นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ
การค้นพบยาใหม่ที่เป็นข่าวโด่งดังและฮือฮากันไปทั่วโลกได้แก่การพบยาที่สามารถ ช่วยให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายได้ภายหลังจากใช้ยา
ตอนแรกทีเดียว มีการพบยาชนิดฉีดที่ต้องฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศชายแล้วทำให้เกิด การแข็งตัว แต่เกิดปัญหาว่าใครจะเป็นผู้ฉีด ถ้าจะให้ผู้ชายที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพ ทางเพศต้องไปหาแพทย์ หรือพยาบาล ทุกครั้งที่จะร่วมเพศเพื่อฉีดยาเสียก่อน ก็คงไม่สะดวกในทางปฏิบัติ ถ้าจะให้บุคคลที่ต้องใช้ยาฉีดยาเอง ก็เป็นเรื่องน่าหวาดเสียว และเป็นปัญหาด้านความปลอดภัย ยารูปแบบนี้ จึงมีข้อจำกัดในการใช้อยู่ในตัวเอง แต่ก็อาจมีผลดี ที่ทำให้มีการนำไปใช้จนเกินเหตุ และส่วนใหญ่จะใช้ภายใต้การควบคุม ของแพทย์เท่านั้น
ยารูปแบบที่สองเป็นชนิดแท่งใช้สอดเข้าไปในท่อปัสสาวะทางปลายอวัยวะเพศชาย ซึ่งให้ผลภายใน 15 นาที ผู้ใช้ส่วนใหญ่ ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสะดวกในการสอดสิ่งแปลกปลอม เข้าไปในท่อปัสสาวะ และยังเกรงกันว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเจ็บปวดได้
ยาชนิดกินเป็นแบบที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เพราะใช้สะดวกกว่าแบบฉีด หรือแบบสอด วิธีใช้ต้องกินยาก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณหนึ่งชั่วโมง ได้ผลในผู้ใช้ยาประมาณร้อยละ 60 ถึง 70
การค้นพบยานี้มีฤทธิ์ทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ เป็นเรื่องของความบังเอิญที่เกิดขึ้น ระหว่างทดลองใช้ยา Sildenafil ในการลดความดันโลหิต กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศ เกิดขึ้นโดยที่มีการหลั่งสาร nitric oxide (NO) ที่อวัยวะเพศชาย เมื่อถูกกระตุ้นระหว่างมี เพศสัมพันธ์ สารนี้จะไปกระตุ้น enzyme guanylate cyclase ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของ cyclic guanosine monophosphate (cGMP) เป็นผลให้กล้ามเนื้อเรียบในอวัยวะเพศชายคลายตัว และเลือดไหลเข้าไปคั่งจนมีการพองตัวของอวัยวะเพศ ยา Sildenafil ออกฤทธิ์โดยการยับยั้ง สารที่มาทำลาย cGMP
ยานี้นับว่ามีประโยชน์มาก เมื่อนำไปใช้อย่างเหมาะสม ด้วยความระมัดระวัง ผู้ที่น่าจะได้ประโยชน์ จากการใช้ยานี้ ได้แก่คู่สมรสที่ฝ่ายชายมีอาการหย่อนสมรรถภาพ ทางเพศไปก่อนเวลาอันควร ในขณะที่ฝ่ายหญิงยังมีสภาพคล่องทางเพศเหลือเฟือ จนอาจก่อให้เกิดความขับข้องใจอย่างรุนแรง และมีผลเสียทางจิตสังคมเกิดขึ้น
แต่ในความเป็นจริงพบว่าผู้ที่ตื่นเต้นและไขว่คว้าหายานี้มาใช้โดยไม่ต้องรอให้มีการนำยา เข้ามา อย่างถูกต้อง และให้แพทย์เป็นผู้สั่ง กลับกลายเป็นชายอายุมากผู้มีอันจะกิน และมีความปรารถนา จะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตน คำถามจึงเกิดขึ้นว่า การใช้ยาในลักษณะอย่างนี้ ถือว่าเป็นการใช้ยาในทางที่ผิด (abuse) หรือไม่
