หนึ่งในบรรดาคำถาม
อันสร้างความกระอักกระอ่วน
ให้แก่สังคมยุคปฏิวัติพันธุกรรมก็คือ
ผู้คนจะยังคงอยากรู้สิ่งผิดปกติ
ในพันธุกรรมของตน
ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้อยู่อีกหรือ
วิกกี บาโลจห์ แห่งมิชิแกน
เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังประสบความยุ่งยากใจ
กับปัญหาในลักษณะนี้ด้วยเหตุที่เธอ
กำลังรอคอยผลการทดสอบว่า
เธอมียีนของโรคอะทาเซีย (ATAXIA)
อยู่ในตัวหรือไม่
โรคที่ทำให้ร่างกาย
เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วนี้
คร่าชีวิตแม่ของเธอ
เมื่ออายุเพียง 52 ปี
และกำลังเริ่มต้น
ทำลายใยประสาทในสมอง
และไขสันหลังของน้องชายทั้งสามของเธอ
"ตอนนี้ฉันอายุ 35
และทุกอย่างยังคงเป็นปกติ
แต่ถ้าเขาค้นพบยีนอะทาเซีย
ในเซลล์ของฉัน
นั่นจะหมายถึงอาชีพการงาน
และชีวิตที่เหลือของฉัน
จะพลิกผันอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว"
วิกกีรำพึงอย่างหวาดหวั่น
สำหรับชาวอเมริกันทุกวันนี้
ข้อมูลพันธุกรรม
กำลังจะกลายเป็นความลับส่วนตัว
ที่ต้องรักษาไว้อย่างสุดชีวิต
(แม้ในทางปฏิบัติ
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม)
ด้วยเหตุที่ว่าองค์กรทางธุรกิจต่างกำลังตื่นตัว |
ถ้าหากการทดสอบทางพันธุกรรม
เพื่อระบุชนิดของโรคทั้งหมดที่คุณมี
โอกาสจะเป็นในอนาคตสามารถกระทำได้
คุณจะเข้ารับการทดสอบดังกล่าวหรือไม่
ตอบรับ 50%
ปฏิเสธ 49%
ถ้าหากคุณหรือคู่สมรสตั้งครรภ์
คุณต้องการจะตรวจสอบความผิดปกติ
ทางพันธุกรรมของลูกในครรภ์หรือไม่
ตอบรับ 58%
ปฏิเสธ 39%
คุณคิดว่ากฎหมายควรจะอนุญาต
ให้นายจ้างใช้ผลการตรวจสอบพันธุกรรม
เป็นเกณฑ์ตัดสินใจเลือกบุคลากร
เข้าทำงานหรือไม่
ตอบรับ 9%
ปฏิเสธ 87%
ข้อมูลจากการสอบถามชาวอเมริกัน
ที่บรรลุนิติภาวะ จำนวน 500 คนทางโทรศัพท์
ในวันที่ 2 ธันวาคม 2536
โดยบริษัท แยนเคโลวิช พาร์ตเนอร์
ซึ่งจัดทำข้อมูลให้แก่ไทม์และซีเอ็นเอ็น
|