นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ
เห็ดในธรรมชาติมีมากมายนับพันชนิด มีเพียงไม่กี่ชนิด ที่มีการเพาะขายเชิงพาณิชย์ เราสามารถพบเห็นเห็ดได้ทั่วไป เช่น สนามหญ้า ตามขอบไม้ หรือกิ่งไม้ที่ตายแล้ว ตามใต้ต้นไม้ หรือเปลือกต้นไม้ ในสวนในวนอุทยาน และในป่า
การเป็นพิษจากเห็ดเกิดจากการรับประทานเห็ดเข้าไป ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ที่ตั้งใจก็คือ เอามาปรุงอาหาร จะต้ม จะแกง หรือกินสดแล้วแต่อัชฌาศัย แบบนี้มักได้รับพิษกัน หลายคนพร้อม ๆ กัน อาจเหมาทั้งคณะ หรือทั้งครอบครัวเลยถ้าทุกคนกิน
อีกแบบคือไม่ตั้งใจครับ มักเกิดกับเด็ก ๆ เห็นเห็ดน่ากินก็หยิบใส่ปากเคี้ยวเล่นไป โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พ่อแม่มารู้เอาตอนเห็นเห็ดอยู่ในปากเด็กแล้ว แบบนี้มักเกิดในบ้านที่มีบริเวณกว้าง หรือมีสนามหญ้า มีสวนที่มีเห็ดขึ้น หรือพาเด็กไปเที่ยวตามสวนป่าครับ
พ่อแม่ก็ต้องตกใจแน่ล่ะเพราะไม่รู้ว่ากินเข้าไปแค่ไหน หรือกิน หรือยัง หรือแค่ใส่ปากเฉย ๆ เรามารู้จักพิษของเห็ดกันก่อนนะครับ
ในบรรดาเห็ดเป็นพันชนิดที่มีในโลกนี้ คาดว่ามีร่วม 100 ชนิด ได้ที่เข้าข่ายเห็ดมีพิษ และมีราว 10 ชนิดครับที่พิษรุนแรงถึงชีวิตทีเดียว อาจแบ่งพิษจากเห็ด เป็นกลุ่ม ตามลักษณะพิษของมัน ดังนี้
กลุ่มที่ 1
พิษของเห็ดที่ชื่อว่า "อะแมนิติน่า" และ "ฟัลลอยดิน" จะเกิดอาการ หลังจากรับประทาน เข้าไปแล้ว 6 ถึง 36 ชั่วโมงครับ
อาการสำคัญ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด จะเป็นอยู่ราว 12-48 ชั่วโมง กรณีรุนแรงอาจเกิดภาวะตับวาย ไตวาย เลือดออก อาการทางระบบประสาท และอาจเสียชีวิตได้ใน 4-7 วัน สารพิษชนิดนี้ มีความรุนแรงมาก และยังคงทนความร้อนด้วย คือว่า แม้เอาไปต้ม ไปแกง ก็ยังมีพิษอยู่
ปริมาณสารพิษในเห็ดแต่ละดอกจะไม่แน่นอน ขึ้นกับฤดูกาลและท้องที่ด้วย ถ้าพิษมีมากรับประทานคำเดียวก็อาจตายได้ครับ
ในกลุ่มนี้ยังมีพิษอีกชนิดหนึ่งชื่อว่า "ออเรลลานิน" ซึ่งทนความร้อนเช่นกัน รับประทานเข้าไป 2 ถึง 14 วันจึงเกิดอาการ
อาการเป็นเช่นเดียวกับที่กล่าวมา และตามมาด้วยกระหายน้ำ, ปัสสาวะมาก, ต่อมาไตจะวาย และปัสสาวะน้อยลง
กลุ่มที่ 2
เป็นพิษของเห็ดเกิดสารพิษชื่อ "มัสซิโมล" และ "กรดอิโบเทนิค" เกิดอาการภายใน 30-60 นาที หลังรับประทาน
มีอาการทางจิตประสาทได้หลายแบบ ตั้งแต่ กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข ไปจนถึง เซื่องซึม มึนเมา และประสาทหลอน อาจพูดไม่ชัด เดินเซ เป็นตะคริว กรณีพิษมากจะเกิดอาการ อาเจียน ท้องร่วง และชัก
