มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากนิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 20 ฉบับที่ 306 สิงหาคม 2540 ]

สนามรบ ที่ยังไม่ชนะของหมอสูติ

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


เราไม่อาจจะชนะทุกสนาม แต่เราต้องเอาชนะสงคราม     มอตโต้ทางทหารก็ยังเอามาใช้ได้กับ อาชีพอื่น ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งหมอหรือแพทย์ ปัจจุบันจะเห็นว่าทางฝ่ายการตลาด การค้าการขาย จะนำศัพท์แสง หรือภาษาทหารมาใช้มากขึ้น ๆ เสมอ กลยุทธ์เอย กุศโลบาย ชัยภูมิฯ รวมทั้งภาษิตทางทหาร หรือมอตโต้ ซึ่งในเชิงการค้าแล้วการดำเนินกิจการ หรือภารกิจของบริษัท ก็คือ การต้องขายของแข่งขัน ต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามหรือคู่แข่งนั่นเอง ในทางแพทย์ก็เช่นกัน หมอก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะทุกสนามรบ หรือทุกสนามโรคได้ โรคบางโรคก็ยังเอาชนะไม่ได้

แต่ถึงจะเอาชนะไม่ได้ก็ต้องตั้งยันไว้ก่อน หรือถ้าข้าศึกมาแรงมาก แข็งแกร่งมาก ก็ต้องใช้วิธี หลบหลี้หลีกหนี หรือเวชศาสตร์เชิงป้องกันนั่นเอง เช่นโรคที่มาแรง หรือข้าศึกยุคนี้คือ โรคเอดส์ เรายังไม่มีอาวุธไปต่อสู้ขั้นเด็ดขาดก็ยอมมาตั้งหลักก่อน สุมหัวปรึกษาหารือวางแผนสร้างอาวุธเด็ด ๆ ออกมา ส่วนมากพวกลูกหาบ หรือชาวบ้านชาวช่องก็หลบเข้าบ้านเข้าเรือนอยู่กับเหย้าเฝ้าเรือน ไม่ออกไปเที่ยวเตร่ท้าทายศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน

แต่เอดส์นั้น ศัตรูเป็นใครก็พอบอกได้บ้าง เพราะถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนแล้ว    ไว้ใจไม่ได้ ยิ่งเชื้อเอดส์เมืองไทยด้วยแล้ว แม้จะตระกูลเดียวกับของฝรั่งมังค่า แต่สายพันธุ์ของคนไทย เป็นสายพันธุ์พิเศษที่ผ่าเหล่าผ่ากอได้ไวมาก และติดต่อได้ง่าย เพราะชอบที่จะอยู่ในผนังช่องคลอด ในน้ำคัดหลั่งของช่องคลอด คือ ใฝ่ต่ำมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งทำให้เผลอตัวไปมั่วเพียงครั้งเดียว ก็มีสิทธิ์ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว เท่ากับเข้าตะแลงแกงรอความตาย

สนามรบนี้เป็นสนามใหม่เพิ่งจะเกิดเมื่อ 10 ปีเศษมานี้เอง และขณะนี้พวกนักรบแนวหน้า ก็กำลังที่จะซุ่มสร้างอาวุธมาใช้ในสนามรบอันนี้ สนามนี้ยังรบไม่ชนะ แต่ก็ได้ตั้งยันไว้แล้ว และมีพันธมิตรทั้งโลกร่วมมือกัน

เมื่อเดือนเศษนี้ เจ้าพ่อทางการรักษาโรคเอดส์ผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหมอเชื้อชาติเกาหลีแต่เกิดในอเมริกา ซึ่งเรียกคนเหล่านี้ว่า ABK หรือAmerican Born Kerean ถ้าเป็น คนอื่นก็เรียกย่อ ๆ ว่าเป็น ABC หรือ American Born Chinese หมอเก่งมาก เมื่อปีกลายหนังสือนิตยสารรายเดือนชื่อ Time ถึงกับ ยกย่องว่าเป็นบุรุษแห่งปี หรือ Man of The Year ได้รับเชิญมาพูดให้หมอไทยเราฟัง และได้ทำนายว่าอีกไม่นานคงมีอาวุธพิเศษมารบกับโรคเอดส์ได้ เพราะฉะนั้น สนามรบนี้ พวกเราต้องหลบเข้าบ้านใครบ้านมัน ไม่ออกมาเพ่นพ่านทางเพศ

