พญ.จันทรา เจณณวาสิน
เมื่อแพทย์บอกกล่าวให้สตรีผู้รับการตรวจร่างกายว่าเธอมีเนื้องอก (Tumor) ที่มดลูก ถึงแม้เป็นเนื้องอกธรรมดาที่ไม่มีคุณสมบัติร้ายแรงแบบเนื้องอกชนิดร้ายที่เรียกว่ามะเร็ง (Cancer) สตรีผู้นั้นมักวิตกกังวล บางรายขอยืนยันให้ผ่าตัดมดลูกและเนื้องอก ชนิดธรรมดาออกเสียทั้ง ๆ ที่เธอไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
เนื้องอกของมดลูกชนิดธรรมดา เรียกว่า Myomauteri หรือ Uterine fibroid นั้น ประกอบด้วยเนื้อเยื่อคล้ายกับผนังของมดลูกแต่มีส่วนที่เป็นพังผืดมากกว่า มันเป็นเนื้องอกที่พบบ่อยมากถึง 25% ของสตรีที่มีอายุ 30 ปี หรือมากกว่านั้น คือ ตรวจพบมากในช่วงวัยเจริญพันธุ์และพบน้อยมากก่อนวัยเริ่มมีประจำเดือน ขนาดของเนื้องอกมักเล็กลงในสตรีช่วงหมดประจำเดือน ทั้งนี้เพราะขนาดการ เจริญเติบใหญ่ของเนื้องอกขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนสตรีเพศเอสโตรเจน (Estrogen) ดังนั้นสตรีที่เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย ราว 11 ขวบ เธอย่อมได้รับฮอร์โมน เอสโตรเจน ขนาดสูงเป็นระยะยาวนาน เธอย่อมมีอัตราเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกของมดลูก ชนิดนี้สูงกว่าสตรีทั่วไป อัตราการเกิดเนื้องอกในมดลูกสูงในครอบครัวที่มีประวัติมารดาหรือญาติพี่น้องมีเนื้องอก ชนิดนี้ คนอ้วนมีความโน้มเอียงสูงในการเกิดเนื้องอกแบบนี้ เช่นเดียวกับสตรีที่มีเชื้อสาย แอฟริกัน
จากสถิติ ยาคุมกำเนิด ชนิดที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำไม่ทำให้เกิดเนื้องอกชนิดนี้ คนที่มีเนื้องอกอยู่แล้วยาคุมกำเนิดพวกนี้ไม่ทำให้ขนาดของเนื้องอกโตขึ้น
ปัจจุบันสตรีที่มีความเอาใจใส่ในสุขภาพของตนเองมากขึ้น ดังนั้น ส่วนใหญ่เมื่อแพทย์ ตรวจพบว่ามดลูกของเธอมีเนื้องอก Myoma ขนาดของเนื้องอกที่พบจึงมีขนาดเล็ก และไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
ขนาด
เนื้องอก Myoma มีขนาดต่าง ๆ กันได้ ตั้งแต่ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด จนถึงขนาดหัวเด็ก ทารก
อาการผิดปกติ
อาการผิดปกติที่อาจพบได้ เป็นต้นว่า
ความรู้สึกปวดหน่วงในท้องน้อย โดยเฉพาะ เวลาเย็น สตรีบางคนอาจมีอาการ เจ็บเสียว ทางข้างซ้ายขวาของท้องน้อยได้ บางครั้งเจ็บปวดมากถึงขนาดตัวงอ ทั้งนี้เนื่องจากเส้นพังผืดที่ยึดมดลูกอาจถูกดึงรั้ง เนื่องจากขนาดของเนื้องอกที่โตขึ้น ทำให้มดลูกเอียง หรือถ่วงมดลูกไปทางใดทางหนึ่ง
อาการปวดท้องโดยเฉพาะช่วงระหว่างมีประจำเดือนและปัญหาเกี่ยวกับเลือดระดู มาบ่อย หรือมานาน และมีจำนวนมาก มักพบในสตรีที่มีเนื้องอกอยู่ในตำแหน่งแทรกอยู่ใน ผนังมดลูก หรือยื่นเข้าไปข้างในโพรงมดลูก ถ้าเนื้องอกยื่นออกมานอกมดลูก มักไม่เกิด อาการผิดปกตินอกจากมันไปกดอวัยวะอื่นในอุ้งเชิงกราน หรือขั้วของเนื้องอกบิดเกลียว
เนื้องอกนี้อาจทำให้สตรีมีระดูยาวนาน และมากพอจนทำให้เกิดอาการโลหิตจาง คือ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซูบซีด และเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้แพทย์ตัดสินใจทำการผ่าตัด ขนาดของเนื้องอกรวมทั้งตำแหน่งของมันอาจไปกดกระเพาะปัสสาวะเบียดเนื้อที่ใน กระเพาะปัสสาวะเล็กลง ซึ่งทำให้สตรีผู้นั้นมีปัญหาทางปัสสาวะบ่อย หรือถ้าก้อนเนื้องอก ไปกดตรงท่อไตที่นำปัสสาวะจากไตลงสู่กระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้เกิดน้ำปัสสาวะ คั่งในไต และปัญหาเกี่ยวกับไตได้
