พ.ต.ต.นพ.เสรี ธีรพงษ์
ในวงการแพทย์ผู้รักษาภาวะมีบุตรยากได้มีการค้นหาวิธีการต่าง ๆ มากมาย มาช่วยเหลือ ให้เกิดกระบวนการ "ตั้งครรภ์" ขึ้น วิธีการบางอย่างดูพิสดารจนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ วิธีการบางอย่างล้มเลิกไปแล้วเหลือไว้เพียงตำนานเท่านั้น แต่วิธีการที่ล้มเหลวอย่างหนึ่ง อาจนำไปสู่การค้นคิดถึงวิธีการที่สำเร็จอีกอย่างหนึ่งได้ ขอเพียงแต่ให้มีความคิด และความพยายามย่อมมีหนทางพบวิธีที่ดี เหมาะสม และให้ผลสำเร็จสูงได้
"Micromanipulation" (อ่านว่าไมโครแมนนิวพิวเลชั่น) เป็นกรรมวิธีพิสดารอย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ด้วยการเจาะ "ไข่" แล้วใส่ "ตัวอสุจิ" เข้าไปหนึ่งตัวหรือหลายตัว โดยอาศัยเครื่องมือชนิดพิเศษ จากนั้น ก็นำไปเลี้ยงเป็น
"ตัวอ่อน" ในวิธีการของ "เด็กหลอดแก้ว" แล้วจึงนำกลับมาสู่ร่างกายของคนไข้สตรี
แต่เดิมมา แรรมวิธีการเจาะเข้าไปในเซลล์นั้น เป็นเพียงการทดลองทางชีววิทยา
เพื่อใส่ "ยีน" และโปรตีน" เข้าไปหรือกำจัดบางสิ่งบางอย่างออกจากเซลล์ นอกจากนี้ ยังใช้ศึกษาค้นหาสาเหตุ และทดสอบขบวนการปฏิสนธิ เพื่อแก้ปัญหาภาวะมีลูกยาก จากฝ่ายชาย
อาจเป็นด้วยความบังเอิญ หรือโชคดี เกิดมีความคิดต่อเนื่องจากการทดลองดังกล่าว ข้างต้น โดยนักวิทยาศาสตร์การแพทย์บางคน กล้าหาญใส่ "ตัวอสุจิ" เข้าไปภายในเซลล์ "ไข่" เมื่อเกิดการปฏิสนธิขึ้นมา ก็นำ "ตัวอ่อน" ที่สมบูรณ์มาใส่กลับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ก็กลายเป็นความสำเร็จที่น่ามหัศจรรย์ทีเดียว
ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ
การเจาะ "ไข่" ใส่ "ตัวอสุจิ" นั้น อาจจะใส่ "อสุจิ" เพียงตัวเดียวหรือหลายตัวก็ได้ ในกรณีที่ใส่ "ตัวอสุจิ" ไว้ที่ "ช่องว่าง" ระหว่างเปลือกนอก (ZONAPELLUCIDA) กับ "ไข่" ที่แท้จริงที่เรียก PERIVITELLINE SPACE ก็เรียกว่า SPERM TRANSFER หากใส่ "ตัวอสุจิ" เข้าไปใน "เนื้อไข่" (EGG CYTOPLASM) จึงเรียกว่า SPERM INJECTION
ข้อบ่งชี้ (INDICATION)
การทำ MICROMANIPULATION จะทำในกรณีที่มี ข้อบ่งชี้จากปัญหาของฝ่ายชาย เป็นส่วนใหญ่ ดังต่อไปนี้เท่านั้น
1. "เชื้ออสุจิ" ไม่เคลื่อนไหว
IMMOTILE SPERM อาจเป็นด้วยสิ่งแวดล้อมหรือพิการแต่
กำเนิด สิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดผลเช่นนี้คือ ยาบางชนิด ส่วนความพิการแต่กำเนิดที่มีผล คือส่วนหางของตัวอสุจิไม่เคลื่อนไหว "ตัวอสุจิ" ที่คุณภาพ ต่ำหรือไม่เคลื่อนไหว มักจะส่วนกลางลำตัว(MIDPIECE) และหาง (TAIL) ผิดปกติ "เชื้ออสุจิ" เหล่านี้ ยังมีศักยภาพในการปฏิสนธิอยู่ กรรมวิธีนี้ถือว่า "คุ้มค่า" ที่จะทำ
2. จำนวน "เชื้ออสุจิ" มีน้อยมาก