สนามนี้หมอสูติยังหนักใจอยู่มากเช่นกัน เพราะโอกาสติด หรือถ่ายทอดโรคไปสู่ลูกได้ถึง เกือบประมาณหนึ่งในสาม แต่วิทยาการสมัยใหม่ การให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสโรคเอดส์ การใช้การคลอดพิเศษ ทำให้ลดอัตราการถ่ายทอดสู่ลูก ให้ลดลงเหลือเพียงเศษหนึ่งในห้า นับว่าน่าพอใจระดับหนึ่ง สนามนี้ก็ยังมีความหวังที่จะเอาชนะได้ในอนาคต

ในอดีตสนามรบที่น่ากลัวคือ ซิฟิลิส ซึ่งกว่าจะเอาชนะได้ต้องใช้เวลาเป็นร้อย ๆ ปี คร่าชีวิตมนุษย์ไป ไม่รู้เท่าไหร่ โดยเฉพาะทารก เพราะโรคนี้ถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูกได้ แล้วทำให้เกิดความพิการได้ มากมายทั้งทางร่างกายและสมอง หรือสติปัญญา และแล้วในที่สุด แพทย์ก็เอาชนะสนามรบนี้ได้ ด้วยอาวุธแสนจะถูก คือ ยาเพนนิซิลิน ซึ่งเข็มละไม่กี่บาท ซึ่งเป็นเส้นผมบังภูเขามาเป็นร้อยปี กว่าจะกำราบได้ แต่ก็ยังมีการร้ายสะเปะสะปะ ไม่ถึงกับสูญพันธุ์ไป แต่ก็ทำให้นักเรียนแพทย์หาดู ได้ค่อนข้างยาก ซิฟิลิส เป็นโรคต้นกำเนิดของคำว่า เลือดบวก เพราะการตรวจดูของเชื้อโรคนั้น ค่อนข้างลำบาก ซึ่งเชื้อตัวก่อโรคนั้นแท้จริงตัวค่อนข้างใหญ่กว่าจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคอื่น ยิ่งเมื่อเทียบกับเชื้อไวรัสแล้ว เชื้อซิฟิลิสใหญ่กว่าหลายล้านเท่า

สนามต่อไปที่ยังกำลังสู้รบอยู่ และกำลังข้าศึกก็มีมากพบได้บ่อย ๆ มีสนามรบเกิดทั่ว ๆ ไป กำลังพันธมิตร หรือฝ่ายแพทย์สามารถตั้งรับได้ แต่ขุดรากถอนโคนไม่หมดเพราะมีมาก พบข้าศึกได้บ่อย ๆ แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต คือ โรคครรภ์พิษหรือพิษแห่งครรภ์ จนปัจจุบันนี้ยังจับตัวหรือรู้ตัวผู้ก่อการ ผู้เป็นต้นตอของเหตุ หรือของโรคไม่ได้ชัดเจน รู้แต่ว่าโรคหรือสนามรบนี้ จะเกิดในคนขณะตั้งครรภ์ และเมื่อไรที่สิ้นสุดการตั้งครรภ์ เช่น แท้งก็ดี คลอดออกมาแล้วก็ดี หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ รกหมดหน้าที่หยุดทำงาน โรคจะหาย หรือสนามรบนี้จะสงบไปเอง คือ ข้าศึกจะถอยกำลังออกไปเอง ไม่ต้องขับไล่ไสส่ง กลุ่มข้าศึกจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง บวม ไตทำงานผิดปกติ ตับก็ทำงานผิดปกติ ก่อกวนจนป่วนทุกระบบ หมอต้องเยียวยาอย่างทันท่วงที ไม่เช่นนั้นข้าศึกจะทำลายมากขึ้น ๆ จนบ้านเรือน หรืออวัยวะเสียหายไปได้ ถ้าตรึงกำลังข้าศึกไว้ไม่อยู่ ข้าศึกก็จะรุกคืบเข้าทำลายศูนย์บัญชาการ คือ สมอง ทำให้ชัก และอาจจะเกิดผลแทรกซ้อน เส้นโลหิตแตก ทั้งในสมอง ในปอด ในตับ ในหัวใจก็ไม่เว้น ทำให้หัวใจ หรือศูนย์ควบคุมใหญ่พังเสียหาย การรบก็พ่ายแพ้ อวสานถูกทำลายไป