นอกจากสตรีมีปัญหาในทางขับถ่ายอุจจจาระลำบากแล้วอาการปวดหลังอาจพบได้ ในกลุ่มสตรีที่มีเนื้องอก
สตรีที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เนื่องจากก้อนเนื้องอกไปรบกวน การฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว ณ ผนังด้านในโพรงมดลูกหรือก้อน เนื้องอกไปปิดกั้นทางเดิน ของตัวเชื้ออสุจิไม่ให้เข้าไป ในท่อนำไข่ได้
โอกาสของก้อนเนื้องอกจะกลายเป็นมะเร็ง น้อยมาก น้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้ถ้าสตรีใดไม่มีอาการดังกล่าว ในปัจจุบันนี้ แพทย์มักไม่แนะนำการผ่าตัด
การวินิจฉัย
การใช้เครื่องมือช่วยในการตรวจวินิจฉัยก้อนเนื้องอก ได้แก่
เนื่องจากในปัจจุบันนี้ วงการแพทย์มีเครื่องมือที่ช่วยในการวินิจฉัย และเฝ้าติดตามดูแล ขนาดของก้อนเนื้อหลังงอกได้อย่างแม่นยำถูกต้อง ดังนั้นถ้าสตรีผู้นั้นไม่มีอาการผิดปกติ แต่อย่างไร ก้อนเนื้องอกขนาดไม่โตมาก เมื่อสตรีผู้นั้นอายุมากขึ้น ระดับฮอร์โมน เอสโตรเจน ลดต่ำลงขนาดก้อนเนื้องอกนั้นย่อมเล็กลง
ดิฉันเคยเฝ้าดูคนไข้สตรีผู้หนึ่งที่มีก้อนเนื้องอก Myoma ขนาดใหญ่ 10 เซนติเมตร หรือตัวมดลูกโตระดับสะดือ เพียงชั่วระยะเวลาไม่ถึงปี ขนาดเนื้องอกลดลงเหลือเพียง หนึ่งในสามของขนาดเดิม การใช้การตรวจด้วยคลื่นแสงเฝ้าติดตาม ช่วยในการดูลักษณะ ที่เปลี่ยนแปลงไป ในเนื้อของก้อนเนื้องอก ดิฉันเห็นด้วยกับนโยบายการรักษาสมัยนี้ว่า ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรแนะนำให้คนไข้ไปรับการผ่าตัด เพราะมดลูกมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับ อวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่และแม้แต่ช่องคลอด เอง อวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้มีเนื้อเยื่อและพังผืดยึดโยงกันอยู่อย่างใกล้ชิด ถ้าแพทย์ทำการ ผ่าตัดมดลูก โดยไม่คำนึงถึงบทบาทของพังผืดและเนื้อเยื่อที่ยึดรั้งกันไว้ สตรีผู้ได้รับการผ่าตัดอาจเกิดภาวะช่องคลอดเคลื่อนต่ำมาทางปากช่องคลอด รวมทั้งประเพาะปัสสาวะและทวารหนักซึ่งมีความโน้มเอียงในการห้อยย้อยลงมาอยู่แล้ว ดังนั้นดิฉันของเน้นในเรื่องการเฝ้าติดตามดูแลเนื้องอกทุกปีด้วยการตรวจภายใน และวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่าการผ่าตัดเอาเนื้องอกหรือมดลูก ยกเว้นสตรีผู้นั้นเกิดปัญหาใด ปัญหาหนึ่งดังกล่าวมาแล้ว
การใช้ยาพวกฮอร์โมนสตรีเพศตัวที่สองชื่อ โปรเจสเตอโรน(Progesterone) หรือยาที่กดการหลั่งของฮอร์โมน (GNRH agonist) ช่วยทำให้ขนาดของก้อนเนื้องอก ลดลง แต่ส่วนมากใช้เพียงแค่สามเดือนก่อนการผ่าตัด ถ้าใช้เกิดกว่าสามเดือนขนาดของ เนื้องอกไม่ลดลงไปอีก และถ้าหยุดใช้ขนาดของเนื้องอกโตกลับเท่าเดิม ในรายที่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดมดลูกออก สมัยนี้มีวิธีผ่าตัดโดยใช้กล้องช่วย Laparoscope Vagina Assist Surgery ช่วยให้แพทย์สามารถผ่าตัดมดลูกที่มีเนื้องอกออกทางช่องคลอดได้ เป็นเหตุให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว เสียเลือดน้อยกว่าการผ่าตัดทางหน้าท้อง
พญ.จันทรา เจณณวาสิน
main |