(SEVERE OLIGOZOOSPERMIA) หมายถึง มีจำนวน
ตัวอสุจิน้อยกว่า 5 ล้านตัวต่อมิลลิลิตร เนื่องจากหากนำไปใช้ในการทำ "เด็กหลอดแก้ว" จะเกิดการปฏิสนธิน้อยลงไปด้วย
3. การที่ "เชื้ออสุจิ" ล้มเหลวในการเจาะไข่
ในเวลาที่จัดให้ผสมกันในหลอดทดลอง
(FAILURE OF PENETRATION OF EGG INVESTMENTS BY SPERM) ทั้ง ๆที่ "ไข่" ก็สมบูรณ์ และ "เชื้ออสุจิ" ก็แข็งแรงดี ถ้าพบว่าเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็ควรเปลี่ยนมาใช้กรรมวิธีนี้
4. ปัญหาฝ่ายชายจากหลาย ๆ สาเหตุร่วมกัน
(MULTIPLE MALE FACTOR
PROBLEMS) เมื่อพบว่า มีผิดปกติ ในการวิเคราะห์คุณสมบัติของ "เชื้ออสุจิ" (SEMEN ANALYSIS) มากกว่า 3 องค์ ประกอบขึ้นไป ความสำเร็จในการทำปฏิสนธิ ในหลอดทดลอง จะลดลง หรือต่ำกว่าร้อยละ 8
อัตราเสี่ยงต่อการมีโครโมโซมผิดปกติ
ภาวะเชื้ออ่อนในผู้ชาย (MALE SUBFERTILITY) อาจจะสัมพันธ์กับโครโมโซม ที่ผิดปกติ มากกว่าภาวะปกติ ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2516) KJESSLER รายงานว่าส่วนใหญ่ของ ความผิดปกติ ทางโครโมโซมในผู้ชายที่มีบุตรยาก จะเป็นกลุ่มที่มีเชื้ออ่อนหรือไม่มีตัวเชื้ออสุจิเลย
ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) CHANDLEY ได้รายงานว่า พบโครโมโซมผิดปกติ ในผู้ชายร้อยละ 2 แต่จะเพิ่มเป็นร้อยละ 6 เมื่อจำนวนตัวอสุจิน้อยกว่า 20 ล้านตัวต่อมิลลิตร และเพิ่มเป็นร้อยละ 15 ในผู้ชายที่ไม่มีตัวเชื้ออสุจิเลย (AZOOSPERMIA)
ความรู้เบื้องต้น
"ไข่" ของสตรีนั้น มีชีวิตที่เทียบเท่าครึ่งชีวิตเพราะถ้าไม่รวมกับอีกครึ่งชีวิตของ "ตัวอสุจิ" ก็จะสลายไป
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย "ไข่" ของสตรีนั้นคล้ายคลึงกับ "ไข่ไก่" มาก มี "ไข่" ที่แท้จริง (OOCYTE) อยู่ตรงกลางเทียบได้กับ "ไข่แดง" ของไข่ไก่ มีเปลือกนอกหนา เรียกว่า "ZONA PELLUCIDA" เทียบได้กับเปลือกแข็งของไข่ไก่ และมีช่องว่างระหว่าง เปลือกนอก กับ "ไข่" ที่แท้จริงเรียกว่า "PERIVITELLINE SPACE" เทียบได้กับ "ไข่ขาว" ของไข่ไก่
เวลา "ตัวอสุจิ" เจาะไข่ ก็ต้องเจาะผ่าน ตั้งแต่ชั้นเปลือกนอก (ZONA PELLUCIDA) ผ่านช่องว่าง "PERIVITELLINE SPACE" จึงเข้าไปปฏิสนธิกับ "ไข่" ที่แท้จริง (OOCYTE) ได้
ชั้นเปลือกนอก "ZONA PELLUCIDA" มีประโยชน์ 2 อย่างคือ
หนึ่ง เวลาที่ "ตัวอสุจิ" เจาะ "ไข่" ผ่านเข้าไปปฏิสนธิได้ตัวหนึ่ง จะเกิดกลไกเปลี่ยนแปลง ภายในช่องว่าง (PERIVITELLINE SPACE) และที่เปลือกนอก (ZONA PELLUCIDA) ทำให้"อสุจิ" ตัวอื่น ๆ เจาะเข้าไปไม่ได้อีก จะได้ไม่เกิดการปฏิสนธิที่ผิดปกติ
สอง เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้ว จะมีการแบ่งตัวเกิดเป็น "ตัวอ่อน" จาก 2 เป็น 4, 8, 16
