น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
เสน่ห์อย่างหนึ่งของภาษไทย คือ การเล่นคำ ไปอ่านพบในหนังสือพิมพ์เล่นหนึ่งกล่าวว่า โลกเรากำลังประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ และการเมืองด้วย สาเหตุของ "สองรู" หนึ่งคือ "ลูรินสกี้" อีกหนึ่ง คือ "รูเบิล" ซึ่งต้นเหตุอยู่ที่ประเทศมหาอำนาจทั้งคู่ แต่สาเหตุต่างกัน มหาอำนาจหนึ่งคือรัสเซีย เกิดทีหลังแต่ส่อเค้ามานานคือ ค่าเงินรูเบิลที่ถูกลอยตัวซึ่งก็คล้ายกับเงินบาทไทยนั่นเอง คำว่าลอยตัวก็คือ ลดค่า เท่านั้นไม่พอ เห็นว่างดชำระหนี้เลียนแบบป๊ะป๋าซู 90 วัน ทำเอาปั่นป่วนในวงการเศรษฐกิจ ไปทั้งโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งปล่อยกู้ไปแยะ อเมริกาก็ถูกกระทบ และยุโรป ก็ถูกเข้าจังเบอร์เช่นกัน ไทยเราน้อยหน่อยอาจจะมีผลกระทบ ก็ตรงที่อาจจะมีสาวรัสเซียหลบหนีมาหากิน ขายบริการ ในประเทศไทย มากขึ้น จะเสียดุลการค้าเพิ่มขึ้น เคยมีคนกล่าวว่า ที่ระบบการเงินของรัสเซียมีปัญหา ก็เพราะ ชื่อระบบเงินไม่เป็นมงคลนัก เลยมีปัญหามาตลอด อีกลูหนึ่งซึ่งกำลังดังกระฉ่อนไปทั่วโลกคือ ลูรินสกี้ สาวน้อยวัย 25 ปี เมื่อเกิดเรื่องก็กำลังเขย่าบัลลังก์ประธานาธิบดีอเมริกา สมกับเพลงละครฮิต เรื่องหัตถาครองพิภพ ต้องเปลี่ยนเป็นหัตถาเขย่าภพ เพราะประธานาธิบดีสหรัฐนั้นใหญ่โตคับโลกจริง ๆ
เมื่อ 2-3 วัน ผ่านมาก็ส่งเครื่องบินไปบอมบ์ซูดาน เมืองคาทูม และไม่หนำใจไปบอมบ์อาฟกานิสถานเ ข้าไปอีก โลกใกล้สงครามโลกครั้งที่สามไปทุกที หรือคำทำนายของนอสตราดามุสจะเป็นจริง เพราะขณะนี้หัวหน้ากองโจร กำลังชักชวนให้ประเทศมุสลิมทำสงครามกับอเมริกาและยิว อย่างไรก็อย่ามาลามไทยเลย ลูรินสกี้อายุเพียง 25 ปี แต่ก็สามารถสั่นคลอน ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีอำนาจสามารถสั่งให้ฝูงบินที่ทันสมัยไปทำลายทุกที่ในโลกได้ โดยไม่มีใครขัดขวางได้ เพราะโซเวียตซึ่งเป็นผู้ค้านอำนาจอเมริกาเพียงหนึ่งเดียวนี้ได้ล่มสลายไปเสียแล้ว เลยไม่มีใครต้องให้ตำรวจโลก หรือที่มุสลิมเรียกนักเลงโตต้องเกรงกลัวอีกต่อไป แสดงให้เห็นถึงสัจธรรมว่า อาวุธร้ายแรง สงครามที่รุนแรง ระเบิดสถานทูตกี่ครั้ง คนตายมากเท่าใดไม่ทำให้เก้าอี้ประธานาธิบดีอเมริกาหวั่นไหวได้เท่ากับ DNA ที่ติดกระโปรงของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ หน้าอกใหญ่ ๆได้
