พญ.จันทรา เจณณวาสิน
คอลัมน์สำเริงคดี โดย คุณชวัลย์ สิรินทร์ เป็นที่นิยมมีผู้ติดตามอ่านมากมายรวมทั้งดิฉันด้วย บทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือเสรีชัย มีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงวิธีทำสาว โดยการใช้ยา ตามตำราโบราณในการช่วยสมาน รอยเหี่ยวย่น ตรงส่วนที่อาจทำให้สามีเบื่อนั้น กลับกลายสภาพเปรียบเสมือนของสาวรุ่น ดิฉันขออนุญาติลอกกลอนตำรามาอีกครั้งเพื่อท่านผู้อ่าน
"โสมหนักสลึหนึ่ง กะทกรกกะเพราแดง โสมาวราแสง สิ่งละสองสลึงคง ยาดำหนักหนึ่งบาท อย่าประมาทมาโขลกลง เสร็จบดละเอียดจง กระสายน้ำสุราขาว สมานชิดสนิทเนื้อ ได้ใช้เชื่อมมามากครา ดั่งยาสุพรหมา ปรนิมิตประสิทธิ์ แม้จะโรยนิมิตแม่ ที่กายแก่ห้าสิบปี รอยเรียมดังนารีที่รุ่นสาว สิบสามงาม" |
บรรดาตัวยาที่กล่าวถึงนั้น ดิฉันไม่ทราบจะถามใครว่ามีสรรพคุณอย่างไร ทางใดบ้าง ให้ชัดแจ้ง แต่ที่รู้จักพอประมาณ คือ โสม เพราะโสมนั้นทางวงการแพทย์ ได้ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นสมุนไพรที่มีฮอร์โมนสตรีเอสโตรเจน (Estrogen) อยู่ด้วย การที่ตำรายาโบราณใช้น้ำสุรา คือ แอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) ซึ่งมีคุณสมบัติในการสกัดแยกเอาสารต่าง ๆ รวมทั้งฮอร์โมน ออกจากสมุนไพร
ฮอร์โมนสตรีเอสโตรเจนนั้น มีความสำคัญในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่เซลล์ในสมองจนลึกเข้าไปถึงเซลล์ในกระดูก รวมทั้งเซลล์ตามผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกาย เนื่อเยื่อเส้นใยคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับความเหี่ยวย่นของผิวหนัง และความยืดหยุ่นขยายตัว หดตัวของหลอดเลือดด้วย
ศักยภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายขึ้นอยู่กับ ระดับฮอร์โมน ตัวนี้ด้วย
เนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศของทั้งชายและหญิง มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไวต่อระดับ ฮอร์โมนเพศชาย และหญิงในกระแสเลือดมาก ดังนั้น สตรีเมื่อมีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป รังไข่เริ่มทำงานผลิตฮอร์โมนน้อยลงถึงแม้ต่อมหมวกไต (Adrenal qland) และไขมันในร่างกายช่วยผลิตฮอร์โมนสตรีด้วย แต่สตรีในปัจจุบันมีอายุยืนยาวเกิน 70 ปี
(71 ปี ถ้าเป็นสตรีไทย และ 74 ปี ถ้าเป็นสตรีในสหรัฐอเมริกา) คือช่วงอายุกึ่ง 30 ปี อยู่ในภาวะที่มีระดับฮอร์โมนสตรีต่ำ ซึ่งทำให้เนื้อหนังกล้ามเนื้อต่าง ๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะกล้ามเนื้อกะบังลมในอุ้งเชิงกราน ที่นอกจากศูนย์ศักยภาพ (Tone) ในการคงรูปอย่างเดิมแล้วกล้ามเนื้อกะบังลม เกิดภาวะล้า หรือคราก ถ้าเทียบถึงความยืดหยุ่น ที่เสียไป เนื่องจากต้องรับน้ำหนักมดลูกที่เพิ่มขึ้นในการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง การเบ่งคลอด หรือขับถ่ายอุจจาระแต่ละหนย่อมเป็นการสร้างแรงกด (Strain) บนกล้ามเนื้อส่วนนี้ เช่นเดียวกับการยกของหนัก
