มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://geocities.datacellar.net/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ไตวาย ตายไว


คำเก๋ๆ ตามหัวเรื่อง ผู้เขียนไม่ได้คิดขึ้นมาเองหรอกครับ เอามาจากรายการ "ธรรมชาติ บำบัด" ของคุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ที่เชิญผู้เขียนไปร่วมรายการ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ยูบีซี เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมาหมาดๆ นี้เอง

เรื่องของเรื่องมาจากปัญหาที่มีการกล่าวขานกันมาก เรื่องแพทย์ผ่าตัดเอาไตคนตายจากอุบัติเหตุ ไปใส่ให้กับผู้ป่วยที่ต้องการไต เหตุเกิดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ กระทั่งมีการกล่าวหากันว่าเป็นการขโมยไต ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้นสายปลายเหตุจะมาจากไหน เห็นทีเรื่องนี้จะไม่ขอวิจารณ์

แพทย์คนที่ถูกแพทยสภาถอนใบอนุญาตตลอดชีวิตไปนั้น บังเอิญเป็นคนที่ผู้เขียนเคยรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เท่าที่รู้จัก แพทย์ท่านนี้ซึ่งท่านเป็นอาจารย์แพทย์ในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงก็พบว่า ท่านเป็นคนที่มีอัชฌาศัยใจคอดี ท่าทางสุภาพ มีน้ำใจ แต่เราไม่เจอกันมาเกือบสิบห้าปีแล้ว จึงยังนึกไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพทย์ท่านนั้น

เมื่อเกิดเหตุขึ้น สังคมก็ตำหนิติติงแพทย์กันยกใหญ่ แต่เรื่องที่สังคมลืมนึกถึงคือ ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไตมากมายเหลือเกิน ผู้ป่วยเหล่านี้ทนทุกข์ทรมานต้องรอผู้ใจบุญบริจาคไต หากคิดจะขอบริจาคจากลูกหรือญาติ ซึ่งจะทำให้ได้ไตที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด ก็คงหาไม่ได้ง่ายนัก จึงต้องใช้ไตจากผู้อื่น ซึ่งมีความเสี่ยงมากพอสมควร ร่างกายอาจจะปฏิเสธไตใหม่แม้จะใช้ยากดอาการต่อต้านอวัยวะใหม่แล้วก็ตามที

ผู้ป่วยโรคไตแต่ละปีมีจำนวนมาก ประเภทที่ไตเสื่อมสภาพ ถึงขนาดจะต้องเปลี่ยนนั้น มีจำนวนไม่น้อย ในขณะที่มีผู้บริจาคไต เป็นสัดส่วนเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่จำต้องทนทุกข์ทรมาน เสียค่าใช้จ่ายตั้งมากมายกับการฟอกไต บางรายที่ไตเสื่อมสภาพอย่างสิ้นเชิง หาไตใหม่ไม่ได้ ต้องฟอกไตกันสัปดาห์ละหลายวัน วันละ 6-8 ชั่วโมง หมดค่าใช้จ่ายกันมหาศาล ทนทุกข์ทรมานอีกต่างหาก แม้การเปลี่ยนไตจะมีความเสี่ยงสูง ผู้ป่วยก็มักอยากจะเปลี่ยนมากกว่า ที่จะต้องมาฟอกไตกันอยู่อย่างนั้น