เป็นไปอย่างมีทิศทางที่แน่นอนอยู่ภายในกรอบ ถ้าหากไม่มีขอบเขตเป็นเปลือกนอก
(ZONA PELLUCIDA) อาจได้ "ตัวอ่อน" ที่ผิดไปจากที่ธรรมชาติต้องการ
"ตัวอ่อน" ที่เกิดจากการปฏิสนธิจะแบ่งเซลล์ไปเรื่อย ๆ จนเต็มภายในเปลือกไข่ หลังจากนั้นเมื่อจำนวนเซลล์ของ "ตัวอ่อน" มากขึ้นไปอีก จะดันให้เปลือกไข่ (ZOCA PELLUCIDA) แตกแล้ว "ตัวอ่อน" จะหลุดออกมา ต่อมาเมื่อ "ตัวอ่อน" ฝังตัวในโพรงมดลูกแล้ว ก็จะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ จนได้ "ทารก"
เทคนิคการทำ MICROMANIPULATION แบ่งได้กว้าง ๆ 3 เทคนิค |
|
ZONA DRILLING
ในวิธีดั้งเดิมนั้น ทำในหนู โดยการพ่นกรดบางชนิดผ่านทางหลอดแก้วปลายแหลม เรียวเล็ก ๆ ไปบน "ไข่" กรดจะไปละลายที่เปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) เกิดเป็น "ช่องว่าง" จากนั้น หาทางไปปฏิสนธิกับ "ไข่" เอง
วิธีนี้มีข้อเสีย คือ เรามักควบคุมปริมาณกรดที่พ่นออกไปละลายเปลือกนอกของ "ไข่" ไม่ได้ ทำให้เกิด "ช่องว่าง" ที่เปลือกไข่กว้างเกินไป เมื่อมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น แล้วแบ่งเซลล์ เพิ่มจำนวนมาก เซลล์บางเซลล์จะหลุดออกมาข้างนอกทางรูกว้างผลคือ "ตัวอ่อน" ไม่เจริญเติบโตตามปกติ ในที่สุดก็จะตายไป
ต่อมา CHOHEN และคณะประสบความสำเร็จในการให้กำเนิดมนุษย์คนแรกด้วยวิธีนี้ แต่เปลี่ยนจากใช้ "กรด" มาเป็นใช้ "เข็ม" เจาะแทน "เข็ม" ที่ว่านี้ทำมาจาก หลอดแก้วเล็ก ๆ ที่ทำให้ส่วนปลายแหลมเรียวเล็กมาก ๆ บริเวณที่เจาะก็คือ ตำแหน่ง 1 นาฬิกา เจาะทะลุไปที่ตำแหน่ง 11 นาฬิกาของ "ไข่" เราเรียกวิธีนี้ใหม่ว่า "PARTIAL ZONA DISSECTION" (เรียกย่อ ๆ ว่า "PZD")
SUBSONAL SPERM INSERTION (เรียกย่อ ๆ ว่า "SUZI")
เป็นวิธีใช้หลอดแก้วเล็ก ๆ ที่ส่วนปลายเป็นเข็มเรียวเล็ก ๆ แทงทะลุชั้นเปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) เข้าไปใน "ช่องว่าง" ระหว่างเปลือกนอกกับ "ไข่" ที่แท้จริง (OOCYTE) ที่เรียก "PERIVITELLINE SPACE" แล้วปล่อยให้ "ตัวอสุจิ" จำนวนหนึ่งอยู่ใน "ช่องว่าง" นี้ "ตัวอสุจิ" จะเข้าปฏิสนธิกับ "ไข่" เอง
จำนวน "ตัวอสุจิ" ที่ควรใส่ในช่องว่าง "PERIVITELLINE SPACE" คือประมาณ 20 ตัว จะก่อให้เกิดการปฏิสนธิกับ "ไข่" ด้วย "ตัวอสุจิ" ตัวเดียว (MONOSPERMIC FERTILIZATION) สูงมาก
ขณะที่เกิดภาวะ "อสุจิ" หลายตัวเข้าปฎิสนธิกับ"ไข่" (POLYSPERMIC FERTILIZATION) สูงขึ้น ในอัตราที่ยอมรับได้คือ ประมาณร้อยละ 40 ของการปฏิสนธิทั้งหมด
"ตัวอ่อน" ที่ได้จะมีอัตราการฝังตัวสูงกว่าในกลุ่มแรก ("PZD" PARTIAL ZONA DISSECTION) ที่กล่าวแล้ว