นี่คือความร้ายกาจของดีน่าหรือ D-NA (ดี-น่า) น่าจะเรียกว่าไม่ดีน่าต่อการเมืองอเมริกาไปเสียแล้ว นี่แหละธรรมชาติของชีวิต พวกนักเลงไพ่ย่อมซึ้งดีถึงสเปโตว่า แม้จะใหญ่โตแต่ก็แพ้ไพ่ 2 แต้ม ของแข็งที่สุดย่อมพ่ายแพ้แก่ของอ่อนไหวที่สุดเช่นกัน และเจ้า DNA นั้นก็เล็กแสนเล็ก ตัวจริงมองไม่เห็นเพราะเป็นองค์ประกอบของสารเคมี 6 หรือ 8 ชนิดเท่านั้น เรียงสลับกันไปสลับกันมา ได้เป็นล้าน ๆ อย่าง แต่ที่สามารถเห็นได้ก็เพราะดูทางอ้อม คือ ดูลักษณะปฏิกิริยาที่มีต่อประจุกระแสไฟฟ้า แล้วนำมาเทียบกัน ซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก และยอมรับในทางกฎหมาย ์ถึงการพิสูจน์ ความคล้ายคลึงของหลักฐานทางบุคคลได้ เจอไม้นี้เข้าบิลก็บิลเถอะ ต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน และคาดการณ์กันว่าผลกระทบจะออกมาอีกมาก ที่แน่ ๆ ก็ต่อสภาพครอบครัว ที่คงจะต้องมีความร้าวรานซ่อนแฝงเร้นอยู่ นับเป็นกรณีศึกษาว่าการครองตัวยามมีอำนาจนั้นยากยิ่งปานใด ถูกเศษผ้าชิ้นเล็ก ๆ ที่มี DNA ติดอยู่เท่านั้น ร้อนร้นไปทั้งโลก ตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา เคยมีคนเปรียบไว้ว่าเหมือนปลาอานนท์ ที่พลิกตัวแต่ละครั้งสะเทือนไปทั้งโลก เห็นจะจริง ถ้าลองสำรวจดูแล้วจะเห็นว่าเรื่องราวที่ DNA หรือดีน่าถูกนำมาใช้ประโยชน์นั้น ผลออกมามักจะมีคนร้องว่าไม่ดีน่าเสมอ
เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนฟังข่าวต่างประเทศก็ในสหรัฐอเมริกาอีกนั่นแหละฮือฮาไม่แพ้เมืองไทยเรา เมืองไทยเราแตกต่างออกไปตรงที่ ทารกแรกคลอดถูกลักพาตัว หรือขโมยออกจากอกแม่ไปเลย จนป่านนี้ยังไม่จบยังตามไม่พบ เป็นเรื่องราวใหญ่โต ชื่อเสียงโรงพยาบาลเสียหาย น่าเห็นใจผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ถูกญาติ ๆ คนไข้ต่อว่า โธ่! ตัวเองตั้งครรภ์เก็บอยู่ในมดลูกตั้ง 9 เดือน ออกมาก็หมอช่วยเอาออกมาอย่างทะนุถนอม เลี้ยงอยู่กับอกยังยอมให้ถูกขโมย ขณะที่หมอและพยาบาลต้องดูแลคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่วงศาคณาญาติ และลูกหลานอย่างเท่าเทียมกันอย่างดี พอเกิดเรื่องก็ถูกต่อว่าเสียหายมาก น่าสงสารบุคคลากรโรงพยาบาลนั้นมาก ก็ยังตั้งใจว่าต้องเพิ่มความระมัดระวังที่ทำงานของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุเมื่อไร สุภาษิกำลังภายใน จีนที่ว่า "ธนูในที่ลับหลบยาก" หากลักขโมยอยู่ในที่ลับย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว
ได้คุยกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเกิดเหตุก็บอกว่า ขณะที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าต้องทำอะไรสักอย่างในกรณีนี้ สอบถามก็ได้ความว่า "ต้องทำใจ" และเหตุที่เกิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ใช้กลวิธีเดียวกัน คือเหตุเกิดที่บ้านไม่ใช่โรงพยาบาล เมื่อคุณแม่ของเด็กหญิงอายุ 3 ขวบเศษ 2 คน ในรัฐทางเหนือของอเมริกา เกิดเอะใจว่าบุตรที่ตัวเองเลี้ยงมา 3 ปี จะไม่ใช่บุตรของตัวเอง ก็ไปเข้าขบวนการตรวจสอบ ก็อาศัยเจ้าดีน่า ( D-NA) นี่แหละ ก็ได้ความว่าทั้งสองคนสลับลูกกันเลี้ยง คือ ลูกที่เธอคนแรกเลี้ยงเป็นลูกของอีกคนสลับกัน ก็เลยโวยวายแล้วร้องเรียนไปยังสื่อมวลชน ถึงมีการสอบสวนทวนความก็พบความจริงว่าสาเหตุที่เกิดเพราะ พยาบาลได้จ่ายลูกผิดให้หลังคลอด ซึ่งเด็กทารกทั้งคู่คลอดในเวลาไล่เลี่ยกัน และเป็นเพศเดียวกัน เธอก็เหมือนนกดุเหว่าที่ฟูมฟักเลี้ยงลูกที่กาแอบมาฝากไว้ โดยไม่รู้ว่าเป็นลูกคนอื่นตลอดเวลา 3 ปี เธอมีส่วนผูกพันกับเด็กทารกที่เธอเลี้ยงมาก เธอฟ้องร้องโรงพยาบาลถึงความผิดที่เกิดขึ้น แต่เธอมีข้อแม้ว่าเธอไม่ยอมแลกเปลี่ยนลูกกันเพราะความผูกพันที่ได้เลี้ยงดูมาตั้ง 3 ปี แม้จะไม่ใช่ลูกเธอเองแต่เธอก็รักเหมือนลูก ทั้งคู่ตกลงกันเช่นนั้น เธอบอกว่า เธออธิษฐานอยากให้ DNA ผิดพลาดแต่ก็เป็นไปไม่ได้ เธอทั้งคู่ก็เลยต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชีวิตครอบครัวมีความสุขต่อไป คือ "ทำใจ" นั่นเอง
เจ้า DNA หรือดีน่านับเป็นความลับที่มนุษย์เปิดเผยออกมาได้ประมาณเกือบศตวรรษแล้ว โดยบุคลสองคนคือ หมอวัตสันและคลิก นับเป็นผู้มีคุณูปการต่อวงการแพทย์มาก เป็นเวลาศตวรรษที่มนุษย์ได้ค้นคว้าศึกษาธรรมชาติ และความเป็นไปของ DNA เพื่อจะนำมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษยชาติ จนเกิดสาขาความรู้ใหม่อีกสาขาหนึ่งคือ เจเนทิค เอนจิเนียริ่ง (Genetic Engineering) หรือ วิศวกรรมพันธุศาสตร์ ปัจจุบันก้าวหน้าไปถึงขั้นที่สามารถ จะผลิตอะไหล่มนุษย์ในระดับโรงงานได้ ที่กำลังเป็นข่าวคือ การใส่หน่วยพันธุกรรมของมนุษย์เข้าไปในหมู เพื่อจะได้ตับหมูที่สามารถนำมาใส่ให้กับมนุษย์ได้ การนำเอาหน่วยพันธุกรรมของมนุษย์ไปใส่ให้สัตว์บางชนิด เพื่อให้สร้างโปรตีน ซึ่งเป็นสารสำคัญ ในองค์ประกอบ ของการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ เพื่อนำมาพัฒนาใช้รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งกำลังเป็นความหวังของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลายที่จะได้ใช้ยาถูกลง มีแนวโน้มว่าในอนาคตอาจจะนำมาใช้เป็นวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งได้
การศึกษา DNA ทำให้ปัจจุบันนักวิทยาศาตร์การแพทย์ได้เข้าใจกลไกการเกิดโรงมะเร็งมากขึ้น จากเดิมที่ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งเกิดจากอะไร คือ มืดสิบสองด้านมากกว่าที่เรียกว่า มืดแปดด้าน ปัจจุบันก็เริ่มสว่างหลายด้าน โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ได้พบยีนส์ หรือ หน่วยพันธุกรรมที่คุมการเกิดกลายพันธุ์เป็นมะเร็งซึ่งเรียกว่า BRCA มีทั้ง 1 และ 2 และรู้ตำแหน่งของพันธุกรรมนี้ สามารถที่จะตรวจค้นหาความผิดปกติในคนไข้ได้ แต่ในปัจจุบันยังมีความยุ่งยาก และราคาแพง ความรู้แขนงนี้มีประโยชน์ในทางเวชศาสตร์ป้องกันมาก เพราะแนวโน้มของมะเร็งเต้านมในประเทศไทยสูงขึ้น ๆ ทุกปี จากการพบหน่วยพันธุกรรมควบคุมการเกิดมะเร็งเต้านม ก็ทำให้มีการศึกษาวิจัยมากมาย ออกมาถึงการค้นพบยีน์ที่ควบคุมการเกิดมะเร็งของอวัยวะต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ขบวนการตรวจค้นก็ได้รับการพัฒนามากขึ้น จนปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ร่วมกันหลาย ๆ ประเทศในอันที่จะจัดทำการศึกษาหน่วยกรรมพันธุ์ทั้งหมดของมนุษย์หรือ "ยีนแมพพิ่ง" (Gene Mapping) เพื่อหาว่าหน่วยพันธุกรรมใด ควบคุมอวัยวะหรือกิจกรรมใดของร่างกายมนุษย์
ในอนาคตการรักษาโรคทางพันธุกรรม อาจจะเป็นไปได้โดยการใช้ วิศวกรรมพันธุศาสตร์ ตัดต่อเอาหน่วยพันธุกรรมผิดปกติออก และนำหน่วยพันธุกรรมที่ดีเข้าไปแทนที่ ต่อไปอาจจะมีการคัดเลือกลักษณะของลูกหลานที่จะให้เกิดมาได้ โดยกรอกข้อมูลความต้องการให้ทางหน่วยงานแพทย์ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ เพื่อคัดเลือกยีนส์ที่จะให้กับบุตรหลานต่อไป โลกมนุษย์ก็จะมีแต่คนประเภท Dark Tall and handsome ทั่วโลก โลกมนุษย์ก็คงจะขาดความหลากหลายทางชีวภาพ มีแต่คนระดับมันสมองชั้นเลิศ ไม่มีคนใช้แรงงานอีกต่อไป ทุกคนฉลาดเท่าเทียมกัน รูปร่างใกล้เคียงกัน จิตใจก็อาจจะใกล้เคียงกัน ที่สำคัญคือ ภูมิต้านทานภายในก็คล้ายคลึงกันหมด เมื่อใดก็ตามที่เกิดโรคติดต่อร้ายแรงขึ้นมาก็จะกระจายเป็นไปพร้อม ๆ กันทั่วโลก เพราะภูมิต้านทานเป็นลักษณะเดียวกัน และแล้วก็จะถึงกาลอวสานของมนุษยชาติตามมา สิ่งที่กล่าวมานั้นมีแนวโน้มว่ามนุษย์ทำได้ เพียงแต่จะลงมือปฏิบัติหรือไม่ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า เทคโนโลยีถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็จะหวนกลับเอาโทษร้ายมาสู่ผู้ใช้อย่างยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งตัวอย่างในปัจจุบันที่กำลังผจญอยู่ เช่น การคิดค้นน้ำมันปิโตเลียมได้ เป็นการผลักโลก จากยุคถ่านหินมาสู่ยุคเครื่องจักร เพราะการใช้น้ำมันปิโตเลียมทำให้เกิดการพัฒนาอย่างมากทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตมนุษย์ มนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น ๆ ทุกทีจาก 80 วันรอบโลก ปัจจุบันอาจจะไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็รอบโลกได้แล้ว มนุษย์เสพความสะดวกสบาย ซึ่งเป็นผลพวงของเทคโนโลยี
จนปัจจุบันมนุษย์ก็กำลังยุ่งยากกับการแก้ปัญหาที่เกิดจากเทคโนโลยี ชั้นโอโซนที่หายไปของบรรยากาศก็ดี สภาวะเรือนกระจกของโลกก็ดี มวลพิษตะกั่วในอากาศ จากการใช้น้ำมันกับเครื่องยนต์ ป่าไม้ถูกทำลาย สัตว์และพืชที่สูญพันธุ์ไปมากมาย เหล่านี้ก็คือผลของเทคโนโลยี