คนไทยจะเป็นโรคไตกันสักเท่าไหร่ ผู้เขียนไม่มีตัวเลขหรอกครับ แต่มีหมอท่านหนึ่งกล่าวว่า คนไทยเป็นโรคไตในสัดส่วน ที่ไม่ต่างจากคนในชาติพัฒนานัก ในสหรัฐอเมริกา มีคนเป็นโรคไตประมาณ 3 ล้านกว่าคน หรือประมาณ ร้อยละ 1 ของประชากร โดยจำนวนนี้เสียชีวิตประมาณ 8 หมื่นคนต่อปี ที่ได้รับไตบริจาคประมาณ 5 หมื่นคน แต่ละปีมีคนรอการบริจาคไตเป็นล้านคน สังคมจ่ายเงินมหาศาลหมดไปกับการล้างไตนั่นแหละ คนไทยปีหนึ่งๆ เสียชีวิตไปกับโรคไตจำนวนไม่น้อย ที่รอรับบริจาคไตก็นับได้เป็นจำนวนหมื่น ที่น่าห่วงคือ คนไทยนับได้หลายแสนแสดงอาการของโรคไตคุกคาม แต่กลับไม่รับรู้ว่าตนเองมีปัญหาโรคไตอยู่ คนเหล่านี้รวมไปถึง คนที่ยังไม่มีอาการของโรคนี่แหละ ที่สังคมควรใส่ใจ

การที่จะมานั่งไล่เบี้ยกันว่ากรณีการขโมยไตตามที่มีการกล่าวหากันนั้น ใครผิดและใครถูก เพราะเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องปลายเหตุ การหาหนทางป้องกันต้นเหตุของปัญหาที่นำไปสู่ภาวะไตเสื่อมต่างหาก ที่น่าจะได้วิพากษ์วิจารณ์กัน

ปัญหาไตเสื่อมนั้น มาจากหลายสาเหตุครับ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอาหารการกินนี่เอง สาเหตุอีกส่วนหนึ่งมาจากสภาพปัญหาแวดล้อม สาเหตุที่มาจากอาการของโรคอื่น ที่ทำให้เกิดโรคไตแทรกซ้อน อย่างเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ในที่สุดก็พบว่า อาหารการกินก็มีส่วนสำคัญอีกเช่นกัน ส่วนปัญหาจากพันธุกรรมนั้น พบได้ไม่มากสักเท่าไหร่หรอก

ภาวะไตเสื่อมส่วนใหญ่จึงมาจากอาหารและสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ ในเรื่องอาหาร เป็นเรื่องที่หากรู้ก็น่าจะหาหนทาง ระมัดระวังป้องกัน ส่วนเรื่องสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเป็นภัย หากรู้จักช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมให้ดี ปัญหาสารพิษเข้าสู่ร่างกายแล้ว ทำให้ไตเสื่อมก็น่าจะลดลงได้ ทั้งโดยการกำหนดข้อบังคับจากภาครัฐ ในเรื่องการควบคุมสภาวะแวดล้อม และความร่วมมือจากภาคประชาชนอย่างเรานี่แหละ

สิ่งที่จะนำไปสู่ปัญหาไตเสื่อมนั้น ปัจจัยหลักๆ มาจากสองสามสาเหตุ คืออาการไตอักเสบที่เป็นผลมาจากพยาธิสภาพของไต อาจจะเป็นผลมาจากการได้รับสารพิษ การได้รับโปรตีนมากเกินไป กระทั่งทำให้ไตต้องทำงานหนักติดต่อกันมาทั้งชีวิต หรือจากภาวะนิ่วในไต ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากอาหารการกินอีกเช่นกัน

สรุปแล้ว ปากจึงเป็นสาเหตุหลักที่สร้างปัญหาให้กับไต โดยปากรับประทานอาหารผิดสัดส่วน ได้แก่อาหารที่มีโปรตีนจากสัตว์สูงจนเกินไป หรือมีเกลือมากเกินไป สร้างปัญหาความดันโลหิต ก่อปัญหากระทบถึงไต ทำให้ไตเสื่อมสภาพหรือบาดเจ็บ หรืออาหารหวานจัดจนเกินไป หรืออาหารปนเปื้อนสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นตะกั่วหรือโลหะหนักตัวอื่น หรืออาหารปนเปื้อนยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช หรือสารพิษปนเปื้อนมากับอาหาร ล้วนก่อปัญหาทำให้ไตเสื่อมสภาพได้ทั้งนั้น