ยาหลายชนิดมีประโยชน์ในมางการแพทย์ เช่น แอมเฟตามีน (amphetamine) ใช้รักษาเด็กซน และสมาธิสั้นได้ดี สารพวกฝิ่นอนุพันธ์ฝิ่น เช่น มอร์ฟีนและเฮโรอีน ใช้เป็นยาระงับ ความเจ็บปวดได้ดีมากในรายผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด หรือเป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย เมื่อสารเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่สมควร ก็กลายเป็น สารเสพติดที่มีโทษร้ายแรงได้ หากถามว่าทำไมจึงนำยาปลุกนกเขา มาเทียบกับสารเสพติด ก็ขอให้พิจารณาดูว่า การเสพกาม ติดได้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเสพโดยไม่มีบันยะบันยัง
บางคนอาจคิดว่าการใช้ยาปลุกนกเขาเพื่อการสมสู่ของเขาไม่ว่ากับใครเป็นเรื่องส่วนตัว ที่เขามีสิทธิ์ทำได้ ข้อนี้ขอให้เปรียบเทียบกับการเสพกัญชา, เฮโรอีนหรือยาเสพติดทั้งหลาย ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่ แล้วทำไมจึงต้องถือว่าผิดกฎหมายด้วยเล่า แสดงว่าผลกระทบต่อสังคมคงต้องมีมากกว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างเดียว
ในสังคมฝรั่งบางประเทศ การสมสู่กันดูจะเป็นเรื่องง่ายและเป็นอิสระเสรีมาก ดังที่สะท้อนออกมาในภาพยนต์และสื่อต่าง ๆ บางทีรู้จักกันไม่นาน แค่คุยกันถูกคอ ปิ๊งกันหน่อยเดียว ก็ไปนอนด้วยกันแล้ว
วัฒนธรรมไทย แต่ไหนแต่ไรมา สอนให้เรามีความสำรวมในกาม ให้รู้จักความละอาย และไม่ให้ลูกผู้หญิงปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนหมดคุณค่าในตัวเอง ปรัชญาเกี่ยวกับเรื่องเพศ ของไทย จึงเป็นแบบ "อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา"
ปรัชญาของฝรั่งโดยส่วนใหญ่ถือว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นความจำเป็นของชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิต แต่สังคมไทยส่วนใหญ่ยังมิได้มีความเห็นเช่นนั้น เราถือกันว่าจะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม โดยเฉพาะถ้าล่วงพ้นวัยหมดระดูไปแล้ว ซึ่งสังขารไม่อำนวยก็ควรหาความสุข จากการเรียนรู้ความเป็นจริงของชีวิตตามหลักพุทธศาสนา มากกว่าจะมาหมกมุ่นในเรื่องเพศ ตัวอย่างของคนไทยที่ครองตัวเป็นโสดโดยไม่มีกิจกรรมทางเพศ หรือบวชเป็นพระสงฆ์ ที่เคร่งครัดในศีลก็มีอยู่มากมาย ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หน้าตาอิ่มบุญ มิได้มีคุณภาพชีวิต ด้อยกว่าคนอื่น แต่อย่างใด
การที่จะนำยาปลุกนกเขามาใช้ในประเทศไทย จึงควรพิจารณาความแตกต่างทางวัฒนธรรม ให้ดีด้วย เพราะผลกระทบทางสังคมที่ตามมาอาจรุนแรง จนไม่สามารถควบคุมได้ ตัวอย่างของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการรับวัฒนธรรมฝรั่ง เข้ามาก็มีให้เห็นมากมาย เช่น การกินอาหารขยะที่เราต้องเสียค่าหัวคิวให้เขาทุกครั้งที่กิน ทำให้คนไทยป่วยและตาย ด้วยหลอดเลือดแข็งเพิ่มขึ้น เวลานี้นักร้องวัยรุ่นส่วนใหญ่ร้องเพลงไทยก็ไม่เป็นภาษาไทย แสดงถึงวัฒนธรรมไทยที่ถูกทำลาย การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นมาตรฐานในการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า ทำให้เขาฉวยโอกาสใช้เงินเป็นสินค้า และค้าขายเงินตราฟันกำไรจากเรา ไปจนเศรษฐกิจย่อยยับไปทั้งภูมิภาค