เมื่อกล้ามเนื้อกะบังลมในอุ้งเชิงกราน เกิดการล้าหรือคราก เพราะภาวะดังกล่าวมาแล้ว ส่วนของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบช่องคลอดย่อมไม่สามารถบีบรัดอวัยวะเพศ ส่วนองคชาตของบุรุษที่สอดใส่เข้ามาได้เหมือนเมื่อสตรียังเยาว์วัย นอกจากนี้ การกลั่นปัสสาวะย่อมมีการบกพร่องไปด้วยคือ เวลาไอหรือจาม หรือยกของหนัก น้ำปัสสาวะเล็ดลอดออกมาจากกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากล้ามเนื้อกระบังลมส่วนที่อยู่ รอบท่อปัสสาวะอ่อนแรงลง ส่วนตัวกระเพาะปัสสาวะ มดลูกและลำไส้ ทวารหนัก อาจเคลื่นคล้อยย้อยต่ำลงมาเนื่องจากกระบังลมหย่อน เป็นเหตุให้เกิดภาวะ การปัสสาวะกะปริดกะปรอย มีน้ำปัสสาวะเหลือค้างขังอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ หลังจากปัสสาวะแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเหตุก่อให้เกิดภาวะติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เมื่อตัวมดลูกหย่อนลงมาอาจรบกวนเวลาอยู่ร่วมกัน และอาจทำให้เจ็บถ่วงท้องน้อย โดยเฉพาะตอนเย็นหลังจากเดินหรือยืน นาน ๆ ภาวะเบ่งอุจจาระไม่ค่อยออก หรือรู้สึกถ่ายอุจจาระไม่หมดต้องใช้มือไปช่วยควักออกมา
ส่วนเยื่อบุบริเวณช่องคลอด และกระเพาะปัสสาวะในสตรีสูงอายุ ย่อมบางลง แบบเดียวกับผิวหนังที่อยู่ด้านนอก ถ้าสตรีผู้ที่ขาดฮอร์โมนเพราะวัยเข้าสู่ระยะ หมดประจำเดือน หรือโดยการผ่าตัดเอารังไข่ออก แล้วเธอไม่ได้รับฮอร์โมนเสริม เมื่อเยื่อบุช่องคลอดบางลง น้ำหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นลดลง โอกาสที่สตรีผู้นั้น เกิดความรู้สึกเจ็บบริเวณนั้นยามมีเพศสัมพันธ์ย่อมสูงขึ้น อาจเกิดการฉีดขาด มีเลือดออกหรือติดเชื้อ
ดังนั้น การได้รับฮอร์โมนเสริมโดยรับประทาน และการทายาบริเวณนั้น ย่อมช่วยให้เนื้อเยื่อกลับคืนสู่สภาพแข็งแรงสมบูรณ์ได้ แต่ฮอร์โมนสตรีที่ใช้กัน ในตัวยาปัจจุบันส่วนมากสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการหรือแยกจากน้ำปัสสาวะ ของม้าตัวเมีย และจากรกหลังจากเด็กคลอดออกมาแล้ว เพราะฮอร์โมนจากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้มีราคาถูกกว่าที่จะสกัดจากโสม
ที่ต้องเขียนถึงว่าเป็นขบวนการทำสาวนั้น เพราะมิใช่เพียงแต่ทาฮอร์โมน หรือรับประทานรวมทั้งฉีดเข้าไปเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสมรรถภาพกล้ามเนื้อกะบังลมได้ การออกกำลังกายคือ ให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นได้ฝึกการยืดหดก็เป็นสิ่งสำคัญ วิธีที่ง่ายคือ การหัดขมิบแบบขมิบกลั้นน้ำปัสสาวะ แต่ฝึกทำขณะนั่งหรือยืน นอน ได้ทั้งนั้น ฝึกหัดขมิบแล้วกลั้นไว้จนนับหนึ่งถึงสิบแล้วค่อยคลายกล้ามเนื้อออก ถ้าทำได้ถึงวันละหนึ่งร้อยครั้งจะเป็นการดีมาก ส่วนอีกวิธีหนึ่งในการบริหาร กล้ามเนื้อกะบังลม คือ ยกก้นขึ้น (Pelvic Tilting) ยามที่นอนหงายหลังราบกับพื้น และหัวเข่างอ เวลาหายใจออกให้เหยียดหลังราบไปกับพื้น พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และส่วนบั้นท้าย แล้วยกส่วนบั้นท้ายขึ้นเวลาหายใจเข้า ทำสลับกันอย่างน้อยวันละ 20 ครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขบวนการทำสาว ไม่ว่าจะโดยวิธีผ่าตัดหรือใช้ฮอร์โมน สมุนไพรต่าง ๆ ช่วยเสริม ถ้ายอดชายสุดที่รักท่านอยากจะมีภรรยาเพิ่มอีกกี่คน ท่านก็ย่อมหาข้ออ้างได้สารพัด ดังนั้นเป็นหน้าที่ของสตรีว่าจะต้องใช้มารยามากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนเสียกระมัง จึงผูกรัดสามีสุดที่รักไว้ได้
พญ.จันทรา เจณณวาสิน
main |