มีแพทย์ที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่ง อยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา นำทีมโดยนายแพทย์เบรนเนอร์ (BM Brenner) เคยเขียนรายงานในปี พ.ศ.2525 ไว้น่าสนใจว่า สาเหตุที่ทำให้คนในยุคปัจจุบันมีปัญหาไตเสื่อม มากกว่าคนในอดีตก็เพราะบริโภคนิสัยตลอดจนพฤติกรรมของมนุษย์ยุคปัจจุบัน แตกต่างไปจากมนุษย์ในอดีตนั่นเอง

มนุษย์ยุคโบราณกินเนื้อสัตว์ที่ได้จากการล่า กว่าจะล่ามาได้ต้องใช้พลังงานและแรงกายมหาศาล นานๆ ครั้งจึงจะได้อาหาร ที่เป็นเนื้อสัตว์สักที มนุษย์โบราณมีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมัน การกินอาหารโปรตีนมื้อใหญ่ๆ แม้โปรตีนหลายส่วนจะถูกนำไปใช้ แต่หลายส่วนยังต้องขจัดทิ้ง ทำให้ไตต้องทำงานหนัก ไตจึงจำต้องมีหน่วยกรองหรือเนื้อเยื่อกรองปริมาณมากถึงสองล้านหน่วย ทำงานหนักครั้งหนึ่งแล้วก็ได้พัก

มนุษย์ยุคหลังๆ และมนุษย์ยุคปัจจุบัน บริโภคโปรตีนมากขึ้น บ่อยขึ้น เพราะหาซื้อได้ง่ายไม่ต้องไปล่าสัตว์อีกแล้ว ร่างกายมีสัดส่วนของกล้ามเนื้อน้อยลง มีไขมันมากขึ้น ดังนั้น เมื่อบริโภคโปรตีนแล้วร่างกายไม่ได้นำไปใช้ ทำให้ต้องขับออกในรูปของแอมโมเนียทางไต ขับออกบ่อยครั้งๆ ละมากๆ ไตต้องทำงานหนักซ้ำๆ ซากๆ เข้า อายุ 30 ปีไตก็เริ่มเสื่อมสลาย ความแก่ของมนุษย์ยุคปัจจุบันหากวัดกันที่สมรรถภาพการทำงานของไต จึงนับได้ตั้งแต่อายุ 30 ปี อย่างนี้ยังไม่น่าห่วงอีกหรือ

โรคไต เกิดได้จากหลายสาเหตุ อย่างเช่น การได้รับยาบางอย่าง หรือสารพิษบางชนิด สารพิษอย่างเช่น โลหะหนัก สารอินทรีย์ ที่ใช้ในการทำละลาย หรือที่เรียกว่าโซลเวนท์ สารที่ใช้ ในทางเคมีบำบัด โรคมะเร็ง หรือแม้กระทั่ง พิษงู พิษแมลง พิษจากเห็ด ตลอดจนสารฆ่าแมลง ฆ่าวัชพืช ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่สร้างปัญหา ให้กับไตได้ทั้งนั้น

โรคไตมีหลายกลุ่ม หากจะแยกออกมาว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มไหน เห็นทีจะต้องอธิบายกันยาว ดังนั้น ขออธิบายกันสั้นๆ คือ ไตทำหน้าที่กลั่นกรองสารต่างๆ ที่อยู่ในเลือด สารตัวใดมีมาก อาจจะต้องกำจัดออก สารหลายตัวเป็นที่ต้องการร่างกาย ก็ต้องคัดเลือกแล้วเก็บไว้ ส่วนที่สารพิษหากเปลี่ยนสภาพให้ละลายน้ำได้แล้วอาจจะต้องกำจัดออก ไตนี่แหละที่ทำหน้าที่ทั้งหมดในส่วนนี้

