มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc

[ที่มา..หนังสือ UPDATE ปีที่ 12 ฉบับที่ 137 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2541]


ปราบยุงด้วยสารจากใบสาบแมว


ยุงนั้นร้ายกว่าเสือ...
เพราะในแต่ละปีมีคนเป็นจำนวนมาก
ที่ต้องตายไปเพราะยุงมากกว่าตายเพราะเสือ

เนื่องจากยุงเป็นพาหะนำโรคร้ายๆ ที่สามารถคร่าชีวิตคนได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคมาลาเรีย ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ หรือโรคไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะ เป็นต้น ดังนั้น การสู้รบตบยุงก็คงเป็นเรื่องของคนเรา ที่จะต้องทำกันต่อไปเพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพ ตราบใดที่ยังมียุงเป็นเพื่อนร่วมโลกกับคนเราอยู่...

การใช้สารสังเคราะห์ทางเคมีนานาชนิดในการปราบยุง ก็นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่ผลข้างเคียงจากสารสังเคราะห์เหล่านั้น ซึ่งย้อนกลับมากระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลมาถึงมนุษย์นั้นเล่า ก็ยังเป็นปัญหาที่แก้กันไม่ตก ปัจจุบันจึงมีการสนับสนุน ให้ใช้วิธีธรรมชาติในการปราบยุงกันมากขึ้น อาทิ การใช้สารสกัดจากธรรมชาติซึ่งส่วนมากจะได้จากพืชชนิดต่างๆ มาใช้ในการปราบยุง

ในเรื่องของการปราบยุงโดยใช้สารสกัดจากธรรมชาตินี้ ถ้าไปถามนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มหนึ่ง จากโรคเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่แล้ว นักเรียนกลุ่มนี้จะบอกว่า "สารสกัดจากใบสาบแมว" ก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน เพราะพวกเธอและเขาได้ทดลองกันทำมาแล้ว ในโครงงานวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่า

"การศึกษาผลของสารจากใบสาบแมว ในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย"

กลุ่มนักเรียนเจ้าของโครงงานเรื่อง ศึกษาผลของสารจากใบสาบแมวในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย ประกอบด้วย นางสาวธิดารัตน์ เปลี่ยนพานิช, นายชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา และนายนัทธี สุรีย์ โดยนักเรียนกลุ่มนี้มีมุมมองว่า การใช้สารสังเคราะห์ทางเคมี ในการฆ่าลูกน้ำยุงป้องกันการวางไข่ของยุงและไล่ยุงนั้น ก่อให้เกิดโทษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พวกเธอและเขาจึงมีแนวคิดว่าน่าจะทดลองสกัดสารจากพืชบางชนิด เพื่อนำมาใช้ในการกำจัดยุงแทน โดยได้ศึกษาหาสารสกัดจากพืช ที่มีผลต่อยุงร้าย 2 ชนิด คือ ยุงก้นปล่องและยุงลาย

จากการสังเกตเห็นว่า น้อยหน่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเห็บเหาได้ดี นักเรียนกลุ่มนี้จึงสันนิษฐานว่าพืชในตระกูลเดียวกัน น่าจะมีฤทธิ์ในการป้องกันและไล่แมลงได้ จึงคัดเลือกพืช 3 ชนิด คือ สายหยุด กระดังงาไทย และสาบแมว มาทำกรทดลอง

เริ่มจากการนำใบพืชทั้งสามชนิดมาอบแห้ง ป่น และสกัดด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยให้สารสกัดในขั้นตอนสุดท้ายมีความเข้มข้น 37.5 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร จากนั้นนำสารสกัดจากใบสายหยุด ใบกระดังงาไทย และใบสาบแมวมาผสมน้ำกลั่น ใส่ลูกน้ำยุงก้นปล่องลงไปกลุ่มละ 50 ตัว สังเกตอัตราการฆ่าลูกน้ำยุงก้นปล่องภายในเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดลองพบว่า สารสกัดจากใบสาบแมว ทำให้ลูกน้ำยุงก้นปล่องตายมากที่สุดถึงร้อยละ 98 นักเรียนจึงคัดเลือกสารสกัดจากใบสาบแมวไปทำการทดลองต่อ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงสุดและต้นสาบแมว ยังเป็นวัชพืชที่หาง่ายอีกด้วย