โคลนนิ่งหรือสำเนามนุษย์ เป็นผลงานแสดงความก้าวหน้าของวิศวกรรมพันธุศาสตร์ ซึ่งทั่วโลกประนาม และไม่ยินยอมให้พัฒนา เพราะเข้าใจถึงพิษภัยของมนุษยชาติ ขณะนี้การศึกษา DNA ทั้งระบบ ก็กำลังกลัวเกรงถึงผลกระทบที่จะตามมา ประโยชน์ทางการแพทย์นั้นมีมากมายมหาศาลทั้งในเชิงป้องกัน และการรักษาโรค แต่ผลกระทบทางสังคมนั้นก็น่ากลัวมาก คนจะตกงานเพิ่มมากขึ้น เสถียรภาพทางสังคมจะถูกกระทบ เพราะเมื่อมนุษย์ทุกคนสามารถทราบถึงพิมพ์เขียวชีวิต ของตัวเองว่ามีหน่วยพันธุกรรมที่บกพร่องอย่างไร การว่าจ้างเข้าทำงานก็จะถูกปฏิเสธ ถ้านายจ้างทราบว่ามีหน่วยพันธุกรรม ที่ส่อแสดงว่าจะมีโรคเรื้อรังหรือโรคร้าย ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทต้องสั่งเปลี่ยนงบประมาณในการรักษาพยาบาลแก่ผู้นั้นเมื่อรับเข้าทำงาน ไม่เท่านั้นการประกันชีวิต การประกันภัย ประกันสุขภาพ บุคคลเหล่านี้ก็จะถูกบริษัทประกันปฏิเสธ เพราะมีแนวโน้มที่ทางบริษัทประกัน จะต้องจ่ายเงินให้จำนวนมาก
บุคคลนั้นก็จะไม่มีหลักประกันทางสังคม ถ้าเกิดการทำแมพพิ่งตั้งแต่เยาว์วัยก็มีสิทธิ์ที่จะขึ้นคาน เพราะไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนที่มีอนาคตเป็นโรคเรื้อรัง มนุษย์คงจะใกล้เคียงกับเครื่องจักร ไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เหลืออยู่เท่าใด เพราะจะทราบอายุใช้งานของตัวเอง คงมีแต่ความท้อถอยหดหู่ เพราะรู้อนาคตว่าจะต้องผจญกับโรคอะไรบ้าง อาจจะมีโรงงานทำลายมนุษย์ก่อนที่จะเกิดโรค หรือมีโรงงานที่ให้มนุษย์เข้ามารับการเปลี่ยนอะไหล่ คล้ายเครื่องยนต์พอหมดอายุใช้งานก็เปลี่ยนอุปกรณ์ หรือถ้าเห็นจะหนักก็เข้าป่าช้ารถยนต์เพื่อทำลาย แล้วนำไปหลอมใหม่ แต่มนุษย์ก็ทำในลักษณะเดียวกันได้ คือ เก็บเอาหน่วยพันธุกรรม ไว้ในนิวเคลียสไปทำโคลนนิ่ง หรือสำเนามนุษย์ขึ้นมาใหม่ ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังทำแผนที่พันธุกรรมมนุษย์ให้ก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เมื่อเสร็จครบแล้ว และสามารถจะพัฒนาระบบตรวจสอบขึ้นมาได้ มนุษย์ทุกคนก็สามารถจะรู้อนาคตในบางลักษณะได้ สังคมมนุษย์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารกันเลยทีเดียว
ดูเถอะเพียงแค่ปัญหา Y 2 K เป็นปัญหาเครื่องจักร มนุษย์ทั้งโลกยังปั่นป่วนมากมายขนาดหนัก ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เองโดยมีพื้นฐานคือ DNA ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต มนุษยชาติคงจะปั่นป่วนขนาดทสึนามิกันเลยทีเดียว นี่คืออานุภาพของดีน่า ( D-NA)
น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
main |