มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากนิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 21 ฉบับที่ 309 พฤศจิกายน 2540 ]

ช่วยกันเลี้ยงลูก

พรรณราย


พ่อส่วนใหญ่รักลูก แต่ไม่ค่อยจะช่วยเลี้ยง หลายคนกลับจากทำงาน มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ รอเวลาทานข้าวเย็น โดยไม่คิดจะเข้าไปอุ้มลูก ที่กำลังร้องโยเยอยู่กับแม่ หรือพี่เลี้ยง ไม่ช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือหยิบขวดนมให้ลูก ในยามที่แม่ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องอ้าปากเรียก

แน่นอนว่าแม่ทั้งหลายที่พบพานสถานการณ์นี้ ย่อมคิดแล้ว คิดอีกว่า จะทำยังไงดี ถึงจะให้พ่อช่วยเลี้ยงลูกได้ ?

พ่อทั้งหลายนั้นลืมไปแล้วว่า เจ้าหนูตัวจ้อยก็เป็นลูกพ่อเหมือนกัน ในหัวใจแม่เอง ยังเกิดความน้อยใจว่า ทำไม้ทำไมปล่อยให้เราเหนื่อยอยู่คนเดียว ความรู้สึกนี้ จะค่อยขยายใหญ่กลายเป็น ช่องว่าง ระหว่างชีวิตคู่กับการเลี้ยงลูกขึ้นมาได้ โดยไม่รู้ตัว

มีหลายทางที่จะปิดช่องว่างอันนี้ซะ เพราะที่จริงแล้วภรรยาทุกคนไม่ได้หวังในตัวสามี เหมือนกันไปทุกเรื่อง คนหนึ่งอาจหวังให้สามีแบ่งภาระช่วยเลี้ยงลูกสักครึ่ง ในขณะที่อีกคนหวังแค่ให้เขาช่วยเล็กๆ น้อย ๆ ก็พอแล้ว หากวิธีที่จะทำให้เขาเริ่มต้น ได้สิ ที่ขึ้นอยู่กับบุคลิก สภาพแวดล้อม และสถานการณ์ของแต่ละคู่สามีภรรยา ต่างกันไป

เตรียมตัวเป็นพ่อแม่ก่อนลูกจะออกมาชมโลก
ถ้าคุณเริ่มต้นจากจุดแรก คือ การเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาชมโลก จัดเป็นการเริ่มต้นที่ได้เปรียบ คือ สามารถชักจูงคุณพ่อให้มาเข้าร่วมกิจกรรม การเลี้ยงลูก ตั้งแต่ต้นได้นั่นเอง

ระหว่างการตั้งครรภ์สามีภรรยาควรคุยกันถึงเรื่อง ทัศนคติของทั้งสองฝ่ายในเรื่อง การเลี้ยงลูก อย่าผัดผ่อนไปว่าอีกตั้งหลายเดือน ไว้คลอดแล้วค่อยมาคิดกัน เพราะการวางแผนครอบครัวที่ดี คือ การตัดสินว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ที่มีคุณภาพดีแค่ไหน รวมทั้งวางแผนในการเลี้ยงลูก หลังคลอด อ่านหนังสือวิธีการเลี้ยงลูกด้วยกันทั้งพ่อและแม่

การเปิดโอกาสให้สามีเข้าไปให้กำลังใจภรรยาในห้องคลอด จัดเป็นการแบ่งประสบการณ์ ให้เขาร่วมรับรู้ถึงการกำเนิดลูก จะทำให้พ่อมีความรู้สึกผูกพันกับลูกมากขึ้น เพราะได้เห็นแกนับแต่อุแว้แรก หากความผูกพันประการนี้ มิได้หมายความว่า จะทำให้เขาช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกอย่างขมีขมันทุกครั้ง หรือป้อนวิตามินให้ลูกทุกวัน ไม่เคยลืม