ในสนามรบนี้ เนื่องจากไม่ทราบผู้บงการแท้จริง การต่อสู้ก็ คือ การตรึงกำลังข้าศึกไว้ตลอด จนทารกในครรภ์แข็งแรงแล้ว รีบทำการคลอดทารกออกมา เมื่อไรที่ทารกคลอดออกมา และรกออกมา ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ไม่นานเท่าใดข้าศึกก็จะถอยทัพถอนกำลังกลับ ความผิดปกติก็จะสลายไป เข้าสู่สนามปกติ ความดันโลหิตจะเริ่มลดลง อาการบวมจะยุบ อาการคั่งน้ำก็จะค่อย ๆ ลดลง ๆ จนเข้าสู่ปกติใน 4-6 สัปดาห์ มีบ้างประปรายที่ข้าศึกหวนกลับมาอีก คือ เกิดอาการรุนแรงขึ้นมาอีก แม้จะคลอดไปแล้ว จนฝ่ายตั้งรับซึ่งไม่ได้ระแวดระวัง ก็จะทำให้เกิดโรคครรภ์พิษระดับรุนแรงขึ้นมาอีก แล้วผลตามที่รุนแรงคือ เกิดการชักเกิดขึ้น

เมื่อเกิดสภาวะสงคราม หรือโรคนี้ จะส่งผลกระทบไปยังลูกหรือทารกในครรภ์ก็ได้ จะไปรบกวนการเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ ที่น่าวิตก คือ สมอง นอกจากร่างกายทารกจะแคระแกร็น แล้ว สมองสติปัญญาอาจจะด้อยลง ในรายที่ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจจะกระทบกระเทือนมาก จนทารกไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ อาจจะเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก(ซึ่งพบได้แต่น้อยมาก) ถ้ามาถึงมือแพทย์ก่อนชัก แล้วเกือบจะการันตีได้ว่า โอกาสที่จะได้ทั้งแม่ทั้งลูกกกลับบ้านสูงมาก สนามรบนี้พบได้มากในเมืองไทย เรายังเป็นหนึ่งในสามของสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เป็นแม่ รองจากตกเลือด ติดเชื้อ แล้วก็มาโรคครรภ์พิษ กลุ่มโรคนี้พอจะมีลางบอกเหตุบ้าง ว่าที่ใดจะเกิดความวุ่นวาย หรือผู้ใดจะเสี่ยงต่อการเป็นกลุ่มโรคนี้
- ในคนท้องแรก จะเป็นมากกว่าท้องหลัง ๆ
- พวกปากกัดตีนถีบหรือพวกเศรษฐฐานะต่ำ ก็จะเป็นมากกว่าพวกเศรษฐี
- พวกตั้งครรภ์แฝดจะเป็นมากกว่าตั้งครรภ์ทารกเดี่ยว
ดังนั้น ในพวกที่ให้แพทย์ทำแท้ง (ถูกต้องตามกฎหมาย) ต้องวงเล็บไว้เดี๋ยวจะผิดจรรยาบรรณแพทย์ ซึ่งมีโอกาส ตั้งครรภ์แฝด อาจจะมากกว่าสองก็ได้ จะมีโอกาสเป็นกลุ่มโรคนี้ ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อนก็มีโอกาส เกิดซ้ำอีกสูงกว่าคนปกติ แม่แก่หรือคุณแม่ที่แต่งงานช้า พวกดอกไม้ท้ายสวน พวกรถไฟขบวนสุดท้าย พวก (เข้าใจว่า) ไอคิวตัวเองสูงซึ่งเป็นกลุ่มแต่งงานช้า แถมยังคุมกำเนิดนานจนอายุมากจนยอมท้อง บางรายอายุเกือบสี่สิบ ถึงนึกได้ว่าตัวเองแต่งงานแล้ว คนที่นอนข้าง ๆ เป็นสามี เพราะเพลิดเพลินกับหน้าที่การงาน จนลืมการบ้าน บ้างก็ทนสามีเซ้าซี้ไม่ไหว หรือทนพ่อแม่ตนเองเซ้าซี้ให้ทำหลานมา ให้อุ้มไม่ไหว บ่นมากขี้เกียจรำคาญก็ปล่อย ๆ ให้มีไป เพราะรำคาญเสียงบ่นก็มี พวกเผลอจนอายุมากจะมีมากขึ้น ๆ อายุที่มากขึ้น สังคมเมืองที่พัฒนามากขึ้น โอกาสของการเกิดโรคทางทุพโภชนาก็สูงขึ้น

