้องควบคุมตามกฎหมายยา ดังนั้น เมลาโธนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมน
ประกอบกับมีรายงานการวิจัยและหนังสือหลายเล่มโฆษณาสรรพคุณต่างๆ
ซึ่งหากพิจารณาดีๆ เป็นหลักฐานที่ไม่เพียงพอที่จะเชื่อถือได้
ในสหรัฐอเมริกาผู้คนของเขามีความรู้ สามารถพิจาณาข้อมูล
และคำโฆษณาต่างๆ ได้ จึงถือเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่
จะดูแลตนเอง "เลือกใช้หรือไม่ใช้" สารเมลาโธนินที่หาซื้อได้ง่ายเอง
ข่าวลือเรื่องอิทธิฤทธิ์ของเมลาโธนินเข้ามาในเมืองไทย
จนเป็นยาสารพัดนึก ช่วยชะลอความแก่และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วย คนไทยแม้แต่ผู้มีการศึกษาดีหรือมีตำแหน่งการงานสูงจำนวนไม่น้อย
พยายามหาเมลาโธนินมาใช้ แต่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
พิจารณาหลักฐานต่างๆ แล้ว เห็นว่าเมลาโธนินเป็นยาที่ไม่มีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียนยา และไม่ให้นำเข้ามาในประเทศ
ปรากฏว่าผู้ที่เดินทางไปสหรัฐฯ ขากลับได้ซื้อยานี้และลอบนำเข้ามาขาย
เป็นยาผิดกฎหมายราคาแพง (และกำไรดี)
การใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ไม่มัธยัสถ์ดูแลสุขภาพของตนเองเท่าที่ควร
ทำให้เกิดโรค ความด้อยสุขภาพและความพิการเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของสุขภาพไม่พอเพียง ตัวอย่างเช่น เด็กวัยรุ่นมั่วสุมกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงในผับที่มีเสียงดนตรีดังมาก และอากาศเต็มไปด้วยควันบุหรี่ บรรยากาศของอบายมุขปนอยู่
ในรูปแบบต่างๆ ทั้ง เหล้า ยาเสพย์ติด การมั่วสุมทางเพศ โรคปอด หัวใจ
และมะเร็งในระยะต่อไป นับเป็นการไม่รักษาสุขภาพ
และใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย
การที่เจ้าของโรงงานและนายจ้าง ไม่ดูแลสุขภาพในโรงงานให้ดี
มีเสียงดัง ฝุ่นละออง สารพิษ และความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ นับเป็นการใช้ชีวิตของลูกจ้างคนงานอย่างฟุ่มเฟือย
มีผลให้เกิดความเจ็บป่วย พิการและเสียชีวิต
ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงและเกิดความทุกข์ทรมาน
ในทำนองเดียวกันปัญหาสิ่งแวดล้อมในสังคม ทั้งอากาศเสีย
น้ำเสีย และสิ่งเป็นพิษปนเปื้อนในอาหาร ล้วนเป็นเหตุของโรค
และความหย่อนสุขภาพ เช่น มีหลักฐานว่าโรคหืด เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเด็กที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร
ซึ่งผู้มีหน้าที่ดูแลจะต้องตระหนักว่า หากประสงค์จะให้มีสุขภาพพอเพียง
ต้องดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดี
อีกแง่หนึ่งของสุขภาพพอเพียง คือ การดูแลรักษาโรค
ตั้งแต่ระยะที่เป็นน้อย จะหายได้ง่ายขึ้น สิ้นเปลืองน้อย ไม่เกิดความพิการหรือโรคร้ายที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง คนไทยที่เป็นโรคเบาหวานและไม่ทราบว่าเป็นก็มีมาก แม้คนที่ทราบแล้วก็ไม่ได้ดูแลควบคุมโรคให้ดี ทิ้งไว้หลายปี
จนในที่สุดมีผลต่อตาทำให้ตาบอด มีผลต่อไตทำให้ไตวาย
การรักษาเบาหวานในระยะที่เป็นน้อย ทำได้ไม่ยากด้วยการควบคุมอาหารหรือใช้ยาเม็ดรับประทาน
แต่ต้องดูแลเป็นประจำเลิกไม่ได้
จากรายงานผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตวาย ต้องทำการล้างไต
ทุก 1-2 สัปดาห์ กว่ากึ่งหนึ่งเกิดจากโรคเบาหวาน เมื่อต้องรับการผ่าตัดเปลี่ยนไตก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
และค่ายาถึงสองแสนกว่าบาท เมื่อเกิดไตวายขึ้นแล้ว การเสียค่าใช้จ่ายล้างไตและผ่าตัดเปลี่ยนไตเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาชีวิต แต่การไม่ดูแลรักษาตนเองเมื่อทราบว่าเป็นเบาหวาน เป็นการใช้ชีวิตที่ไม่รักษาสุขภาพอย่างพอเพียง
ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง ถ้าดูแลควบคุมความดันโลหิตให้ดี
จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน ด้านหัวใจและสมองน้อยลง เหลือเพียงหนึ่งในหกของผู้ที่ละเลยไม่ได้ดูแล