วิธีนี้เหมาะที่นำมาใช้ในกรณีที่สามีเชื้ออ่อนมาก (SEVERE OLIGOZOOSPERMIA) นอกจากนี้ เราสามารถใส่ "อสุจิ" ที่แช่แข็งแล้วละลายออกมาใช้ก็ได้
เป็นที่แน่นอนว่า "ตัวอสุจิ" จะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพื่อทำให้ตัวเองมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถ (CAPACITATION & ACROSOMAL REACTION) จึงจะก่อให้เกิด การปฏิสนธิได้ "ตัวอสุจิ" ของมนุษย์ต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ในการเตรียม (SPERM PREPARATION) จึงจะมีความสามารถดังกล่าว Ng และคณะได้ใช้วิธีพิเศษ (FICOLL METHOD) เตรียม "เชื้ออสุจิ" เพื่อแยก "ตัวอสุจิ" ที่ดีออกมาจากน้ำอสุจิ ที่ด้อยคุณภาพสำหรับ "อสุจิ" ที่ไม่เคลื่อนไหวก็จะใช้เวลาในการเตรียมเพิ่มขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อทำให้มีความสามารถในการปฏิสนธิได้เช่นกัน
สำหรับ "ไข่" (OOCYTE) ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเจริญเติบโตจนสมบูรณ์เต็มที่ (MATURE) จึงจะปฏิสนธิได้ การที่มีการปฏิสนธิน้อยหรือไม่ดี มักเป็นผลจาก "ไข่" ที่แก่เกินไป (POSTMATURE OR AGING OOCYTE)
การปฏิสนธิในหลอดแก้วทดลอง พบว่า การเคลื่อนไหวของ "ตัวอสุจิ" ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็น อย่างยิ่งยวด สำหรับการรวมกันของ "อสุจิ" กับ "ไข่" (SPERM OOCYTE FUSION) เหมือนในร่างกายมนุษย์ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะใช้ "อสุจิ" ที่ไม่เคลื่อนไหว (แต่มีชีวิต) ให้มาปฏิสนธิกับ "ไข่" ได้
ทั้งวิธีการ PARTIAL ZONA DISSECTION และ SUBZONAL SPERM INSERTION มีอัตราการเกิดภาวะ "ตัวอสุจิ" หลายตัวเข้าผสมใน "ไข่" ใบเดียวกัน (POLYSPERMY) สูงขึ้น ประมาณร้อยละ 25 หรือมากกว่านี้ แต่ก็มีวิธีการแก้ไขหลายวิธี ยกตัวอย่าง เช่น การกำจัดทิ้ง, การป้องกันด้วยการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในการหยอดผสม "เชื้ออสุจิ" ลงใน "ไข่" ที่แช่สัมผัสกับสาร SUCROSE ในหลอดทดลอง นอกจากนี้ยังอาจใช้วิธี MICTOMANIPULATION เจาะเข้าไปใน "ไข่" ที่มีการปฏิสนธิผิดปกติ ดูดเอา "อสุจิ" ที่เกิน (EXTRA SPERM PRONUCLEUS) ออกมา
DIRECT SPERM MICROINJECTION
เป็นวิธีการที่รุนแรงวิธีหนึ่งโดยการเจาะเข้าไปใน "เนื้อไข่" (EGGCYTOPLASM) แล้วใส่ "ตัวอสุจิ" เข้าไปหนึ่งตัว วิธีการนี้จะเป็นการข้ามขั้นตอนของการคัดเลือก "ตัวอสุจิ" และขบวนการต่อต้านขัดขวางทางธรรมชาติของ "ไข่" เพราะเจาะใส่ "ตัวอสุจิ" เข้าไปใน "ไข่" โดยตรง อย่างไรก็ตาม "อสุจิ" ที่ใช้ ควรผ่านการเตรียม (SPERM PREPARATION) ก่อน เพื่อให้มีความสามารถในการปฏิสนธิ (CAPACITATION & ACROSOMAL REACTION)