เบาหวาน เป็นโรคที่ฮิตมากในพลเมืองเขตเมือง ส่วนใหญ่เป็นเบาหวานซ่อนเร้น ชนิดที่แพทย์ต้องทำหน้าที่คล้ายตำรวจ คือ เข้าตรวจค้นในบ้านทีเดียว กว่าจะพบความผิดปกติ ต้องล่อหลอกโดยการเติมน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย แล้วดูการทำงานของตับอ่อน จึงจะตรวจพบว่า มีผู้ร้ายซ่อนอยู่ คือ เบาหวานซ่อนเร้น กลุ่มนี้ถ้าไม่รู้มาก่อน และวางแผนแก้ไขให้ ก็จะกลายเป็นเบาหวานแท้จริงในอนาคต แต่แม้จะไม่เป็นเบาหวานแท้จริง ก็จะมีผลกระทบต่อ ทารกในครรภ์ในระดับต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลต่อทารกทั้งในขณะคลอด และระยะหลังคลอด

ฉะนั้นไม่น่าแปลกใจ ที่ปัจจุบันการฝากครรภ์จึงเป็นเรื่องจำเป็นและผู้ที่มาฝากครรภ์ ก็จะถูกหมอสั่งทำโน่นทำนี่มากมาย จนถ้าไม่เข้าใจถึงความตั้งใจประสงค์ดีของหมอ ก็จะหนี ไม่มารับบริการต่อ เพราะตัวเองก็ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้ผิดปกติ แต่หมอหรือเจ้าหน้าที่ก็มาให้ทำโน่นทำนี่ บางรายเดินมากฝากครรภ์เพราะหมอบังคับ ขู่ว่าถ้าไม่มาฝากครรภ์ตามกำหนด จะไม่บริการคลอดให้ เสียไม่ได้เลยมา ที่ไหนได้หมอจับนอนโรงพยาบาลเสียเป็นสัปดาห์ จับเจาะเลือด เจาะน้ำคร่ำไปตรวจ เท่านั้นไม่พอยังให้เรียก สามีมาจับเจาะเลือดไปตรวจวุ่นวายไปหมด

ยิ่งอยู่โรงพยาบาลใหญ่ ที่มีการเรียนการสอนยิ่งไปกันใหญ่ มีคนมากหน้าหลายตามาขอตรวจ ขอคุย บ้างมาขุดขุ้ยถึงประวัติย่ายาย ถึงปู่ถึงทวด เท่านั้นยังไม่พอ ยังจับเอาไปเข้าเครื่องออกโทรทัศน์ แล้วชี้ให้ดูอะไรก็ไม่รู้บอกว่านั้นลูกในท้อง แล้วยังพูดน่ากลัวว่า ตับม้ามสงสัยจะโต ไปกันใหญ่แล้ว ให้กลับบ้านพร้อมยาถุงใหญ่ และคู่มือดูแลตัวเองพร้อมกับคำบอกเล่าว่า เป็นโรคเลือดผิดปกติ ทางกรรมพันธุ์ และลูกก็น่าจะได้รับความผิดปกตินี้ไป   แล้วก็นัดมาตรวจถี่ยิบกว่าเดิมอีก

ที่เล่ามานั้นเป็นเรื่องจริง เป็นสนามรบจริงที่หมอได้แค่ตรึงกำลังยันไว้เท่านั้น เพราะสนามนี้ เป็นสนามของโรคพันธุกรรม ที่ถ่ายทอดไปยังลูกได้ และเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศไทย คือ โรคทาลาสซีเมีย (Thallassemia) สนามรบนี้มีการรบตั้งแต่ขั้นซ่องสุมผู้คน ยังไม่ก่อการสู้รบ ไม่มีการเสียหายจนถึงขั้นรบรุนแรง จนสนามรบคือ ตัวทารกเสียหาย ถึงเสียชีวิตในครรภ์ก็มี คนไทยมีโรคนี้ประมาณว่าเป็นล้าน บ้างเป็นชนิดซ่อนเร้น แฝงอยู่ในหน่วยพันธุกรรม เมื่อไรที่มาจับคู่กัน คือ มีซ่อนเร้นในฝ่ายชายมาจีบฝ่ายหญิง ซึ่งมีหน่วยพันธุกรรมโรคเลือดนี้ซ่อนเร้นอยู่มาจับคู่ ลุ้นจนสำเร็จ จับคู่แต่งงานกันเข้าละก็ จะเกิดทุกขลาภขึ้น คือ มีโอกาสที่จะเกิดทารก ที่มีโรคความผิดปกติในเม็ดเลือดแดง เกิดขึ้น