เรื่องของความปลอดภัยในการใช้ยา ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาเพราะไม่มียาตัวใด ที่มีแต่ประโยชน์โดยไม่มีโทษ หรือผลข้างเคียงเลย มียาใหม่หลายขนานที่ต้องถอนทะเบียนยา ออกไป หลังจากนำมาใช้สักปีสองปี เพราะมีผลข้างเคียงรุนแรงเกิดขึ้น
ยาปลุกนกเขาชนิดกิน เพิ่งใช้มาไม่นานก็มีรายงานว่า มีผู้ใช้ยาตายไปแล้วหลายราย ทั้งนี้เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่มีอายุค่อนข้างมาก และมักมีปัญหาทางกาย เช่นโรคหลอดเลือดอยู่แล้ว ประกอบกับการหักโหมจนเกินกำลัง ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติ ผิดกับคนในวัยหนุ่มซึ่งนกเขาขันเองได้ตามธรรมชาติ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้
การทำอะไรที่เป็นการฝืนธรรมชาติ จึงมักไม่เกิดผลดี และผลอาจเสียหายร้ายแรงถึงตายได้ ดังนั้นการพิจารณาขึ้นทะเบียนยาซึ่งมิใช่ยาช่วยชีวิตจึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน ควรรอดูท่าทีจนแน่ใจว่าปลอดภัย และคอยให้ราคายาถูกลงมากหน่อย เมื่อหมดสิทธิบัตรยาได้ ก็ยิ่งดี
การที่คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ขึ้นทะเบียนยานี้แล้วก็มิได้เป็น หลักประกันว่ายานี้ดีหรือปลอดภัย มียาหลายขนานที่เขาเคยขึ้นทะเบียนแล้ว ต่อมาก็ต้องถอนทะเบียนในภายหลัง ยาหลายชนิดที่ผลิตในประเทศทางยุโรป ก็ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนในสหรัฐอเมริกา
หากคิดว่าหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกามีความเป็นกลางและพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ด้วยความเที่ยงธรรมแล้ว ขอให้ดูบทบาทของสถาบันมูดี้ส์และแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ของเขา ในระยะที่ผ่านมาว่ามีความเป็นกลางเพียงใด และทำงานเพื่อใคร
เรื่องนี้คงสามารถชี้ให้เห็นได้ว่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องน่านับถือ ที่คนของเขาเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเขา ผิดกับคนของเราซึ่งยังมีจิตสำนึกในเรื่อง ผลประโยชน์ของประเทศชาติน้อยไปหน่อย ทั้งแพทย์และผู้ป่วยจึงได้ช่วยกันทำให้ค่าใช้จ่าย ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นเป็นปีละหมื่นกว่าล้านบาท เพราะค่านิยมชอบของนอก ทุ่มไม่อั้น จ่ายเท่าไรเท่ากัน เบิกจากรัฐได้ยิ่งดี
ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศเราโงหัวไม่ขึ้นอย่างนี้ ถ้านกเขาจะไม่ชูคอ เพราะความ ชราภาพ ก็ขอปล่อยให้มันอยู่อย่างสงบเถอะ ความสุขของคนเกิดจากใจมากกว่าเกิดจากจู๋ อย่าพยายามไปฝืนธรรมชาติ เหมือนกับจะไม่ยอมให้ตะวันตกดินเลย
นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ
main |