กรณีที่คุณแม่ต้องให้กำเนิดลูกด้วยวิธีผ่าท้องคลอด คุณพ่อหลายคนอาจไม่กล้า เข้าไป ทำหน้าหวาดเสียวอยู่ในห้องผ่าตัดด้วย โปรดอย่ากังวลว่าพ่อจะไม่ซาบซึ้งกับกำเนิดลูก และช่วยเลี้ยงลูก ที่จริงแล้วการที่คุณแม่ต้องผ่าตัดคลอดนั้น จะทำให้ต้องพักผ่อน มากกว่าปกติธรรมดา นั่นแหละคือ โอกาสที่พ่อจะได้เข้ามาช่วยอย่างเต็มอกเต็มใจ ชนิดเลี่ยงไม่ได้

สร้างความมั่นใจให้คุณพ่อ
ภาระการเป็นแม่ลูกอ่อนนั้น ทำให้คุณแม่เกิดความเชี่ยวชาญไปโดยอัตโนมัติ เริ่มแต่อุ้มลูกให้นมเมื่อได้ยินเสียงร้อง เปลี่ยนผ้าอ้อม ซักผ้าอ้อม ต้มขวดนม อีกทั้งงานจุกจิกมากมาย ไหนจะงานบ้าน งานนอกบ้าน ฉะนั้นไม่ว่าคุณแม่จะเก่งกาจ สักแค่ไหน ก็ย่อมจะมีเวลาที่อ่อนเพลีย อยากให้ใครสักคนคอยช่วย คนที่ใกล้ตัวที่สุด ก็คือคุณพ่อนั่นแหละ

ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้คุณพ่อเข้ามาช่วยเลี้ยงลูกได้โดยไม่เกิดความรู้สึกขัดเขิน ไม่เชื่อมั่น คุณแม่ใหม่ทุกคนมักแสดงท่าเข้าใจว่าลูกร้องไห้เพราะอะไร เป็นอะไร นั่นทำให้คุณพ่อรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า พานไม่อยากช่วย คิดว่าเข้าไปเกะกะเปล่า ๆ แต่ถ้าคุณแม่ทำให้เขารู้สึกว่ามีความสำคัญตั้งแต่ต้นแล้ว เขาจะเกิดความภาคภูมิใจ มากขึ้นไปอีกตามเวลาที่ผ่านไป สามารถเก็บไปคุยโม้อวดเพื่อน ๆ ได้ว่า "นี่ผมเลี้ยงมากะมือเองเชียวนะ"

มีหลายวิธีที่คุณพ่อจะเรียนรู้วิธีเลี้ยงลูกได้ เช่น พ่อแม่ช่วยกัน แม่เปลี่ยนผ้าอ้อม พ่อส่งผ้าให้และคอยหยิบของอื่น ๆ ส่งให้เป็นลูกมือหรือพ่อแม่ช่วยกันอาบน้ำให้ลูก คุณพ่อจะมีความเชื่อมั่นในการเลี้ยงลูกมากขึ้น ด้วยการเรียนรู้ไปทีละน้อย แต่มิใช่ด้วยการที่คุณแม่เลกเชอร์สอนปาว ๆ เหมือนสอนนักเรียน แถมด้วยการเอ็ด ติ สารพัด ซึ่งทำให้เขาท้อไม่อยากช่วยอีก

ขอเตือนไว้ว่า สิ่งที่คุณพ่อคนไหน ๆ จะไม่ชอบใจมากที่สุด และถือเป็นการ สบประมาท อย่างรุนแรงคือ การถูกตำหนิติเตียนวิจารณ์หั่นแหลก ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนผ้าอ้อม แต่งตัวให้ลูก หรือการอุ้ม ซึ่งล้วนทำให้พ่อหมดกำลังใจมากกว่าจะเป็นการติเพื่อก่อใด ๆ นอกเสียจากเป็นการเตือนเพราะจะเกิดอันตรายร้ายแรง