กลุ่มที่ 3
มีพิษต่อทางเดินอาหาร, เม็ดเลือดแดง, ตับ และประสาท สารพิษชื่อ "ไจโรมัยทริน" เกิดอาการภายใน 6 ถึง 12 ชั่วโมง หลังรับประทาน ถ้านำเห็ดไปต้มจนเดือดสัก 10 นาที พิษจะสลายตัวไปได้ 99% เห็ดดอกเดียวก็อาจเพียงพอที่จะเกิดพิษได้ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ
อาการตามมาด้วย อ่อนเพลีย ผิวออกเขียวคล้ำ ดีซ่าน ประสาทสับสน ชัก โคม่า และถึงแก่ชีวิต ภายใน 5-7 วัน
กลุ่มที่ 4
สารพิษจากเห็ดชนิดนี้ชื่อว่า มัสคาริน เกิดพิษภายใน 1 ชั่วโมง หลังรับประทาน มีส่วนน้อยที่พิษเกิดช้าใช้เวลาถึง 1 วัน
อาการประกอบด้วย ม่านตาหดเล็กลง น้ำลายไหล น้ำตาไหล เหงื่อออก ผิวหนังแดงและอุ่น อาจมีอาการคลื่นไส้ หัวใจเต้นช้า และหลอดลมหดตัว อาการจะลดลง และหายไป ภายใน 6-24 ชั่วโมง มักไม่รุนแรงถึงขนาดเสียชีวิต
กลุ่มที่ 5
สารพิษชื่อ "ค็อปปริน" พบในเห็ดที่อยู่ตามสนามหญ้า เอกลักษณ์ของพิษนี้คือ ทำให้เกิดอาการเมื่อดื่มสุราไปพร้อมกันกับการรับประทานเห็ด จะเกิดอาการ ภายในไม่กี่นาทีครับ
มีอาการผิวหนังแดง และอุ่น, เหงื่อแตก, คลื่นไส้, อาเจียน, ใจสั่น และเจ็บหน้าอก อาการจะดีขึ้นภายใน 2-4 ชั่วโมง บางคนอาจดื่มสุราไม่ได้นานถึง 48 ชั่วโมง หลังรับประทานเห็ดที่มีพิษนี้เข้าไป
กลุ่มที่ 6
สารพิษชื่อ "ซิโลไซนิน" และ "ซิโลซิน" เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการทางจิตประสาท รุนแรงกว่าพิษของกลุ่มที่ 2
เกิดอาการภายใน 20-60 นาที หลังรับประทาน เห็ดแค่ดอกเดียว ก็อาจทำให้เกิด อาการภาพหลอน และหัวเราะโดยไม่มีเรื่องขำ อาจมีคลื่นไส้ ม่านตาขยาย และหัวใจเต้นเร็ว อาจมีพิษต่อตับ และในเด็กอาจทำให้ไข้สูงและชัก
กลุ่มที่ 7
เป็นพิษหลายชนิดที่ยังไม่ทราบรายละเอียด และเป็นสารที่ระคายเคืองต่อ ระบบทางเดินอาหาร
อาการเกิดภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง เห็ดหลายชนิดทั้งกินดิบและสุก ทำให้เกิด อาการนี้ได้ คือ คลื่นไส้ อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ อาการพิษจากกลุ่มนี้จะค่อย ๆ หายไปภายใน 24 ชั่วโมง
เห็ดบางชนิดถ้าเก็บมาผิดฤดูกาล หรือในสภาพแวดล้อมผิดปกติ เช่น แห้งแล้ง ก็อาจทำให้เกิดอาการเป็นพิษได้ เพราะมีสารพิษเข้มข้นขึ้น
นอกจากพิษทั้ง 7 กลุ่มที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเห็ดอีกหลายชนิดที่มีพิษพิเศษออกไป แตกต่างจาก 7 กลุ่มนี้ เห็ดบางชนิดทำให้เกิดไตวาย โดยพิษที่แตกต่างจากพิษในกลุ่มที่ 1