คงจะเคยเห็นเด็กทารกที่ตัวคล้ำ ๆ ออกเหลือง ท้องโต หน้าผากโหนก ค่อนข้างจะผิดรูปผิดร่าง น่าสงสารมากกว่าน่าเอ็นดู เดินเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลประจำ บ้างต้องมาถ่ายเลือดรับเลือดทุกเดือน บ้างต้องเข้ารับการผ่าตัดม้ามออก นั่นคือ ผลพวงของยีนซ่อนเร้นในแม่มาพบกับในฝ่ายชายที่เป็นพ่อ ลูกออกมากลายเป็นภาระครอบครัว ถ้ามีเพียงความผิดปกติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่เป็นชนิดรุนแรง เด็กทารกก็จะไม่มีอาการ แต่จะเป็นพาหะ คือ มีหน่วยพันธุกรรมผิดปกติแฝงซ่อนอยู่ เด็กทารกกลุ่มนี้จะดูไม่ออกว่า มียีนผิดปกติซ่อนอยู่ รูปร่าง ร่างกาย ก็ดี สมองก็ดีจะเหมือนบุคคลทั่ว ๆ ไป

มีหมอไม่น้อย ที่มียีนทาลาสซีเมียแฝงอยู่ พอจะไปจีบใครทีก็คงต้องจับมาตรวจดูว่ามียีนแฝงหรือไม่ ค่อยเริ่มจีบ คงต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดถ้าทำแบบเช่นว่านี้ กามเทพคงโกรธพิลึก ในทางปฏิบัติแล้วจะจีบก็จีบไป แต่พอตกร่องปล่องชิ้นกันแล้ว ค่อยมาตรวจเลือดดูว่ามีความผิดปกติ หรือไม่ ซึ่งถึงมีก็แต่งได้เพราะเป็นเพียงข้อมูลไว้ว่าลูกที่เกิดมาจะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงหรือไม่ และสามารถจะมีบุตรได้ เพียงแต่ เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วต้องตรวจพิสูนจ์ทารกในครรภ์ว่า มีความผิดปกติหรือไม่ซึ่งอาจจะทำได้ โดยการดูดเอาน้ำคร่ำมาตรวจ หรือส่องกล้องไปตัดเอาเนื้อรกมาตรวจดู ถ้าทารกผิดปกติ ก็สิ้นสุดการตั้งครรภ์ ถ้าปกติก็ดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไปจนคลอด เพราะแม้จะมียีนผิดปกติทั้งพ่อ และแม่ก็ไม่ใช่ว่าบุตรจะผิดปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ ขบวนการตรวจหาความผิดปกติก่อนแต่งงานนี้ กำลังพยายามเผยแพร่ ให้คู่หนุ่มสาวเล็งเห็นถึงประโยชน์ เพราะจะได้ดำเนินกลยุทธ์ในเชิงป้องกัน แก่ครอบครัวใหม่ที่จะต้องสร้างขึ้นมา ยิ่งปัจจุบันสนามรบเอดส์กำลังแพร่ระบาด ยิ่งควรอย่างยิ่ง ที่จะทำการตรวจที่เรียกว่า Premariage Counselling (ขบวนการปรึกษา แนะนำก่อนแต่งงาน จะรวมการตรวจเลือดตรวจร่างกายหาความผิดปกติ)

