มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ http://i.am/thaidoc หรือ http://hey.to/yimyam

[ ที่มา..นิตยสารสารคดี ปีที่15 ฉบับที่ 177 พฤศจิกายน 2542]



เมื่อแผนการคุมกำเนิดผิดพลาด เช่น ถุงยางรั่ว
ลืมกินยา เกินสองวัน นับวันผิด มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ หรือถูกข่มขืน
"ยาคุมฉุกเฉิน" อาจนับเป็นทางเลือกที่ดี


ยาคุมฉุกเฉิน...ดาบสองคม ที่ลูกผู้หญิงควรรู้

วันดี สันติวุฒิเมธี

แต่ในกรณีที่นอกเหนือไปจากนี้ หากทางเลือกของคุณยังคงเป็นยาคุมฉุกเฉิน...
มีเรื่องอีกมากที่คุณต้องรู้


ปัจจุบัน ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (emergency contraceptive pill) หรือ "ยาคุมฉุกเฉิน" ซึ่งชื่อของมันบอกวัตถุประสงค์ ในการใช้ไว้อย่างชัดเจน ได้ถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์มากขึ้น และข้อมูลในใบกำกับยาเอง ก็ขัดแย้งกับผลงานวิจัยในหลาย
ประเทศทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ กลุ่มศึกษาปัญหายา สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลและสภาประชากร (The Population Council) จึงร่วมกันจัดเวทีประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างนักวิชาการ และผู้สนใจขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ ๑ ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง และหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมี รศ. ดร. กฤตยา อาชวนิจกุล และ คุณกนกวรรณ ธราวรรณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ร่วมด้วย วิทยากรจากภาครัฐและภาคเอกชน รศ. ดร. กฤตยา กล่าวถึง วัตถุประสงค์ในการจัดงานสัมมนา ครั้งนี้ว่า

"ทุกวันนี้ บ้านเราต้องเผชิญกับความสูญเสีย จากการทำแท้งปีละมากมายมหาศาล ถ้าเราเอาตัวเลขการทำแท้ง ที่พูดกันตั้งแต่เมื่อ ๒๐ ปีก่อน ปีละ ๓ แสนคน คูณค่าใช้จ่ายคนละ ๑ หมื่นบาท ก็เป็นเม็ดเงินถึงปีละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึง ความเสี่ยงที่ผู้หญิงต้องเผชิญกับปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการทำแท้ง ความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจที่ประเมินค่าไม่ได้ ดิฉันคิดว่า ถ้าหากเราให้ความรู้เรื่องวิธีการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้อง ก็น่าจะเป็นทางออกหนึ่งของผู้หญิงที่ไม่พร้อมจะตั้งครรภ์และไม่ต้องการทำแท้ง"

ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นยาที่มีส่วนประกอบเหมือนยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา แต่มีปริมาณยามากกว่า มีสองแบบ คือ แบบฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งมี ฮอร์โมนโปรเจสติน เพียงอย่างเดียว และแบบฮอร์โมนผสม ซึ่งประกอบด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน รวมกัน

แบบฮอร์โมนเดี่ยว มีข้อดีคือ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ ได้ ๘๕ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าแบบฮอร์โมนผสม ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง ๗๕ เปอร์เซ็นต์ และมีผลข้างเคียง (เช่น คลื่นไส้อาเจียน) น้อยกว่า ในตลาดยาบ้านเรามีเฉพาะยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบฮอร์โมนเดี่ยว อาจารย์กฤตยา อธิบายกลไกการทำงาน ของยาคุมฉุกเฉินว่า

."ยาคุมตัวนี้จะเข้าไปขัดขวางการตกไข่หรือทำให้การตกไข่ช้าไปกว่าเดิม และอาจมีผลทำให้เนื้อเยื่อของผนังมดลูกที่กำลังก่อตัวหนาขึ้น เพื่อเตรียมรับการฝังตัวของไข่อ่อนแอลง รวมทั้งมีผลอื่นๆ ที่จะไปขัดขวางการผสมระหว่างไข่กับอสุจิโดยตรง พูดง่ายๆ ว่ามันจะทำงานตั้งแต่ตัวอ่อนยังไม่เกิด ถ้าตัวอ่อนเกิดแล้วมันจะไม่ไปขัดขวางการพัฒนาของตัวอ่อนเลย ดังนั้น ยาตัวนี้จึงไม่ใช่ยาทำแท้ง"