หากไตทำหน้าที่กรองสารในเลือดไม่ได้ โดยปล่อยให้หลุดออกมากับปัสสาวะ หรือทำหน้าที่ในทางตรงข้าม นั่นคือ กักทุกอย่างไว้ สารพิษล้นอยู่ในเลือด แต่กลับขจัดออกทางปัสสาวะไม่ได้ หากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ร่างกายก็ย่อมจะเกิดปัญหา อย่างเช่น ไตเก็บกักสารบางตัวที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ ร่างกายขับออกมา อาจมีผลกระทบต่อสมดุลของสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัญหาที่ตามมาคือ กลไกการทำงานของสารต่างๆ ในร่างกาย อาจจะปรวนแปรเอาได้ง่ายๆ

ในทางตรงกันข้าม หากไตไม่สามารถขจัดเกลือและของเสียอื่นๆ ออกจากร่างกายได้ ผลที่ตามมาก็คือ ร่างกายย่อมเกิดอาการบวม สารพิษเหล่านั้นจะคั่งอยู่ในเลือด จะเกิดปัญหากับระบบอวัยวะที่สารพิษเหล่านั้น ไปมีผลต่อกระทบ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายมีตั้งแต่ผู้ป่วยเกิดอาการหนาวสั่น ไข้สูง ตัวบวม ปวดท้อง ความอยากอาหารลดลง ปวดหลัง กระทั่งอาจจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตามมา

ใครที่เป็นคนช่างสังเกตหน่อย หากหมั่นตรวจสอบปัสสาวะของตนเอง จะด้วยการดูที่สีหรือดมกลิ่น ก็อาจจะพอรู้ได้ว่าไตของตนเองมีปัญหาไปกะเขาบ้างหรือเปล่า ปัสสาวะอาจจะขุ่นข้น แสดงถึงการขับสารโปรตีนบางชนิด หรือสารอื่นออกมากับไต บางรายอาจจะเห็นปัสสาวะมีสีแดงคล้ายมีเลือดปนอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็น ถึงการอักเสบของไต ตามปกติไตไม่ควรขับโปรตีนและเม็ดเลือดออกมาอย่างนั้น

การระมัดระวังดูแลไต ทำได้ง่ายๆ โดยการดูแลเรื่องอาหาร เริ่มง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารพิษหรือปนเปื้อนสารพิษที่อาจสร้างปัญหาให้กับไต พืชผักที่ปนยาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าวัชพืช หากเลี่ยงได้ ก็ให้เลี่ยง หากไม่มั่นใจนักก็ขอให้ล้างทำความสะอาดพืชผักด้วยน้ำปริมาณมากหรือน้ำยาล้างผัก ก่อนการนำไปบริโภค

การล้างพืชผักหรือแม้กระทั่งอาหารจากเนื้อสัตว์ หากทำได้อย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหากับไตไปได้มาก อาหารที่มีข้อมูลว่า อาจจะเกิดปัญหาเอากับไตได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่คุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล นำเสนอก็คือ กุ้งกุลาดำ ซึ่งมีการใช้ยาปฏิชีวนะค่อนข้างสูง มักเป็นยาประเภท ที่สร้างปัญหาให้กับไตได้โดยตรง ซึ่งเรื่องกุ้งกุลาดำนี้เห็นมีการพูดกันมาแล้วหลายเวที หลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่ทราบว่าหน่วยราชการจะจัดการปัญหานี้อย่างไร เพื่อเป็นการปกป้องผู้บริโภค

ผู้เขียนใช้วิธีเลือกรับประทานสัตว์น้ำที่มาจากธรรมชาติ มากกว่าประเภทที่มาจากการเพาะเลี้ยง ไม่ใช่เฉพาะสัตว์น้ำเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์บกหลายชนิดด้วย ที่ต้องเลือกอาหารจากธรรมชาติ ก็เพราะไม่ใคร่จะมั่นใจกระบวนการเพาะเลี้ยงสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่ามีการใช้ฮอร์โมนบ้างไหม ยาปฏิชีวนะใช้มากเพียงใด หรือบางครั้งการใช้มูลเป็ดมูลไก่เลี้ยงปลา อาจได้มาจากเป็ดไก่ ที่ได้รับวัคซีนและยาในปริมาณมาก มูลเหล่านี้อาจสร้างปัญหาได้เหมือนกัน