สนามรบที่น่าสพึงกลัวต่อไป ที่จะกล่าวนี้ได้ผ่านไปไม่นาน คล้อยหลังเพียงไม่กี่เดือน วันหนึ่งไปพบลูกน้องเก่า หรือเรียกว่าลูกศิษย์ก็คงไม่ผิด หน้าตาหม่นหมอง ไปซื้อดอกไม้ธูปเทียน สังฆทาน ก็แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นประพฤติปฏิบัติใกล้วัดใกล้วาเช่นนี้ ซักถามได้ความว่า ไปผ่านสนามรบมาแล้วขวัญหนีดีฝ่อ ซึมเศร้า เสียใจมาก จนทำงานไม่ได้ ต้องเข้าหาพระ เข้าวัดหาที่พึ่งทางจิตใจ เพราะทางกายเองเป็นหมอพิสูจน์ทราบมาทุกส่วน ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ อธิบายได้แต่พอมาพบสนามรบนี้เข้าก็อธิบายไม่ได้ ว่าทำไมจึงต้องมาประสบกับตัวเอง สนามรบน้ำคร่ำหลุดลอยเข้ากระแสโลหิตในคนตั้งครรภ์แล้ว หมอสูติซึ่งดูแลอยู่ ไม่ว่าผู้ใดเพียงได้ยินว่าหลุดเข้าไปสนามรบนี้แล้วขนหัวลุก เพราะโอกาสที่จะรอดน้อยมาก ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 2 ยังง่ายกว่า ที่หมอผู้นั้นท่านเสียใจ เพราะเพิ่งพบกับตัวเอง เป็นคนไข้ที่ฝากฝังกันมาให้ดูแล และได้ดูแลการฝากครรภ์มาตั้งแต่ต้น ตามระบบ และทุกอย่างก็อยู่ในเกณฑ์ปกติมาตลอด เธอก็เคยมีบุตรผ่านกการคลอด มาแล้ว 2 ครั้ง ปกติธรรมชาติของการดูแลผู้มาคลอดนั้น มักจะเป็นวงจรที่ซ้ำเดิม คือ ถ้ามีอาการผิดปกติ ในขบวนการคลอดแล้วมักจะเกิดซ้ำต้องระมัดระวังสอนสั่งกันมา เธอผู้นี้คลอดปกติมาตลอด ดูแลกันมาจนครบกำหนด วันโลกาวินาศก็มาถึง เธอให้สามีพามาห้องคลอด เพราะเริ่มปวดท้อง จากประสบการณ์ผ่านมาเธอบอกได้ว่านั้นคือ การเริ่มขบวนการคลอด เธอมาถึงห้องคลอด ผ่านขบวนการเตรียมตัวเข้าสู่ห้องคลอด ทุกอย่างก็ปกติราบเรียบ สงครามยังไม่เกิด เธอถูกนำเข้าพักในเตียงรอคลอด เพื่อเตรียมที่จะทำการควบคุมดูแลการคลอด ด้วยการให้น้ำเกลือ การต่อเครื่องมือ ควบคุม ตรวจวัดดูสภาวะการดำเนินการคลอด ทั้งของฝ่ายแม่และลูก เธอเริ่มรู้สึกเจ็บครรภ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ทันที่จะให้การต่อโยงสายเครื่องมืออิเลคทรอนิกส์กับตัวแม่ เธอก็มีอาการเหนื่อย แน่น ซึ่งเธอไม่เคยเป็นมาก่อน เธอหันไปบ่นกับเพื่อนคลอดเตียงข้าง ๆ ว่าเหนื่อย และเริ่มหอบ เพียงเจ้าหน้าที่หรือพยาบาลได้ยินคำว่า เหนื่อยเท่านั้น ด้วยสัญชาตญาณ เธอเร่งรุดเข้ามาประชิดตัวคนไข้พร้อมกับเรียกผู้ร่วมงานเข้ามาช่วย คนไข้ก็เริ่มหอบมาก เริ่มมีระดับความรู้สึกตัวลดลง สงครามเริ่มโดยไม่มีเครื่องเตือน แพทย์ที่ประจำห้องคลอด ถูกระดมมาหมด การยุทธ์เริ่มแล้ว โดยมีแพทย์อาวุโสเป็นจอมทัพคอยสั่งการ แจกงานเพื่อให้ทุกอย่างทำงานสอดประสานกัน ทั้งเครื่องวัดความดัน ฝ่ายที่ให้ยาเข้าเส้น ฝ่ายให้ท่อหายใจ แพทย์ทีมช่วยชีวิตฉุกเฉิน ซึ่งทุกโรงพยาบาลจะมีการจัดขึ้น ถูกเรียกตัวมาช่วย สภาวะแม่เลวลงอย่างรวดเร็ว จนต้องตัดสินใจที่จะช่วยเอาทารกคลอดออกมาก่อน มิฉะนั้นจะเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก

สนามรบนี้น้ำคร่ำเป็นตัวก่อเหตุ ในที่ตั้งเดิมคือ ในโพรงมดลูก น้ำคร่ำคือ สารวิเศษที่จะหล่อเลี้ยงทารก คอยห่อหุ้มทารก เป็นทั้งผู้ให้อาหาร และขณะเดียวกัน ก็เป็นบ่อเก็บของเสียที่ทารกขับถ่ายออกมา ทั้งปัสสาวะ อุจจาระและเหงื่อไคลก็จะคลุกเคล้า ละลายบ้าง แขวนลอยอยู่บ้าง เมื่อไรที่อยู่ผิดที่ โดยเฉพาะในกระแสโลหิต น้ำคร่ำคือ พญามัจจุราช มันจะนำพาตะกอนสารแขวนลอย ต่าง ๆ ลอยไปอุดตัน โดยเฉพาะที่ปอด ซึ่งเป็นโรงงานที่เลือดทุกส่วน ต้องไปฟอก ก็จะอุดตัน ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เท่านั้นก็แย่เลวร้ายเพียงพอแล้ว แต่ไม่หยุดเท่านั้น ในน้ำคร่ำยังมีสาร ที่เป็นพิษต่อกระแสโลหิต จะทำให้เลือดไม่แข็งตัว จะมีเลือดออกได้ง่ายตามร่างกาย และอวัยวะทั่วไป ซ้ำเติมเข้าไปอีก ทั้งสองความผิดปกติ จะเกิดรวดเร็วมากจนตามไม่ทัน แล้วก็จะก่อให้เกิด พยาธิสภาพรุนแรงทั้งร่างกาย และเสียชีวิตในที่สุดในเวลาไม่นานนัก และเป็นธรรมดาที่ญาติโดยเฉพาะสามีคนไข้ซึ่งนำพาภรรยาที่แข็งแรงเดินได้พูดจาได้ ความหวังว่าไม่กี่ชั่วโมง เราก็จะได้ลูกที่น่ารักกลับบ้าน
แล้วในไม่กี่ชั่วโมงสามี ก็ถูกตามมารับทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นและการสูญเสีย

เมื่อผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้ตามความคาดหวัง การเสียใจ ความผิดหวัง และบวกแรงหนุนจาก ความไม่เข้าใจของผู้แวดล้อม ก็จะถูกกระตุ้นให้นำไปสู่การฟ้องร้อง เพราะไม่เข้าใจในพื้นฐาน หรือธรรมชาติของโรค โดยหารู้ไม่ว่าหมอ พยาบาลและบุคคลอื่น ๆ นั้น ได้ทุ่มเททุกอย่าง ในสนามรบนี้อย่างเต็มที่ แต่ที่บกพร่องคือ ไม่ได้ให้ความรู้ทั่ว ๆ ไปถึงสภาวะเสี่ยงของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับทุกผู้ ทุกนามให้รับทราบ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของไทยเรา ที่ในคนท้องเราจะรับรู้ แต่เรื่องดี ๆ เรื่องเป็นมงคลเท่านั้น เพราะความเชื่อ เลยทำให้แง่ลบ หรือความผิดปกติที่รุนแรง ที่พึงจะเกิดได้ให้ได้รับทราบ ซึ่งนำมาสู่การฟ้องร้อง หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์เช่นว่านี้ไม่อาจจะคาดเดา ไม่อาจจะทำนาย ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดกับใคร เมื่อไร อธิบายไม่ได้ เมื่ออธิบายไม่ได้ ก็ต้องโยนไปเป็นเรื่องของดวง หรือภาษาวิทยาศาสตร์ ภาษานักสถิติเรียกว่า "โอกาส" ซึ่งโอกาสเช่นนี้ไม่มีแพทย์ผู้ใดต้องการแน่แท้

โอกาสเช่นนี้ทำให้แพทย์ไม่น้อย ที่ต้องละเลิกอาชีพสูติ หันไปทำหน้าที่อื่น ๆ บ้างก็อาจจะต้องใช้เวลาทำใจ ปรับตัวให้พ้นจากรอยแผลทางจิตที่เกิดขึ้น เป็นเวลานาน แพทย์ผู้นี้ได้ขอลางานไป 2 สัปดาห์ เพื่อทำใจเพราะเธอเองก็เป็นผู้หญิง และตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่ครับ สนามรบนี้ปัจจุบันยังไม่สามารถเอาชนะได้เลย รบทีไรแพ้ทุกครั้ง สนามรบที่แพ้ทั้งคนไข้และแพทย์ แต่ในอนาคตเราจะต้องเอาชนะให้จงได้

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์


ขอบคุณนิตยสารแม่และเด็ก ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1