|
ยุงนั้นร้ายกว่าเสือ...
เพราะในแต่ละปีมีคนเป็นจำนวนมาก
ที่ต้องตายไปเพราะยุงมากกว่าตายเพราะเสือ
|
เนื่องจากยุงเป็นพาหะนำโรคร้ายๆ
ที่สามารถคร่าชีวิตคนได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคมาลาเรีย
ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ หรือโรคไข้เลือดออกที่มียุงลายเป็นพาหะ เป็นต้น
ดังนั้น การสู้รบตบยุงก็คงเป็นเรื่องของคนเรา
ที่จะต้องทำกันต่อไปเพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพ
ตราบใดที่ยังมียุงเป็นเพื่อนร่วมโลกกับคนเราอยู่...
การใช้สารสังเคราะห์ทางเคมีนานาชนิดในการปราบยุง
ก็นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่ผลข้างเคียงจากสารสังเคราะห์เหล่านั้น ซึ่งย้อนกลับมากระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลมาถึงมนุษย์นั้นเล่า
ก็ยังเป็นปัญหาที่แก้กันไม่ตก ปัจจุบันจึงมีการสนับสนุน
ให้ใช้วิธีธรรมชาติในการปราบยุงกันมากขึ้น อาทิ การใช้สารสกัดจากธรรมชาติซึ่งส่วนมากจะได้จากพืชชนิดต่างๆ
มาใช้ในการปราบยุง
ในเรื่องของการปราบยุงโดยใช้สารสกัดจากธรรมชาตินี้ ถ้าไปถามนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มหนึ่ง
จากโรคเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่แล้ว
นักเรียนกลุ่มนี้จะบอกว่า "สารสกัดจากใบสาบแมว"
ก็ใช้ได้ผลเหมือนกัน เพราะพวกเธอและเขาได้ทดลองกันทำมาแล้ว ในโครงงานวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่า
"การศึกษาผลของสารจากใบสาบแมว
ในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย"
กลุ่มนักเรียนเจ้าของโครงงานเรื่อง
ศึกษาผลของสารจากใบสาบแมวในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย
ประกอบด้วย นางสาวธิดารัตน์ เปลี่ยนพานิช,
นายชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา และนายนัทธี สุรีย์
โดยนักเรียนกลุ่มนี้มีมุมมองว่า การใช้สารสังเคราะห์ทางเคมี
ในการฆ่าลูกน้ำยุงป้องกันการวางไข่ของยุงและไล่ยุงนั้น
ก่อให้เกิดโทษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พวกเธอและเขาจึงมีแนวคิดว่าน่าจะทดลองสกัดสารจากพืชบางชนิด เพื่อนำมาใช้ในการกำจัดยุงแทน โดยได้ศึกษาหาสารสกัดจากพืช
ที่มีผลต่อยุงร้าย 2 ชนิด คือ ยุงก้นปล่องและยุงลาย
จากการสังเกตเห็นว่า น้อยหน่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเห็บเหาได้ดี นักเรียนกลุ่มนี้จึงสันนิษฐานว่าพืชในตระกูลเดียวกัน
น่าจะมีฤทธิ์ในการป้องกันและไล่แมลงได้
จึงคัดเลือกพืช 3 ชนิด คือ สายหยุด กระดังงาไทย และสาบแมว
มาทำกรทดลอง
เริ่มจากการนำใบพืชทั้งสามชนิดมาอบแห้ง ป่น
และสกัดด้วยเอทิลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์
โดยให้สารสกัดในขั้นตอนสุดท้ายมีความเข้มข้น 37.5 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร จากนั้นนำสารสกัดจากใบสายหยุด ใบกระดังงาไทย
และใบสาบแมวมาผสมน้ำกลั่น ใส่ลูกน้ำยุงก้นปล่องลงไปกลุ่มละ 50 ตัว สังเกตอัตราการฆ่าลูกน้ำยุงก้นปล่องภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ซึ่งจากการทดลองพบว่า สารสกัดจากใบสาบแมว
ทำให้ลูกน้ำยุงก้นปล่องตายมากที่สุดถึงร้อยละ 98 นักเรียนจึงคัดเลือกสารสกัดจากใบสาบแมวไปทำการทดลองต่อ
เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงสุดและต้นสาบแมว
ยังเป็นวัชพืชที่หาง่ายอีกด้วย
นักเรียนทดลองหาความเข้มข้นที่เหมาะสมของสารสกัดจากใบสาบแมว โดยทดลองกับลูกน้ำยุงก้นปล่อง 3 ขนาด คือ ขนาด 5 มม. 3 มม.