โรคต่างๆ ที่ร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นโรคติดเชื้อ โรคหัวใจ
โรคสมอง โรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ถ้าตรวจพบในระยะแรกแล้ว
ย่อมรักษาได้ผลดีกว่า หายง่ายและเร็วกว่า สิ้นเปลืองน้อยกว่า และโอกาสที่จะเกิดความพิการหรือเสื่อมสุขภาพระยะยาวมีน้อยกว่า
ดังนั้น การดูแลตนเองและจัดการรักษาเมื่อโรคยังเป็นน้อย จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำและเป็นสิ่งที่ระบบบริการสุขภาพ
ต้องสนองความต้องการให้ดี วินิจฉัยให้ดี ทำสิ่งที่พึงกระทำ
และไม่กระทำมากเกินไปจนเกินเหตุ ในการนี้ผู้นั้น
จะต้องมีความรู้ประกอบกับเจตคติที่ดี รับผิดชอบและมีเมตตากรุณา
รักษาจรรยาบรรณของวิชาชีพ การดูแลอย่างลวกๆ
ดูหน้าแล้วสั่งยาย่อมไม่ดีพอ บุคลากรในระบบบริการสุขภาพ จึงเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งในการทำให้บริการสุขภาพ
มุ่งไปสู่สุขภาพพอเพียง คุณภาพของบริการสถานพยาบาลและโรงพยาบาล
จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ทั้งจากภายในเองและการตรวจสอบจากภายนอก
ค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความอยาก
ที่จะได้รับการรักษาพยาบาลจากผู้ที่ตนคิดว่าดีที่สุดและสถานบริการที่ดีที่สุด ความจริงก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่มุ่งให้ชีวิตของตนได้รับการดูแลดีที่สุด
เพราะผู้ให้บริการ สถานบริการ และโรงพยาบาล มีสภาพความไว้วางใจ
ได้ไม่เท่าเทียมกัน การเลือกให้ดีจึงเป็นสิทธิและความสบายใจ
ที่ทุกคนควรจะได้รับ จึงปรากฏว่าผู้ที่รับบริการที่สถานีอนามัย
จะเป็นผู้อยู่ห่างออกไปในหมู่บ้านนอกๆ ส่วนผู้คนในตลาด
จะไปรับบริการที่โรงพยาบาลในอำเภอ ในทำนองเดียวกัน
คนในเขตเทศบาลในอำเภอนั้น ก็เลือกไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัด
แล้ว คนในเขตเทศบาลเมืองในจังหวัดก็เลือก
ที่จะไม่ใช้โรงพยาบาลในจังหวัดของตน แต่ไปยังโรงพยาบาลศูนย์
หรือโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ระบบบริการแบบนี้ทำให้ทุกฝ่ายมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นอกจากค่าเดินทางของผู้ป่วยและครอบครัวแล้ว โรงพยาบาล และสถานพยาบาลขนาดใหญ่กว่าที่มีบุคลากรและเครื่องมือเครื่องใช้
สำหรับโรคที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน มีค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่อหัวผู้รับบริการสูงกว่า กลับต้องให้บริการสำหรับโรคที่สถานบริการขนาดเล็กกว่าสามารถดูแลได้ ระบบการส่งต่อที่เหมาะสมยังไม่ดีพอ
หากมีการปฏิรูประบบบริการสุขภาพและจัดบริการที่มีคุณภาพไว้วางใจได้ กระจายไปอย่างเหมาะสม และส่งต่อเมื่อจำเป็นได้ ก็จะลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก พร้อมไปกับการได้รับบริการที่มีคุณภาพดีขึ้นด้วย
สาเหตุอีกประการหนึ่งของความสิ้นเปลืองคือ ความไม่ตระหนักถึงเงินของส่วนกลางหรือเงินหลวง
รู้สึกว่าไม่ใช่เงิน ของตน ไม่จำเป็น ต้องประหยัดหรือดูแลรักษา
ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ทั้งๆ ที่เป็นผู้เสีย ภาษีอากรให้แก่รัฐหรือจ่ายเงินสมทบให้แก่กองทุนประกันสังคม
มักจะคิดว่าเป็นของหลวงเบิกได้ จึงไม่เป็นไร ถ้าจะต้องจ่ายเอง
ก็คิดมากกว่านั้นและจะไม่จ่าย สิ่งนี้อาจเป็นผลจากระบบการปกครอง
ที่เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาชนไม่รู้สึกมีส่วน
ในการจัดการกับงบประมาณแผ่นดิน ต่างจากในต่างประเทศ
ที่เงินสาธารณะ (public money) และบุคคลสาธารณะ (public person) จะได้รับการดูแลจากสังคมเป็นพิเศษ
โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นโรคร้ายแรงที่ระบาดอยู่ในประเทศไทย บางคนจะมีภูมิต้านทาน เกิดขึ้นจากการได้รับเชื้อมาแล้ว
และผ่านพ้นมาแล้วจะไม่มีปัญหาอีก แต่บางคนยังไม่เคยได้รับเชื้อ
โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อย จึงยังไม่มีภูมิคุ้มกัน การฉีดวัคซีน