ฉะนั้น ถึงคุณแม่จะหวาดเสียวแค่ไหน ที่เห็นพ่ออุ้มลูกที่ห้อยร่องแร่งก็อย่าเพิ่งโวยวาย อย่าลืมว่านั่นก็ลูกรักของเขาเหมือนกัน และตราบใดที่ลูกไม่ได้ร้องจ้าแสดงอาการเจ็บปวด ก็อย่าเพิ่งห่วงมากมายเกินไป

เมื่อคุณพ่อแสดงท่าเลี้ยงลูกอย่างมั่นใจมากขึ้น คุณแม่อาจค่อย ๆ ปล่อยลูกไว้กับพ่อ ลำพัง สองคนได้โดยปลีกไปทำธุระอื่นในบ้าน จนกระทั่งถึงขั้นไปนอกบ้าน ไปจ่ายตลาด ทำผมได้ วิธีการให้คุณพ่อเข้ามาช่วยแต่ต้นจะได้ผลดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องหาวิธีที่สอง คือ การที่คุณแม่มีสาเหตุจำเป็นต้องไปไหนสักพัก เช่น ไปงานศพญาติผู้ใหญ่ ทำให้คุณพ่อต้องตกบันไดพลอยโจน เลี้ยงลูกอ่อนเอง เริ่มจากการหายไปประเดี๋ยว แล้วก็ขยายเวลานานขึ้นไปเรื่อย ๆ

เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ
เป็นวิธีที่แสนง่ายดาย แต่มักถูกมองข้ามไป คุณแม่ลูกอ่อนไม่ควรกลัวหรือเกรงใจ ที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ ไม่ต้องกังวลว่า เพราะตัวเองสิ้นท่า ไม่มีปัญญาเลี้ยงหรือไม่เก่งกาจพอ

ในบางครอบครัว ที่ตัวคุณพ่อไม่ได้เข้ามามีบทบาทช่วยเลี้ยงลูกแต่ต้น ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี ในเมื่อมีพี่เลี้ยง หรือคุณแม่เองดูอยู่แล้ว ส่วนตัวคุณแม่ก็ทิฐิว่าเป็นพ่อทั้งที ก็น่าจะเข้ามาช่วยโดยไม่ต้องเอ่ยปาก รอกันไปรอกันมาก็เลยไม่มีคนช่วย

โปรดเอ่ยปากให้เขาช่วยบ่อยแค่ไหนก็ได้ บอกให้เขาชงนมเมื่อลูกร้อง ขอให้หยิบของให้ตอนคุณวุ่นกับเรื่องอื่น ในที่สุดคุณพ่อจะเคยชินกับการชงนม รู้ได้เองว่าต้องทำอะไรเมื่อลูกมีปฏิกิริยาใด แม่บางคนไม่เอ่ยปากให้พ่อช่วย เพราะคิดว่าฉันทำเองก็ได้ คุณก็จะต้องเหนื่อยต่อไป แต่ถ้าคุณเอ่ยปากขึ้นมา เขายอมช่วยแน่ ๆ และนี่คือ สิ่งตอบแทนที่คุณแม่เลือกได้ว่าต้องการหรือไม่

อีกวิธีที่จะดึงพ่อมาช่วยเลี้ยงลูกโดยไม่รู้ตัวคือ การปรึกษาหารือเขาเสมอ ๆ เรื่องลูกทำให้เกิดความเสมอภาคกับคุณ เช่น เมื่อลูกร้องไห้ ปรึกษาเขาว่า แกร้องเพราะอะไรหนอ คุณพ่อจะคิดได้ว่าคงเป็นเพราะหิว และอาสาไปชงนมให้ ด้วยความภาคภูมิใจว่า เรื่องจ้อยแค่นี้คุณแม่ไม่ยักรู้แฮะ

