มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/

[ คัดลอก จากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 21 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2540 ]

ตับอักเสบเรื้อรัง

นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ


โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสเป็นปัญหาสำหรับประชากรหลายประเทศ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ถือว่าโรคนี้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว

ปัจจุบันพบเชื้อไวรัสตับอักเสบแล้วกว่า 5 ชนิด เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ, บี, ซี, ดี และอี เป็นต้น ตับอักเสบเป็นได้ทั้งเฉียบพลันและเรื้องรังครับ

ไวรัสตับอักเสบบางชนิดทำให้เกิดเฉพาะตับอักเสบชนิดเฉียบพลัน เช่น เอและอี ส่วนชนิด บี, ซีและอี ก่อให้เกิดตับอักเสบชนิดเรื้อรังได้บ่อย

เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี นั้นพบว่าราว 300 ล้านคนทั่วโลกเป็นพาหะของเชื้อนี้ ในบ้านเราซึ่งพบราว 6% ก็หมายความว่า กว่า 3 ล้านคนติดเชื้อนี้เข้าแล้ว และยังพบว่าเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง กว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยตับแข็งทั้งหมด

นอกจากนี้คนที่เป็นพาหะของไวรัสบีนี้ยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนปกติถึง 200 เท่าครับ

เชื้อไวรัสตับอักเสบซี ต่างจากชนิดบีที่มันเป็นไวรัสชนิด อาร์เอ็นเอ (RNA) และไม่ใช่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ ถึงกระนั้นก็ยังไว้ใจไม่ได้ครับ เพราะมันก็เป็นสาเหตุใหญ่ของโรคตับแข็ง

ติดเชื้อตับอักเสบบีหรือซีได้อย่างไร
อาจติดได้หลายทางครับ เช่นติดจากเลือด หรือน้ำที่คัดหลั่งจากร่างกายของผู้ที่มีเชื้อนี้อยู่ อาจติดได้จากการร่วมเพศกับผู้ที่ป่วยหรือเป็นพาหะของไวรัสตับบีหรือซี

ผู้เสพยาเสพติดโดยการฉีดอาจได้รับเชื้อจากการใช้เข็มร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เจาะหรือตรวจเลือดอาจได้รับเชื้อจากเข็มตำถ้าเข็มนั้นใช้กับผู้ป่วย มาก่อน

อาการของตับอักเสบเป็นอย่างไร
ตับอักเสบจากเชื้อบีหรือซีอาจมีอาการดังต่อไปนี้ครับ
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • ดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง)
  • ไม่มีแรง อ่อนเพลีย
  • ปัสสาวะสีเข้มคล้ายน้ำชา
  • อุจจาระสีซีดหรือเทา
บางครั้งตับอักเสบอาจเป็นเบา ๆ จนแทบไม่ได้สังเกตก็มีครับ อาจคิดว่าไม่สบายเล็กน้อยแล้วก็หายไปเองโดยไม่มีอาการดีซ่านให้เห็น

ตับอักเสบเฉียบพลันกับเรื้อรังต่างกันอย่างไร
เมื่อได้รับเชื้อเข้ามาและมีอาการดังกล่าวข้างต้นก็เรียกว่าอยู่ในระยะเฉียบพลันครับ ระยะนี้อาจเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้แล้วก็ฟื้นตัว อาการดีขึ้น หลายรายหายเป็นปกติ

ที่กลายเป็นเรื้อรังคือ ผู้ป่วยที่ตับไม่ยอมฟื้น ยังมีอาการอักเสบอย่างต่อเนื่อง เซลล์ตับถูกทำลายไปเรื่อย ๆ

ราว 10-20% ของผู้ป่วยเป็นตับอักเสบจากไวรัสบีจะเกิดเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ส่วนคนที่ตับอักเสบจากไวรัสซีจะเป็นเรื้อรังเสียตั้ง 30-50% ทีเดียว

ตับอักเสบเรื้อรังมีอาการอะไรบ้าง ?
คนที่เป็นน้อยอาจไม่ทันสังเกตว่ามีอาการก็ได้ ตับอักเสบเรื้อรังจะนำไปสู่การเกิดตับแข็ง
ตับแข็ง หมายถึง การที่เซลล์ตับตายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยพังผืด และไขมัน การทำงานของตับจะเสียไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถทำลายสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย
เมื่อตับแข็งใหม่ ๆ อาจยังไม่มีอาการ จนกระทั่งตับแข็งมากอาจแสดงอาการดังนี้

ตับแข็งมากอาจแสดงอาการดังนี้
  • น้ำหนักลด
  • อ่อนเพลีย
  • ดีซ่าน
  • เบื่ออาหาร
  • คลื่นไส้ อาเจียน
ตับแข็งจะนำไปสู่ภาวะตับไม่ทำงาน (ตับวาย) และกลายเป็น มะเร็งตับ
จากตับอักเสบเฉียบพลัน ถึงตับอักเสบเรื้อรัง ห่างกันแค่ไหน ?
ไม่แน่ครับ ระยะเวลาระหว่างตับอักเสบเฉียบพลันและอาการของตับอักเสบเรื้อรังไม่แน่นอน