โดยทั่วไป เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น คุมกำเนิดผิดพลาด ถูกข่มขืน ฯลฯ ผู้ใช้จะต้องกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เม็ดแรกภายใน ๗๒ ชั่วโมง หรือภายในสามวัน และกินเม็ดที่ ๒ หลังจากนั้นอีก ๑๒ ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้ได้รับการยืนยัน ผลจากงานวิจัยในหลายประเทศว่า สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ ได้ถึง ๗๕-๘๕ เปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็คือ ได้มีผู้หันมานิยมใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน แทนการคุมกำเนิดแบบปรกติ ซึ่งวิธีดังกล่าว เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ทั้งยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากกว่า ที่สำคัญผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินมากพอ และข้อมูลในใบกำกับยาเองก็ยังเป็นปัญหา การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และปัญหาสุขภาพ ด้านอื่นๆ จึงเกิดขึ้นตามมา

เภสัชกรสามิตร เหลียวเจริญ กล่าวถึงปัญหา ของกลุ่มผู้หญิงที่ไม่พร้อมตั้งครรภ์ว่า

ทุกวันนี้มีผู้หญิงที่ไม่พร้อมตั้งครรภ์มาขอคำปรึกษาที่ร้านของผม มากขึ้นเรื่อยๆ พอถามว่า ทำไมถึงปล่อยให้เกิดภาวะอย่างนี้ คำตอบที่ได้รับทำให้รู้ว่า ผู้หญิงหลายคนขาดความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง และบางคนก็ได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน เช่น เข้าใจว่ายาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาคุมธรรมดา โดยจะกินกี่ครั้งก็ได้ แต่ต้องกินหนึ่งเม็ดภายในหนึ่งชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ความเข้าใจผิดเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

ขณะที่ผลงานวิจัยในหลายประเทศ ระบุว่า ต้องกินยาทั้งหมดสองครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด แต่ข้อมูลในใบกำกับยาที่มีขายในบ้านเรา กลับระบุ ให้กินเพียงหนึ่งเม็ดภายในหนึ่งชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยที่ไม่มีผลงานวิจัย ยืนยันถึงประสิทธิภาพของยาแต่อย่างใด (ทั้งนี้จากงานวิจัยของ สงวน ลือเกียรติบัณฑิต ซึ่งทำการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดหลังร่วมเพศ พบว่า ข้อมูลในใบกำกับยา ดังกล่าว มาจากงานวิจัยของผู้ผลิต เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น) ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้ยาส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่า หากกินยาหลังร่วมเพศเกินหนึ่งชั่วโมง ยาจะไม่ได้ผล หลายคนจึงปล่อยเลยตามเลย จนแน่ใจว่าตั้งครรภ์แล้ว ค่อยกินยาขับหรือทำแท้ง ทั้งที่หากทราบข้อมูลการใช้ยาที่ชัดเจน ถูกต้องเพียงพอ คือรู้ว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลา ๗๒ ชั่วโมงหลังร่วมเพศ และรู้ถึงวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง คือ ต้องกินสองครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด ตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจะทำให้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ จนต้องมาจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันภายหลัง

นอกจาก การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้ว วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉิน อีกแบบหนึ่งที่ใช้ได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น คือ การกินยาคุมแบบธรรมดา แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น อาจารย์รวงทิพย์ ธัญพิสิฐ จากภาควิชา เภสัชศาสตร์สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงวิธีกินยา แบบนี้ว่า

"ตามปรกติ ยาคุมแบบธรรมดาจะมีฮอร์โมนอยู่ในระดับต่ำ แต่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยต้องกินทุกวัน ถ้าต้องการกินเพื่อคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน จะต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองหรือสามเม็ด เพื่อให้ปริมาณฮอร์โมน สูงเท่าๆ กับ ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว แต่ผู้ใช้ยาควรศึกษาให้ดีก่อนเพิ่มปริมาณยา เพราะยาคุมแบบธรรมดาแต่ละยี่ห้อ มีปริมาณฮอร์โมนในยาแต่ละเม็ด ไม่เท่ากัน"