โดยปกติควรเลือก "อสุจิ" ตัวที่แข็งแรงว่องไวแต่เราไม่มีวิธีการใด ๆ ที่จะรู้ว่า "อสุจิ" ตัวนั้นมีโครโมโซมผิดปกติหรือไม่
การที่ "ไข่" ถูกเจาะ ย่อมทำให้ "ไข่" ได้รับอันตรายบ้างมีผลทำให้ "ไข่" สลายตัวตายไป ประมาณร้อยละ 30 "ไข่" ที่รอดชีวิต สามารถที่เกิดขบวนการปฏิสนธิต่อเนื่อง ได้เหมือนกับ ในธรรมชาติ
ASSISTED HATCHING
(การช่วยเหลือในการฟัก "ตัวอ่อน")
หมายถึงการเพิ่มความสามารถของ "ตัวอ่อน" ในการฟักตัวออกมาภายนอกเปลือก ด้วยการเจาะรูบริเวณเปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) โดยใช้วิธี MICROMANIPULATION TECH NIQUES
ใน "ตัวอ่อน" ที่ปฏิสนธิภายนอกร่างกายในหลอดแก้วทดลองมักจะมีการแข็งตัว ของเปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) แล้วไม่สามารถที่จะฟักหรือดันให้ เปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) แตก เพื่อให้ "ตัวอ่อน" เจริญเติบโตแบ่งตัว ต่อไปได้อีก
กรณีที่ไม่สามารถฟักตัวได้ "ตัวอ่อน" ก็จะเสียชีวิตอยู่ภายในเหมือนกับ "ลูกเจี๊ยบ" ที่ไม่สามารถเจาะออกจากเปลือกไข่ก็จะตายอยู่ภายในฟองไข่นั่นเอง หากช่วยให้บริเวณ เปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) เป็นรู ก็จะเป็นตำแหน่งที่เปราะบาง ช่วยให้ "ตัวอ่อน" ดันให้เปลือกนอก (ZONA PELLUCIDA) แตก และหลุดออกมาเจริญเติบโต ต่อไปได้
วิธีการช่วยเหลือ ก็คือ ใช้ "เข็ม" ที่ทำจากปลายหลอดแก้วที่เรียวเล็กมาก ๆ เจาะบริเวณเปลือกนอกของ "ไข่" (ZONA PELLUCIDA) ที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา ทะลุไปตำแหน่ง 11 นาฬิกา วิธีการนี้นิยมเจาะเปลือกนอก (ZONA PELLUCIDA) ในวันที่ 2 ของการปฏิสนธิ "ตัวอ่อน" ก็จะฟักตัวออกมาภายนอกเปลือกได้สมบูรณ์ พร้อมที่จะเจริญเติบโต อย่างปกติ การช่วยฟักตัวของ "ตัวอ่อน" จะช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ สูงขึ้นอย่างมาก
ผลการรักษาด้วยวิธี (MICROMANIPULATION) |
|
สำหรับทารกที่เกิดมา ก็ไม่แตกต่างไปจากทารกที่เกิดจากการช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น ๆ กรรมวิธี MICROMANIPULATION เป็นกรรมวิธีพิสดาร จนหลายคนอาจคิดไปไม่ถึง วิธีนี้สามารถช่วยเหลือ แก้ไขภาวะมีลูกยาก ที่เกิดจากสาเหตุฝ่ายชายได้พอสมควร เป็นกำลังใจสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาดังกล่าว และเป็นแนวทางสำหรับแพทย์ที่รักษา เพื่อค้นหาวิธีอื่นอีก ที่อาจเป็นไปได้ต่อไป สิ่งประดิษฐ์แปลก ๆ พิสดารใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ก็เพราะมีคนคิดว่า "น่าจะเป็นไปได้" และหาญกล้าทำในสิ่งที่คนอื่น ๆ พากันคิดว่า "เป็นไปไม่ได้"
พ.ต.ต.นพ.เสรี ธีรพงษ์
main |