จะวินิจฉัยตับอักเสบเรื้อรังได้อย่างไร ?
  • การตรวจเลือด ช่วยได้มากครับ บอกให้รู้ว่าเป็นไวรัสบีหรือซี บอกการทำงานของตับว่าดีเพียงไร และใช้ติดตามการรักษาว่าผลเป็นอย่างไรได้ด้วย
  • การส่องกล้องดูตับ การทำอัตราซาวนด์ การเอกซเรย์ สามารถช่วยแพทย์ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ในการรักษา
  • การตัดเนื้อตับไปตรวจทางพยาธิวิทยา ช่วยให้รู้การเปลี่ยนแปลงของเนื้อตับ ได้มากครับ

รักษาได้แค่ไหน ?
ต้องยอมรับว่ารักษายากครับ ยิ่งเมื่อกว่า 10 ปีก่อน หรือก่อนหน้านั้นด้วยแล้ว โรคนี้สร้างความหนักใจแก่แพทย์มากทีเดียว เพราะยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล เรียกว่า วินิจฉัยได้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

แต่ขณะนี้มีความหวังขึ้นมาบ้าง เนื่องจากค้นพบยาซึ่งรักษาได้ผลดีขึ้นกว่ายารุ่นก่อน ๆ
1. การรักษาทั่วไป เป็นการรักษาประคับประคองและรักษาตามอาการ

2. การรักษาด้วยยา ยาที่พอจะรักษาตับอักเสบเรื้อรังได้ผล คือ อินเตอร์เฟรอน ครับ ยานี้จะไปต้านการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้ ลดการอักเสบของตับ เช่น การเกิดตับแข็ง และมะเร็ง

ยานี้ต้องใช้ฉีดและใช้ขนาดยาสูง ให้ยาต่อเนื่องไป 3-5 เดือน ค่าใช้จ่ายจึงค่อนข้างสูงครับ อย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับบีโดยไม่มีอาการมักจะรักษาไม่ได้ผล
สำหรับตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับซี การักษาด้วยยานี้ก็มีจุดประสงค์เช่นเดียวกับ การรักษาตับอักเสบจากไวรัสบี ผลการรักษายังไม่สู้ดีนักและยังขึ้นอยู่กับว่าเป็นการอักเสบชนิดใดด้วย

อินเตอร์เฟรอนมีผลข้างเคียงไหม ?
มีครับ ผลข้างเคียงที่ไม่ปรารถนาที่พบบ่อยได้แก่ อาการคล้ายไข้หวัด คือ
  • เป็นไข้
  • ปวดศีรษะ
  • ไม่มีแรง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เบื่ออาหาร
การใช้ก่อนนอนอาจช่วยลดอาการข้างเคียงลงได้ โดยทั่วไปเมื่อให้ยาต่อเนื่องไปนานขึ้น ผลข้างเคียงจะค่อย ๆ ลดลง ผลข้างเคียงที่รุนแรงก็มีแต่มักพบได้น้อย เช่น
ผลข้างเคียงที่รุนแรงก็มีแต่มักพบได้น้อย
  • อาการของโรคจิต
  • ติดเชื้อแบคทีเรีย
  • หัวใจวายแบบเลือดคั่ง
  • ต่อมธัยรอยด์อักเสบ
  • ข้ออักเสบ
  • โลหิตจาง เกล็ดเลือดน้อย
  • ตับอักเสบ
  • ผลข้างเคียงระยะยาวได้แก่ผมร่วงครับ แต่ก็ยังดีหน่อยที่หยุดฉีดยาแล้วจะดีขึ้น ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับซี จะเกิดผลข้างเคียงจากยาอินเตอร์เฟรอน ได้บ่อยกว่าตับอักเสบจากไวรัสบี

จะป้องกันตับอักเสบบีหรือซีได้หรือไม่ ?
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสบีหรือซีคือ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การร่วมเพศกับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่ได้ป้องกัน (เช่น ใช้ถุงยาง อนามัย)
สำหรับไวรัสบีมีวัคซีนป้องกันแล้ว ผู้มีความเสี่ยงสูงก็ควรฉีดป้องกัน เช่น เจ้าหน้าที่ ที่ใกล้ชิด ผู้ป่วยหรือเลือด, เด็ก, พวกฉีดยาเสพติด, ผู้ที่สักตัว, โสเภณี, พวกรักร่วมเพศ เป็นต้น


ไวรัสตับซียังไม่มีวัคซีนป้องกันครับ ต้องระวังตัวเองได้อย่างเดียวเท่านั้น
ขอให้โชคดี ขอให้ปลอดจากโรคนี้ครับ

นพ.อมรชัย หาญผดุงธรรมะ


[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1