ปัญหาที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ จำนวนผู้ใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่ได้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากงานวิจัยของ สงวน ลือเกียรติบัณฑิต ซึ่งทำการสอบถามผู้ใช้ยา จำนวน ๖๐ คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างใช้ยาเฉลี่ย เดือนละ ๓.๖ เม็ด ซึ่งแสดงว่า กลุ่มตัวอย่างใช้ยาอยู่เป็นประจำ ไม่ได้ใช้ในกรณีฉุกเฉินตามที่ควรจะเป็น นายแพทย์มงคล ณ สงขลา กล่าวถึงสถานการณ์ การใช้ยาคุมฉุกเฉินในปัจจุบันว่า "เพื่อนหลายคนที่เปิดร้านขายยา เล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้มีคนใช้ยาตัวนี้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น ที่น่าตกใจก็คือ คนซื้อกลับเป็นผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่คนกิน ส่วนผู้หญิงซึ่งเป็นคนกินกลับไม่ได้ซื้อ"

สาเหตุหนึ่งที่ผู้ชายจำนวนมากหันมาซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ให้คู่นอนของตน มาจากทัศนคติไม่ดีเกี่ยวกับถุงยางอนามัย ที่ว่า "ใช้แล้วไม่เป็นธรรมชาติ" หรือ "ถุงยาง เหมาะสำหรับโสเภณี" บ้างก็อ้างว่า ถุงยางอนามัยเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่จากประสบการณ์ของอดีตนักเที่ยว ซึ่งเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ด้วย พบว่า เหตุผลหนึ่งที่ผู้ชายนิยมใช้วิธีนี้ก็คือ สะดวกดี ผลจากทัศนคติดังกล่าว ผู้หญิงจึงตกอยู่ในอันตรายโดยไม่รู้ตัว เพราะการกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยครั้ง ทำให้ผู้หญิงได้รับฮอร์โมนบางตัวสูงเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย และการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ยังทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ง่ายขึ้นด้วย ผู้เข้าร่วมสัมมนาท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์จากการทำงานกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในโรงงานให้ฟังว่า

"เดี๋ยวนี้ แฟชั่นยอดฮิตของผู้ชายในโรงงาน คือ พกยาคุมฉุกเฉินติดกระเป๋าตลอดเวลา เขาบอกว่า เพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน ไม่เลือกสถานที่ และไม่เลือกเวลา ดิฉันถามเขาว่า เวลาให้ผู้หญิงกินพูดว่าอย่างไร เขาบอกว่า จะอ้างว่าเป็นยาบำรุง พอให้กินบ่อยครั้งผู้หญิงเริ่มสงสัย ก็เปลี่ยนเป็นใช้วิธีอื่นแทน"

อาจารย์สำลี ใจดี จากกลุ่มศึกษาปัญหายา กล่าวถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ยาว่า

"งานวิจัยเมื่อปีที่แล้ว ได้ผลออกมาว่า ยาตัวนี้ มีผลข้างเคียงมากมาย ทั้งคลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว ประจำเดือนมามากหรือน้อยเกินไป ซึม ง่วง ท้องเสีย ทั้งยังพบว่า มีอัตราเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมด้วย ผู้หญิงที่กินยาตัวนี้มากเกินไป อาจเป็นอันตรายอย่างคาดไม่ถึง เพราะยาตัวนี้ผลิตขึ้นมาสำหรับกรณีฉุกเฉินไม่ใช่สำหรับใช้เป็นประจำ"

ในงานสัมมนาครั้งนี้ วิทยากรได้สรุปแนวทางการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับเม็ดยาคุมกำเนิดฉุกเฉินว่า ควรเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แก้ไขใบกำกับยาให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวง สาธารณสุข องค์กรพัฒนาเอกชน ร้านขายยา และสื่อมวลชน จะต้องช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องสู่ประชาชน เพื่อลดอันตรายจากการใช้ยาพร่ำเพรื่อ รวมทั้งเผยแพร่ยานี้ให้เป็นที่รู้จัก ในฐานะที่เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่ไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่อยู่ในกรณีฉุกเฉินจริงๆ


ขอบคุณนิตยสารสารคดี ที่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1