จะป้องกันไม่ให้เกิด การติดเชื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ วัคซีนนี้มีราคาแพงชุดละหลายสิบบาท จึงแนะนำให้ใช้
เฉพาะผู้ที่จะได้รับประโยชน์จริง คนไทยที่อายุเกิน 50 ปีขึ้นไปแล้ว
ส่วนใหญ่จะเคยได้รับเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันแล้วจึงไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนอีก แต่ก็มีผู้ที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ขอฉีด ด้วยเหตุผลว่าเบิกได้
ในทำนองเดียวกัน การตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยรังสีที่
เรียกว่า mammogram นั้น จะได้ประโยชน์สำหรับผู้ที่อายุสูงกว่า 50 ปีขึ้นไป เพราะอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งเต้านมมีสูง และการตรวจกระทำ
ได้ดีกว่าผู้มีอายุน้อย หากจะให้เบิกจากเงินหลวงได้ต้องกำกับไว้ด้วยว่า
อายุเท่าใดจึงจะเบิกได้ จึงจะเป็นการจัดบริการด้วยเงินหลวงได้เหมาะสม
ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ประสงค์จะใช้เงินของตนเอง
ในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและครอบครัว
ย่อมต้องมีเสรีภาพในการเลือกใช้เงินของตน เพราะชีวิตของแต่ละคนย่อมมีค่าตามความรู้สึกของแต่ละคน
เมื่อเร็วๆ นี้ในนิตยสาร LIFE ฉบับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ได้มีเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ภรรยาอายุมาก แล้วและมีครรภ์ลูกคนแรก แต่เมื่อไปตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ พบว่าทารกในครรภ์มีความพิการที่สันหลัง ซึ่งเขาได้รับทราบว่าที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
กำลังวิจัยทำการรักษาผ่าตัดทารกในครรภ์แบบนั้น
แต่ในการรับการรักษานั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายถึงสองล้านเหรียญสหรัฐฯ
หรือราวแปดสิบล้านบาท โดยบริษัทประกันสุขภาพไม่จ่ายให้ สามีภรรยาคู่นั้นจึงตกลงใจจะเป็นหนี้และหาเงินไปรับการผ่าตัดนั้น นับเป็นกรณีตัวอย่างของสิทธิส่วนบุคคลที่คงต้องให้ความเคารพ การให้การศึกษาและได้รับข้อมูลอย่างถ่องแท้ถูกต้อง เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนพึงจะได้รับ ตลอดจนการคุ้มครองผู้บริโภคจากการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ
จะเห็นได้ว่า การดูแลสุขภาพของคนไทยในปัจจุบัน
ยังไม่อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมดีนัก มีช่องโหว่ทั้งในเชิงคุณภาพ
ที่พึงจะได้และความสิ้นเปลือง ฟุ่มเฟือยอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่คุ้มค่า และเกินกำลังที่ระบบเศรษฐกิจของชาติจะรับไหว
ทฤษฎีใหม่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการรับมือกับปัญหาวิกฤต คือเศรษฐกิจพอเพียงนั้น
เหมาะสมใช้ได้อย่างดียิ่งกับระบบสุขภาพและจะช่วยนำการแก้ปัญหาสุขภาพ
ของคนในชาติไปยังสิ่งที่พึงประสงค์คือ สุขภาพพอเพียง
จุดกลางของสุขภาพพอเพียง คือ ความพอใจกับสภาพสุขภาพ
ที่พอเหมาะพอสม ใช้ทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทา
ไม่มีความอยากที่ไม่รู้จบ ขณะเดียวกันไม่ใช่การงอมืองอเท้า
ปล่อยไปตามยถากรรมหรือการกลับไปสู่ยุคหิน ไม่ใช้เทคโนโลยี แต่เป็นการใช้วิจารณญาณเลือกเทคโนโลยีให้ดีให้เหมาะสม ประกอบกับเป็นสังคมที่มีการเอื้ออาทรกัน
มีการช่วยเหลือกันและกัน ซึ่งในระบบบริการสุขภาพ ผู้ที่เป็นนักวิชาชีพต้องมีทั้งความรู้ความสามารถและเจตคติที่ดี
มีความรับผิดชอบและเมตตากรุณา มุ่งประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก เคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้ป่วย ส่วนระบบบริการโดยรวมต้องมีความเหมาะสม เน้นความเสมอภาคและการดูแลผู้ที่ด้อยโอกาสและช่วยตนเองไม่ได้
ให้ได้รับบริการตามเกณฑ์สุขภาพพอเพียงของชาติ
ตลอดจนจัดสรรเงินหลวงให้ไปใช้อย่างเหมาะสม ไม่ฟุ่มเฟือย คุ้มค่า
และที่ประเทศชาติรับไหว
ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา
|