และ 1 มม. หลังจากทิ้งไว้ 20 ชั่วโมง ปรากฏว่า
ความเข้มข้น 15 และ 20 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร
สามารถกำจัดลูกน้ำยุงก้นปล่องทั้งสามขนาดได้ดี
และเมื่อนำสารสกัดจากใบสาบแมวที่มีความเข้มข้น 15 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร มาทดลองหาระยะเวลาที่เหมาะสมในการฆ่าลูกน้ำยุง
พบว่าลูกน้ำยุงก้นปล่องจะตายหมดภายใน 15 ชั่วโมง และลูกน้ำมีอัตราการตายสูงสุดในชั่วโมงที่สี่และห้า และยังศึกษาพบว่าสารสกัดจากใบสาบแมวที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
มีอายุการใช้งานได้เกินกว่า 7 วัน
นอกจากนี้ นักเรียนกลุ่มนี้ยังได้ศึกษาถึงประสิทธิภาพ
ของสารสกัดจากใบสาบแมวในการป้องกันการวางไข่ของยุงก้นปล่อง โดยนำสารละลายความเข้มข้นต่างๆ ใส่ในกรงทดลอง
ที่มียุงโตเต็มวัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากใบสาบแมวที่มีความเข้มข้น 1.6 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร สามารถป้องกันการวางไข่ของยุงก้นปล่องได้ดี
และเมื่อทดลองความสามารถในการไล่ยุง
โดยใช้ไม้พันสำลีชุบสารสกัดใส่ในกรงทดลองที่มียุงก้นปล่อง
โตเต็มวัยอยู่ พบว่าสารสกัดที่มีความเข้มข้น 6.25 กรัมน้ำหนักแห้ง/ลิตร สามารถไล่ยุงก้นปล่องได้ดี โดยใช้ไล่ยุงได้นานกว่า 12 ชั่วโมง
และเนื่องจากยุงลายก็เป็นยุงพาหะของโรคที่พบทั่วไปอีกชนิดหนึ่ง นักเรียนจึงทดลองใช้สารสกัดจากใบสาบแมว
ในการฆ่าลูกน้ำของยุงลายซึ่งผลปรากฏว่า
สารสกัดจากใบสาบแมวไม่สามารถกำจัดลูกน้ำยุงลายได้
แต่สามารถป้องกันการวางไข่ได้ดี และจากการทดลองของนักเรียน
พบว่า สารสกัดจากใบสาบแมวจากเอทิลแอลกอฮอล์
ทำให้ยุงลายไม่มาเกาะมือผู้ทดลองคือ 25 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร
สำหรับการทดลองหาผลกระทบของสารสกัด
จากใบสาบแมวต่อสิ่งแวดล้อมนั้น นักเรียนกลุ่มนี้
ได้ทดลองนำสารสกัดใส่ลงในน้ำที่มีปลาหางนกยูงอยู่ ปรากฏว่าสารสกัดใบสาบแมวจากเอทิลแอลกอฮอล์
ความเข้มข้น 30 กรัมน้ำหนักดิบ/ลิตร
ไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปลาหางนกยูง
และเมื่อนำสารสกัดจากใบสาบแมวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์โลชั่นกันยุง พบว่าโลชั่นดังกล่าวมีระยะการออกฤทธิ์ได้นานถึง 5 ชั่วโมง และในขณะนี้นักเรียนกำลังทดสอบประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ที่ใช้สารสกัดจากใบสาบแมว คือ ครีมกันยุง และประทีปไล่ยุง ซึ่งหากได้ผลดีจะช่วยให้สารสกัดจากใบสาบแมวได้รับความนิยมมากขึ้น อันจะเป็นการลดปริมาณสารสังเคราะห์ทางเคมี
ที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
โครงงานวิทยาศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มนี้
นับเป็นโครงงานที่น่าสนใจโครงงานหนึ่งในการหาวิธีการกำจัดยุง
ด้วยสารที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงงานนี้
ได้รับการส่งเข้าร่วมประกวดตามโครงการ
"เยาวชนสร้างสรรค์กับไซโก" ประจำปี 2540 ที่ผ่านมา
ซึ่งผลการประกาศรางวัล ณ ห้องมหกรรม
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ)
เมื่อเร็วๆ นี้ก็ปรากฏว่า โครงงานเรื่อง "การศึกษาผลของสารจากใบสาบแมวในการกำจัดยุงก้นปล่องและยุงลาย" นี้เป็นโครงการวิทยาศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลที่ 1
มาเป็นการันตีเสียด้วย
เหยี่ยวข่าวหน้าหยก
|