เห็ดชนิดหนึ่งที่ใช้ประกอบยาจีน มีฤทธิ์ต่อการทำงานของเกร็ดเลือด เห็ดอีกชนิดทำให้เกิดโลหิตจางจากเม็ดเลือดแตกตัว
การรักษา
คงต้องแบ่งเป็น 2 กรณีครับ
กรณีแรก เมื่อยังไม่มีอาการของการเป็นพิษแสดงออกมาให้เห็น ถ้าเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ภาษา พบว่าเด็กกำเห็ดอยู่ หรือมีเห็ดในปาก ให้ถือไว้ก่อนว่าเด็กกินเข้าไปแล้ว รีบพาเด็กไปหาหมอครับ
หมอจะให้ยาทำให้เด็กอาเจียนออกมา แล้วให้ดื่มน้ำผสมผงถ่าน ตามเข้าไปดูดซับพิษ จากนั้นก็ต้องเฝ้าดูอาการกันล่ะ ( เช่น อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด) ดูไปอย่างน้อย 24 ชั่วโมงครับ ผู้ใหญ่ก็ทำอย่างเดียวกัน เว้นเสียแต่ว่า สามารถตรวจเห็ด ที่กินเข้าไปแล้ว (มีเหลืออยู่หรือนำตัวอย่างมาให้แพทย์) พบว่าไม่ใช่เห็ดมีพิษ ก็ไม่ต้องทำอะไร
กรณีที่สอง เกิดอาการของพิษจากเห็ดแล้ว แบบนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลแน่ แพทย์จะให้ยาทำให้อาเจียน ในกรณีที่
พิษกลุ่มที่ 1
ยังไม่มียาต้านพิษที่เฉพาะเจาะจง สำหรับเห็ดกลุ่มนี้ครับ แพทย์ต้องรักษาตามอาการ ประคับประคองไป ไตวายก็ต้องฟอกเลือดล้างไต ตับวายอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับ ถ้าทำได้
พิษกลุ่มที่ 2
อาการพิษจะค่อย ๆ หมดไปเองได้ เพียงแต่คอยดูแล ให้อยู่ในที่สงบเงียบ อาจให้น้ำเกลือช่วย ถ้ากระวนกระวายมากหรือชักก็ให้ยากล่อมประสาท หรือยาระงับการชัก
พิษกลุ่มที่ 3
ถ้าไตวายต้องฟอกเลือด ล้างไต รักษาภาวะทางตับ อาจให้วิตามินบี 6 และกรดโฟลิก เพื่อบรรเทาอาการทางระบบประสาทและระบบทางเดินอาหาร
พิษกลุ่มที่ 4
ถ้าอาการรุนแรงอาจให้ยาอะโทรปีน เข้าเส้นเลือดดำ
พิษกลุ่มที่ 5
พิษจะค่อย ๆ หมดฤทธิ์ไปเอง ห้ามให้ยาทำให้อาเจียนเพราะ ในยานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ จะทำให้เกิดอาการมากขึ้นอาจให้ยาแก้ใจสั่นหรือเกลือ ถ้าความดันโลหิตต่ำ
พิษกลุ่มที่ 6
ในผู้ใหญ่ให้รักษาแบบเดียวกับการรักษาพิษกลุ่มที่ 2 ครับ ในเด็กที่อาจมีไข้สูง ต้องช่วยลดไข้โดยเช็ดตัว หรือใช้น้ำเย็นช่วย ห้ามใช้แอสไพรินลดไข้
พิษกลุ่มที่ 7
รักษาตามอาการเช่น ให้น้ำเกลือ ให้ยาแก้อาเจียน เป็นต้น
การปฐมพยาบาล
คงจะใช้การล้วงคอให้อาเจียนโดยเร็วที่สุดครับ เมื่อสงสัยว่ารับประทานเห็ดพิษเข้าไปแล้ว การทำอาเจียนจะมีผลมาก ถ้าทำภายใน 30 นาที หลังรับประทาน แล้วก็อย่าไปพบแพทย์ หรือไปโรงพยาบาลนะครับ
นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ
main |