นอกจากจะต้องระวังตัวเองไม่ให้สัมผัสกับสารพิษที่สร้างปัญหาแล้ว การเลี่ยงอาหารบางชนิดดูเหมือนจะช่วยบำรุงรักษาไตไว้ได้ ตัวแรกเห็นทีจะเป็นเรื่องการลดการบริโภคอาหารเค็ม ไม่ว่าจะเป็นรสเค็มจากเกลือแท้หรือเกลือเทียม การได้รับผงชูรสซึ่งก็เป็นโซเดียมเหมือนกัน เกลือทั้งหลายเหล่านี้ สร้างปัญหาความดันโลหิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อไตได้ค่อนข้างรุนแรง

การลดเกลือนั้น วิธีการที่ถูกต้องคือ การลดอาหารเค็ม อย่าพยายามเลี่ยงเกลือโซเดียมโดยการใช้เกลือโปตัสเซียมแทน เพราะอาจจะกลายเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้ เพราะเกลือโปตัสเซียมสร้างปัญหา ให้ไตได้ไม่น้อยไปกว่าเกลือโซเดียม คงต้องหัดบริโภคอาหารที่เค็มน้อยเข้าไว้ เรื่องอย่างนี้อยู่ที่การฝึกฝน

การเลี่ยงเกลือ นอกจากจะต้องเลี่ยงอาหารเค็มแล้ว ยังต้องระวังอาหารกระป๋อง อาหารหมักดองที่เติมเกลือเป็นหลัก บรรดาเนื้อปรุงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแฮม เบคอน ไส้กรอก หมูยอ แหนม ล้วนแต่ผสมเกลือในปริมาณไม่น้อยทั้งสิ้น สำหรับใครที่ชอบรับประทานเนยแข็ง คงต้องรับทราบไว้ด้วยว่าเนยแข็งแทบทุกชนิด ใส่เกลือในปริมาณมาก หากเลี่ยงหรือลดได้ ก็น่าจะทำ

อาหารหวาน สร้างปัญหาต่อไตได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาของนิ่วในไต มีรายงานว่า การรับประทานน้ำตาลทรายมากๆ อาจจะสร้างปัญหาต่อแคลเซี่ยม ซึ่งในที่สุดแคลเซี่ยมที่ออกมาเพ่นพ่านอยู่ในเลือดบ่อยๆ อาจจะตกตะกอนสร้างปัญหาให้เกิดนิ่วในไตได้

การลดการรับประทานเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์บก ซึ่งให้โปรตีนสูง การรับประทานโปรตีนมากเกินพอดี อย่างเช่น รับประทานเนื้อหรือไก่หรือปลาบ่อยๆ หรือมากเกินจำเป็น จะทำให้โปรตีนถูกขจัดออกจากร่างกายมากเกินไป สร้างปัญหาทำให้ไตต้องทำงานหนัก ถูกใช้งานมากเข้า ไตก็คงค่อยๆเสื่อมลงในที่สุด

อาหารที่อยากจะแนะนำคือ อาหารประเภทพืชผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืชผักจากธรรมชาติ ที่ไม่ปนเปื้อนสารเคมีทั้งหลาย การรับประทานพืชผัก โดยเลือกผักเครื่องแกงไทยนี่แหละดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องฝรั่งจ๋า เลือกผักที่มีชื่อต่างประเทศแต่อย่างใด

ดร.วินัย ดะห์ลัน


[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่ 8 ฉบับที่ 404-406 วันที่ 6 - 19 มี.ค 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600
1