ใจเขาใจเรา
การตำหนิติเตียนมีผลเสียต่อจิตใจคุณพ่อ เท่ากับการทำให้เขารู้สึกว่า ตนไม่เป็นที่ต้องการเลยสักนิด ถ้าลูกร้องไห้ขึ้นมาคุณแม่อย่าเพิ่งกระโดดเข้าไปโอ๋ ในพริบตาควรคอยสักนาทีว่า คุณพ่ออาจเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ซะเอง ถ้าเขาไม่แสดงท่าทีว่า จะขยับ ค่อยเอ่ยปากบอกเขาอย่างนุ่มนวลว่า ช่วยอุ้มลูกส่งให้ที แทนที่จะแวดเสียงแหลมเข้าใส่

การที่คุณพ่อนิ่งเฉยนั้นอาจเป็นเพราะ เขาเองก็คอยดูว่าคุณแม่จะเข้าไปอุ้มลูก เหมือนอย่างเคยหรือไม่ คุณพ่อบางคนอาจหลีกเลี่ยงการทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูก ด้วยการแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เข้าใจ หรือบางคนทำท่าเต็มอกเต็มใจช่วยดีอยู่ แต่แสนจะข้องใจ เจ้าปัญหา มีคำถามมากจนคุณแม่อ่อนใจ ขวดนมอยู่ไหน น้ำสุกใส่แค่ไหน ถามมากเข้าคุณแม่นึกรำคาญลูกไปทำเสียเอง คุณพ่อเลยสบายแฮสมใจไป ก็จะช่วยแล้วไม่ยอมให้เขาทำเองนี่นา

วิธีต่อรอง
แทนที่จะเกี่ยงกันเรื่องเลี้ยงลูก พ่อแม่ควรหันหน้าเข้าหากัน ร่วมปรึกษาหารือ ว่าจะทำยังไงใครรับผิดชอบเรื่องไหนเมื่อไหร่ โดยดูตามเวลาว่างของทั้งสอง พ่ออาจตื่นมาให้นมลูกตอนกลางคืน เพื่อให้แม่ได้นอนเต็มที่เอาแรงไว้เลี้ยงลูกตอนกลางวัน ขณะเดียวกัน แม่มีสิทธิ์ต่อรองได้ถ้าเห็นว่าแผนการเลี้ยงลูกนั้นไม่ยุติธรรมสมใจ ลองเขียนการเลี้ยงลูกออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วแบ่งกันคนละครึ่ง ว่าใครจะทำอะไร ควรมีการสับเปลี่ยนหน้าที่กันทุกสัปดาห์

กระนั้น ขอบอกไว้เลยว่า จะยังมีคุณพ่ออีกมากมายที่ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมช่วย แม้คุณแม่จะใช้วิธีที่กล่าวมาสารพัด ถ้าเป็นเช่นนี้โปรดทำใจว่าคนเราเปลี่ยนไปไม่ได้ ในชั่วข้ามคืน ค่อย ๆ หมั่นล้างสมองเขาต่อไปด้วยความหวังว่าสักวันจะได้ผล ผู้ชายบางคนไม่อยากเลี้ยงลูกเพราะเห็นว่าไม่น่าสนใจสักหน่อย ซึ่งที่จริงแล้ว แม้การเปลี่ยนผ้าอ้อมก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ทำให้เขาภาคภูมิใจว่าได้ทำให้ลูกสบายตัวขึ้นอักโข

สิ่งสำคัญในการที่คุณแม่พยายามชักจูงคุณพ่อให้เข้ามาช่วยเลี้ยงลูกนั้น คือการดึง ให้เขามามีส่วนร่วมด้วย ส่วนวิธีมิใช่เรื่องสำคัญ เมื่อเขารักลูก และเริ่มเรียนรู้วิธีการ ได้อยู่ใกล้ชิด ผูกพันกับลูกมากขึ้น สักวันเขาก็คงนึกขอบคุณอยู่ในใจเหมือนกัน

ก็ชีวิตการเป็นพ่อจะสมบูรณ์ได้ยังไง ถ้าไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเองน่ะ ขอถามหน่อยเถิด

พรรณราย


ขอบคุณนิตยสารแม่และเด็ก ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1