นักเรียนทดลองหาความเข้มข้นที่เหมาะสมของสารสกัดจากใบสาบแมว โดยทดลองกับลูกน้ำยุงก้นปล่อง 3 ขนาด คือ ขนาด 5 มม. 3 มม. และ 1 มม. หลังจากทิ้งไว้ 20 ชั่วโมง ปรากฏว่า ความเข้มข้น 15 และ 20 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร สามารถกำจัดลูกน้ำยุงก้นปล่องทั้งสามขนาดได้ดี และเมื่อนำสารสกัดจากใบสาบแมวที่มีความเข้มข้น 15 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร มาทดลองหาระยะเวลาที่เหมาะสมในการฆ่าลูกน้ำยุง พบว่าลูกน้ำยุงก้นปล่องจะตายหมดภายใน 15 ชั่วโมง และลูกน้ำมีอัตราการตายสูงสุดในชั่วโมงที่สี่และห้า และยังศึกษาพบว่าสารสกัดจากใบสาบแมวที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง มีอายุการใช้งานได้เกินกว่า 7 วัน

นอกจากนี้ นักเรียนกลุ่มนี้ยังได้ศึกษาถึงประสิทธิภาพ ของสารสกัดจากใบสาบแมวในการป้องกันการวางไข่ของยุงก้นปล่อง โดยนำสารละลายความเข้มข้นต่างๆ ใส่ในกรงทดลอง ที่มียุงโตเต็มวัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากใบสาบแมวที่มีความเข้มข้น 1.6 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร สามารถป้องกันการวางไข่ของยุงก้นปล่องได้ดี และเมื่อทดลองความสามารถในการไล่ยุง โดยใช้ไม้พันสำลีชุบสารสกัดใส่ในกรงทดลองที่มียุงก้นปล่อง โตเต็มวัยอยู่ พบว่าสารสกัดที่มีความเข้มข้น 6.25 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร สามารถไล่ยุงก้นปล่องได้ดี โดยใช้ไล่ยุงได้นานกว่า 12 ชั่วโมง

และเนื่องจากยุงลายก็เป็นยุงพาหะของโรคที่พบทั่วไปอีกชนิดหนึ่ง นักเรียนจึงทดลองใช้สารสกัดจากใบสาบแมว ในการฆ่าลูกน้ำของยุงลายซึ่งผลปรากฏว่า สารสกัดจากใบสาบแมวไม่สามารถกำจัดลูกน้ำยุงลายได้ แต่สามารถป้องกันการวางไข่ได้ดี และจากการทดลองของนักเรียน พบว่า สารสกัดจากใบสาบแมวจากเอทิลแอลกอฮอล์ ทำให้ยุงลายไม่มาเกาะมือผู้ทดลองคือ 25 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร

สำหรับการทดลองหาผลกระทบของสารสกัด จากใบสาบแมวต่อสิ่งแวดล้อมนั้น นักเรียนกลุ่มนี้ ได้ทดลองนำสารสกัดใส่ลงในน้ำที่มีปลาหางนกยูงอยู่ ปรากฏว่าสารสกัดใบสาบแมวจากเอทิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 30 กรัมน้ำหนักดิบ/ลิตร ไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปลาหางนกยูง

และเมื่อนำสารสกัดจากใบสาบแมวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์โลชั่นกันยุง พบว่าโลชั่นดังกล่าวมีระยะการออกฤทธิ์ได้นานถึง 5 ชั่วโมง และในขณะนี้นักเรียนกำลังทดสอบประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ที่ใช้สารสกัดจากใบสาบแมว คือ ครีมกันยุง และประทีปไล่ยุง ซึ่งหากได้ผลดีจะช่วยให้สารสกัดจากใบสาบแมวได้รับความนิยมมากขึ้น อันจะเป็นการลดปริมาณสารสังเคราะห์ทางเคมี ที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

โครงงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มนี้ นับเป็นโครงงานที่น่าสนใจโครงงานหนึ่งในการหาวิธีการกำจัดยุง ด้วยสารที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงงานนี้ ได้รับการส่งเข้าร่วมประกวดตามโครงการ "เยาวชนสร้างสรรค์กับไซโก" ประจำปี 2540 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการประกาศรางวัล ณ ห้องมหกรรม ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) เมื่อเร็วๆ นี้ก็ปรากฏว่า โครงงานเรื่อง "การศึกษาผลของสารจากใบสาบแมวในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย" นี้เป็นโครงการวิทยาศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลที่ 1 มาเป็นการันตีเสียด้วย

เหยี่ยวข่าวหน้าหยก


ขอบคุณนิตยสาร UPDATE ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1